xs
xsm
sm
md
lg

ปริศนาฆาตกรรมกับการเมืองอเมริกา

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน มหาเศรษฐีนักการเงินชื่อดังของสหรัฐฯ
สำหรับวันนี้...คงต้องขออนุญาตมุดเข้าไปในรั้วบ้านของ “ทรัมป์บ้า” หรือในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ช่วงระหว่างนี้ได้เกิดเรื่องเกิดราว เกิดฉากเหตุการณ์ความตึงเครียด ซึ่งแม้จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรื่อง “สงครามการค้า” ระหว่างจีนกับอเมริกา เรื่องการบุก-ไม่บุกเวเนซุเอลา หรือเรื่องการไล่ฟัด ไล่บี้กับอิหร่าน ฯลฯ แต่อย่างใด แถมดันกลับเป็นเรื่อง “เซ็กซ์” ล้วนๆ แต่เผลอๆ...อาจหนักหนาสาหัสซะยิ่งกว่าเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ การทหารของจักรวรรดิอเมริกาเอาเลยก็ไม่แน่!!!

คือเรื่องของอภิมหาเศรษฐีพันล้าน อย่าง “นายเจฟฟรีย์ เอ็พสตีน” (Jeffry Epstein) ที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมาและถูกอัยการแห่งรัฐนิวยอร์กใต้ฟ้องร้องในข้อหา “ล่วงละเมิดทางเพศ” เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี รวมทั้งเป็นผู้จัดส่ง จัดหา บรรดาพวกเด็กๆ ไปบำรุงบำเรอความสุขทางเพศของผู้มีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจ-การเงิน ในระดับข้ามชาติ ข้ามประเทศ จนถูกพิพากษาให้จำคุกในเรือนจำแมนฮัตตันหรือ “MCC” (Metropolitan Correction Center) เป็นเวลา 48 ปี แต่ครั้นเมื่อช่วง 6 โมงเช้าของวันเสาร์ (10 ส.ค.) ที่ผ่านมา ก็ดันถูกระบุว่า “ผูกคอตาย” ในเรือนจำไปเรียบร้อยแล้ว???

โดยการตายที่ยังเป็น “ปริศนา” ว่าจะ “ฆ่าตัวตาย” หรือ “ถูกใครฆ่าตาย” หรือไม่ อย่างไร นี่เอง...ที่ทำให้เกิด “คลื่นแห่งความช็อก” (ถ้าว่ากันตามสำนวนของนักคิด นักข่าว อย่าง “Wayne Madsen” สรุปไว้ในเว็บไซต์ “Intrepid Report” ) สาดซัดเข้าใส่แวดวงการเมือง วงการธุรกิจ สังคม ในสหรัฐฯ ระดับพอๆ กับ “คลื่นสึนามิ” อะไรประมาณนั้น หรือถึงขั้นที่สำนักข่าว “Russia Today” ต้องนำไปพาดหัวข่าวว่า “การตายของเอ็พสตีน...เป็นเรื่องลึกลับซับซ้อนไม่น้อยกว่าการลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีเคนเนดี้” เอาเลยถึงขั้นนั้น แม้แต่สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” ยังต้องสละเนื้อที่บทบรรณาธิการ ให้กับการชี้ให้เห็น “จุดด่างพร้อย” ของระบบการเมืองอเมริกา อันเนื่องมาจากมรณกรรมดังกล่าวอีกด้วย...

ยิ่งเมื่อกระทั่งตัวผู้นำอเมริกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” ...ยังยิ่งอุตส่าห์เพิ่มความลึกลับ ซับซ้อนให้กับมรณกรรม หรือฆาตกรรมรายนี้ให้หนักขึ้นไปอีก ด้วยการนำเอาข้อความที่ดาราตลกรายหนึ่ง “ทวีต” เอาไว้ มา “ทวีตซ้ำ” ในลักษณะชวนให้เกิดข้อสงสัยว่าอดีตประธานาธิบดีอเมริกัน อย่าง “นายบิล คลินตัน” จะเกี่ยวข้อง พัวพันกับการมรณกรรม หรือฆาตกรรมครั้งนี้ด้วยหรือไม่ อย่างไร ทั้งๆ ที่ตัวของ “ทรัมป์บ้า” เองนั่นแหละ นอกจากจะเคยมีความสนิทชิดเชื้อกับ “นายเอ็พสตีน” แบบเหนียวหนับ แนบแน่นมิใช่น้อย รวมทั้งบรรดารัฐมนตรีในคณะรัฐบาลของ “ทรัมป์บ้า” อีกหลายต่อหลายราย แถมตัวเองยังเคยถูกฟ้องร้องเป็นผู้ต้องหาร่วมกับ “นายเอ็พสตีน” เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2016 ในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศเด็กหญิงอายุต่ำกว่า 13 ปี ที่แมนชั่นของผู้ตายในย่านแมนฮัตตัน...

การ “ทวีตซ้ำ” ในลักษณะที่ว่า...จึงเป็นไปได้ทั้งการ “โยนขี้” ไปให้ศัตรูทางการเมืองฝ่ายตรงกันข้าม หรือไม่ก็เป็นการ “เบี่ยงเบน” ไม่ให้เรื่องขี้ๆ เหล่านี้ เข้ามาเปรอะเปื้อนตัวเอง เพราะความพยายามรื้อฟื้นเรื่องราวการ “ล่วงละเมิดทางเพศเด็กๆ” โดยตัว “ทรัมป์บ้า” เอง ในช่วงอดีตที่ผ่านมา ก็ดูจะเริ่มกระเซ็นกระสายออกมาเป็นข่าวคราวกันบ้างแล้ว ว่ามีการ “จ่ายเงินค่าปิดปาก” ให้กับเด็กรายใดไปแล้วบ้าง แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่า “ทรัมป์” หรือ “คลินตัน” ล้วนแล้วแต่ถือเป็นเพื่อนสนิท ระดับซี้แหง ย่ำปึ่กกับ “เจฟฟรีย์ เอ็พสตีน” มาก่อนด้วยกันทั้งสิ้น เคยออกงาน ออกการ ร่วมกิน ร่วมดื่ม แถมยังเคยได้รับเชื้อเชิญให้ไปเยือนเกาะส่วนตัวของ “นายเอ็พสตีน” ในแถบทะเลแคริบเบียน ที่เรียกๆ กันว่า “เกาะแห่งล่วงละเมิดทางเพศเด็กๆ” (Pedophilia Island) มาแล้วด้วยกันทั้งนั้น...

และไม่เพียงแต่ 2 ประธานาธิบดีอเมริกัน อย่าง “ทรัมป์บ้า” และ “บิล คลินตัน” เท่านั้น ที่ซี้แหง ย่ำปึ่กกับ “นายเจฟฟรีย์ เอ็พสตีน” นักธุรกิจระดับพันล้าน หมื่นล้าน ผู้นำทางการเมืองในระดับโลกอีกหลายต่อหลายประเทศ รัฐมนตรี ทูต ฯลฯ ตลอดไปจนบุคคลผู้มีอำนาจทางการเมือง เศรษฐกิจระหว่างประเทศอีกจำนวนไม่น้อย ล้วนเคยมีวงจรความสัมพันธ์กับ “นายเอ็พสตีน” มากบ้าง น้อยบ้างไปตามสภาพ อย่างเช่น อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายเอฮุด บารัค” เป็นต้น ที่ถึงขั้นร่วมลงทุนทำธุรกิจกันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก ไปจนเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานข่าวกรองอิสราเอล อย่าง “มอสสาด” ในแต่ละยุค รวมถึงบรรดานักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายยิว ที่ช่วยสนับสนุนการเงิน-การทองให้กับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอเมริกัน ในแต่ละสมัยแม้แต่ในสมัยประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เองก็เถอะ...

การตายของ “นายเจฟฟรีย์ เอ็พสตีน” ที่อดีตผู้บัญชาการเรือนจำ “MCC” ได้ออกมา “ฟันธง” แบบมิดด้าม เต็มด้าม ว่าไม่มีความเป็นไปได้เอาเลยแม้แต่น้อย ที่ผู้ต้องขังรายใดจะสามารถ “ฆ่าตัวตาย” ด้วยการแขวนคอตัวเองในห้องขังได้โดยเด็ดขาด ภายใต้การทำงานของกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทุกซอกทุกมุม และภายใต้การตรวจการณ์ของเจ้าหน้าที่เรือนจำทุกๆ ช่วง 30 นาที มันจึงเป็นการตายที่เต็มไปด้วย “ปริศนา” ลึกลับ ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ พอๆ กับ “การลอบสังหารเคนเนดี้” ขึ้นมาจนได้ ยิ่งโดยเฉพาะใครก็ตาม ถ้ามีโอกาสได้ไปอ่านข้อเขียน บทความของ “เหยี่ยวข่าวสาว” ชาวชิลี ผู้มีนามกรว่า “Whitney Webb” ในเว็บไซต์ “Mint Press News” ที่ได้หยิบเอากรณีของ “นายเจฟฟรีย์ เอ็พสตีน” มาใช้เป็นตัวอย่างเพื่อเปิดโปงและไล่เรียงให้เห็นถึงเบื้องหลัง เบื้องลึกของความไม่ชอบพากลในระบบการเมืองอเมริกา ก่อนหน้าที่ “นายเอ็พสตีน” จะเด๊ดสะมอเร่ อิน เดอะ เท่งทึง ยาวเหยียดถึง 3 ตอนด้วยกัน ยิ่งน่าจะตกตะลึงพรึงเพริด หรือน่าจะ “ช็อก” ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

ไล่เรียงมาตั้งแต่ข้อเขียนตอนแรกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ใช้ชื่อว่า “Hidden in Plain Sight: The Shocking Origins of the Jeffry Epstein Case” ตอนที่สองเมื่อวันที่ 25 ก.ค. ใช้ชื่อว่า “Government by Blackmail : Jeffry Epstein, Trump’s Mentor and the Dark Secrets of the Reagan Era” และตอนที่สาม เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ก่อนหน้าการตายของ “นายเอ็พสตีน” แค่ 3 วันเท่านั้นเอง ใช้ชื่อว่า “Mega Group, Maxwell and Mossad: The Spy Story at the Heart of the Jeffry Epstein” ใครที่สนใจลองไปหาอ่านเอาเองก็แล้วกัน แต่ถ้าสรุปโดยย่อๆ คร่าวๆ คงประมาณว่า ไม่ว่าจะเป็น “มาเฟียอเมริกัน” “เอฟบีไอ” หน่วยงานข่าวกรองอิสราเอลอย่าง “มอสสาด” ล้วนแล้วแต่ถูกถักทอบูรณาการกันมาตั้งแต่ต้นและอย่างเป็นเครือข่าย ให้สามารถครอบงำระบบการเมืองอเมริกัน โดยอาศัยเรื่อง “เซ็กซ์” ประเภท “การล่วงละเมิดทางเพศพวกเด็กๆ” นี่แหละ มาใช้เป็นเครื่องมือในการ “แบล็กเมล์ทางการเมือง” มาโดยตลอด ดังนั้น...ใครก็ตามที่ยังคงยกย่อง ชื่นชม “ประชาธิปไตยแบบอเมริกา” น่าจะลองไปหาบทความเหล่านี้มาอ่านซะโดยพลัน เผลอๆ...อาจเกิดอาการ “ตาสว่าง” หรืออาจหันมาเห็นคุณค่า “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” ได้มั่ง ไม่มากก็น้อย...
กำลังโหลดความคิดเห็น