ณ บ้านพระอาทิตย์
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
“กันชา แก้ไข้ผอมเหลืองหากำลังมิได้ ให้ตัวสั่นเสียงสั่นเปนด้วยวาโยธาตุกำเริบแก้นอนมิหลับ”
ข้อความข้างต้นเป็นสรรพคุณเภสัชที่ถูกระบุไว้เป็นครั้งแรกในประเทศไทยปรากฏอยู่ในตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ แต่ด้วยงานวิจัยและพัฒนาทางเภสัชยุคใหม่ ทำให้เรามีความรู้มากขึ้นถึงสรรพคุณสาระสำคัญแต่ละชนิดของกัญชาและกัญชงซึ่งไม่เหมือนกันและใช้ประโยชน์ในการรักษาไม่เหมือนกัน
แม้ว่าการแพทย์แผนไทยจะไม่ได้สกัดเพื่อแยกสารเคมีตัวใดตัวหนึ่งออกมา แต่ทว่าองค์ความรู้ยุคใหม่ทำให้เรามีความเข้าใจมากขึ้นถึงความแตกต่างระหว่างการใช้กัญชาสดกับกัญชาแห้งให้ผลต่อสาระสำคัญไม่เหมือนกันจึงมีผลต่อสุขภาพไม่เหมือนกัน การผ่านความร้อนแต่ละอุณหภูมิด้วยระยะเวลาที่ไม่เท่ากันก็จะทำให้ได้สาระสำคัญของกัญชาที่ไม่เหมือนกันซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพได้ไม่เหมือนกัน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ไม่เพียงจะทำให้การใช้กัญชาได้อย่างแม่นยำขึ้นเท่านั้น ยังทำให้การปรุงเป็นตำรับยาไทยมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นไปด้วย
แต่ในความจริงแล้วกัญชาเป็นเพียงสมุนไพรตัวหนึ่งที่มีสรรพคุณทำให้นอนหลับ ลดการอักเสบ บรรเทาความผิดปกติของระบบประสาทและสมอง ลดอาการเกร็ง ลดการปวด ลดอาการชัก ฯลฯ แต่ก็มีผลเสียด้วยหากมีการใช้อย่างไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสมกับบุคคลนั้น เช่น ความดันโลหิตต่ำ น้ำตาลต่ำ เกิดความขลาดกลัวและหลอนทางจิตประสาท ทำให้ลดการเคลื่อนไหวของระบบทางเดินอาหาร ผลกระทบต่อฮอร์โมน ฯลฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแต่ละคนมีลักษณะรหัสพันธุกรรมและตัวรับในร่างกายที่ตอบสนองต่อกัญชาไม่เหมือนกัน
ยิ่งไปกว่านั้นหากโรคเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น กินอาหารที่ไม่ถูกต้อง หรือกินอาหารแสลงกับกัญชา มีสารพิษและมลพิษ ท้องผูก ขาดการออกกำลังกาย การเกิดพังผืดจากออฟฟิศซินโดรม ฯลฯ ลำพังกัญชาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถที่จะเป็นคำตอบในการรักษาทุกโรคได้ ดังนั้นการบูรณาการองค์ความรู้อย่างอื่นน่าจะเป็นคำตอบมากกว่าการใช้กัญชาแต่เพียงอย่างเดียว
สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต ได้จัดหลักสูตร “วิถีชีวาเวชศาสตร์” (Lifestyle Medicine) มาแล้ว 3 รุ่น และจัดหลักสูตร“การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยระดับยีน (Culinary Course for Healthy and Anti Aging Genomic Diet) มาแล้ว 2 รุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ประชาชนมีความรู้ด้านสุขภาพที่มีการบูรณาการศาสตร์รอบด้าน เพื่อดูแลตนเองและคนในครอบครัวได้ ลดการไปหาหมอให้น้อยลง ใช้ยาเคมีให้น้อยลง ค้นหาความจริงได้แม่นยำขึ้น ตัดสินใจวิธีการรักษาโรคด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น ภายใต้หลักคิดที่ว่า
“ยาที่ดีที่สุดก็คือปัญญา และหมอที่ดีที่สุดก็คือตัวเราเอง”
สำหรับหลักสูตร “วิถีชีวาเวชศาสตร์ รุ่นที่ 4” บัดนี้ได้เปิดรับสมัครแล้ว โดยจะสอนวิชาที่ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้จริง ได้แก่ วิชาโภชนาการบำบัดจากงานวิจัย สมุนไพรประจำบ้านเบื้องต้น การทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร การกดจุดแก้อาการเบื้องต้น การนวดปรับสมดุลในครอบครัว พื้นฐานการจับชีพจรและพื้นฐานการฝังเข็มของการแพทย์แผนจีน การประยุกต์การแพทย์แผนไทยในชีวิตประจำวัน การบริหารระบบภูมิคุ้มกัน การบูรณาการอดอาหารและการล้างพิษ การสืบค้นและอ่านข้อมูลงานวิจัยด้านสุขภาพ การออกกำลังกายเพื่อลดการปวดกล้ามเนื้อและเส้นประสาท ธรรมานามัย การแพทย์ทางเลือก ฯลฯ
โดยเฉพาะในหลักสูตร “วิถีชีวาเวชศาสตร์ รุ่นที่ 4” ได้มีการเปิดวิชาพิเศษตอบสนองตามความต้องการของผู้เรียนได้แก่ วิชาพื้นฐาน “กัญชาเวชศาสตร์สำหรับประชาชน” และ วิชา “ตำรับยาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ” ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้เรียนในการบูรณาการกัญชากับศาสตร์อื่นในหลักสูตรนี้ได้อย่างรอบด้าน ซึ่งไม่เพียงจะเป็นประโยชน์เฉพาะประชาชนทั่วไปที่จะเรียนรู้ในการดูแลสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัวเท่านั้น แต่ยังเหมาะสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพในสายวิทยาศาสตร์สุขภาพที่จะสามารถประยุกต์การบูรณาการองค์ความรู้ทางด้านสุขภาพจากหลายศาสตร์ อีกทั้งยังเป็นประโยน์สำหรับผู้ที่ต้องการต่อยอดในการเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพองค์รวม เป็นผู้บริหาร หรือเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพหรือเวลเนสต่อไปด้วย
สำหรับหลักสูตร “วิถีชีวาเวชศาสตร์ รุ่นที่ 4” จะเริ่มเรียนในวันเสาร์ที่ 28 กันยายน 2562 และจะเรียนทุกวันเสาร์และอาทิตย์ใน 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นจะเริ่มเรียนเฉพาะทุกวันอาทิตย์ ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2562 ถึงวันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม 2562
ส่วนอีกหลักสูตรหนึ่งที่สำคัญอย่างยิ่งก็คือ หลักสูตร “การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยระดับยีน รุ่นที่ 3” (Culinary Course for Healthy and Anti Aging Genomic Diet) เพื่อเรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีในการสืบค้นข้อมูลทางโภชนาการและงานวิจัยของวัตถุดิบทุกชิ้น เพื่อเป้าหมายในการคิดเมนูอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยในระดับยีนจากงานวิจัย ควบคู่กับการบูรณาการและการประยุกต์ใช้ 9 รสยาไทยเพื่อช่วยป้องกันและบำบัดโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคไขมันแทรกตับ โรคความดันโลหิต ท้องผูก โรคนอนไม่หลับ โรคมะเร็ง ฯลฯ
สำหรับการลงมือปฏิบัติการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยระดับยีนนั้นจะต้องทำอาหารสุขภาพที่ต้องอาศัยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ มาบูรณาการร่วมกับการใช้ศิลปะเพื่อการปรุงอาหารให้มีรสชาติอร่อย ด้วยการจัดองค์ประกอบการนำเสนอการจัดจานสวยงาม ภายใต้ข้อจำกัดที่ต้องใช้วัตถุดิบเพื่อสุขภาพเท่านั้น เช่น กลุ่มอาหารมังสวิรัติแบบบริสุทธิ์(ไร้เนื้อ นม และไข่) กลุ่มไขมันชนิดดีสูง กลุ่มไฟเบอร์สูง กลุ่มไร้น้ำตาลและแป้งดัชนีน้ำตาลต่ำที่สุด กลุ่มสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่สุดระดับโลก กลุ่มอาหารพรีไบโอติกเพื่อเพิ่มจำนวนแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ฯลฯ ซึ่งภายใต้เงื่อนไขและข้อจำกัดข้างต้นก็นับว่าเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะสร้างสรรค์ให้เป็นเมนูอาหารที่อร่อยและสวยงามได้หากไม่ได้เรียนหลักสูตรดังกล่าวนี้
แต่ที่พลาดไม่ได้ในหลักสูตรนี้ก็คือหลักคิดค้น “เมนูอาหาร เพื่อแก้อาการผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการใช้กัญชา” !!!! ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับกระแสความต้องการใช้กัญชาที่สูงอยู่ในขณะนี้
หลักสูตร “การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยระดับยีน รุ่นที่ 3” (Culinary Course for Healthy and Anti Aging Genomic Diet) จึงเปรียบเสมือนการทำให้คนธรรมดาเป็น “หมออาหาร” เพื่อทำให้อาหารที่ดีต่อสุขภาพนั้น อร่อย และสวยงาม โดยไม่ใช่การจำสูตรตำรับอาหารที่สอน เพราะรสอาหารและวัตถุดิบตลอดการปรุงอาหารจะเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยแต่ละบุคคลซึ่งไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้เรียนจึงจะได้เรียนรู้ “วิธีการเรียนรู้” และ “วิธีคิด” เพื่อทำให้ “เกิดความเข้าใจ” และสามารถคิดเมนูสร้างสรรค์ใหม่ๆไปได้ตลอดชีวิต โดยผู้เรียนจะได้มีการพัฒนาผ่านการสอบทั้งภาคทฤษฎีด้วยเอกสารและการเล่าเรื่องราว และการสอบภาคปฏิบัติที่จะต้องมีการคิดเอง จัดหาวัตถุดิบเอง และปรุงอาหารเองในเมนูสร้างสรรค์ใหม่ 3 ครั้งในเวลา 3 เดือน โดยคณะกรรมการสอบที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิหลากหลายอาชีพทั้งในด้านสุขภาพและอาหาร รวมถึงคำแนะนำจากเชฟมืออาชีพในระดับแถวหน้าของประเทศไทยที่จะให้คำแนะนำในการสอบภาคปฏิบัติเพื่อพัฒนาผู้เรียนให้ก้าวหน้าขึ้นอย่างก้าวกระโดดในเวลาอันจำกัด
สำหรับหลักสูตร“การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยระดับยีน รุ่นที่ 3” จะเริ่มเรียนปรับฐานภาคทฤษฎี 2 วัน คือ วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2562 และวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2562 ร่วมกับหลักสูตรวิถีชีวาเวชศาสตร์ 2 วิชา หลังจากนั้นจะเรียนทุกวันเสาร์ในภาคทฤษฎีและลงมือปฏิบัติประกอบอาหารจริงทุกวันเสาร์ โดยเริ่มจากวันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป โดยจะเรียน 2 เสาร์ และสอบ 1 เสาร์ ไปจนถึงวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม 2562
และเนื่องจากการจัดทั้ง 2 หลักสูตรข้างต้น ได้จัดเวลาสำหรับคนที่สนใจเรียนควบทั้ง 2 หลักสูตรพร้อมกัน โดยหลักสูตร “วิถีชีวาเวชศาสตร์ รุ่นที่ 4” จะรับสมัคร 50 คน ส่วนหลักสูตร“การประกอบอาหารเพื่อสุขภาพและชะลอวัยระดับยีน รุ่นที่ 3”จะรับสมัครจำกัดเพียง 20 คนเท่านั้น ทั้ง 2 หลักสูตร ไม่จำกัดอายุและวุฒิการศึกษา เมื่อจบหลักสูตรตามเงื่อนไขที่กำหนดแล้ว จะได้รับประกาศนียบัตรจากสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต
ทั้ง 2 หลักสูตรเปิดรับสมัครแล้ว ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันศุกร์ที่ 27 กันยายน 2562 แต่หากมีผู้สมัครเรียนเต็มก่อนสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิตจะขอสงวนสิทธิ์ที่จะปิดรับสมัครก่อนวันที่ 27 กันยายน 2562 จึงควรรีบสมัครด่วนก่อนเต็ม สนใจติดต่อได้ที่สถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต หมายเลขโทรศัพท์ 061-950-6666
ด้วยความปรารถนาดี
ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต