xs
xsm
sm
md
lg

สิ่งที่ได้จากการแถลงนโยบาย : สาระและอสาระ

เผยแพร่:   โดย: สามารถ มังสัง


การแถลงนโยบายของรัฐบาล ซึ่งมีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำ โดยมีพรรคร่วมอีก 19 พรรคภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ผ่านพ้นไปด้วยความเรียบร้อย ดังนั้นต่อจากนี้ไปจึงเป็นหน้าที่ของประชาชน และฝ่ายค้านจะต้องคอยติดตามดูว่าสิ่งที่รัฐบาลได้แถลงไว้ได้มีการดำเนินการตามนั้นหรือไม่ และดำเนินการแล้วได้ผลเป็นประการใด และมากน้อยแค่ไหน

ถึงแม้ว่าการแถลงนโยบายได้จบไปแล้ว แต่ผลพวงของการแถลงนโยบายทั้งในแง่บวก และแง่ลบได้เกิดขึ้นแล้ว จะเห็นได้จากปรากฏการณ์ดังต่อไปนี้

1. ในแง่บวก

ถ้ามองนโยบายแล้ว การประชุมรัฐสภาเพื่อรับฟังการแถลงนโยบายจากรัฐบาล เมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น จะเห็นได้จากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้

1.1 นโยบายซึ่งแถลงต่อรัฐสภาในวันนั้น ถ้ามองเพียงกว้างๆ จะเห็นว่าครอบคลุมความต้องการของประเทศในทุกด้าน และถ้าสามารถทำได้ตามนี้ เชื่อว่าจะทำให้ประเทศไทยก้าวหน้าไปสู่การพัฒนาได้ในระดับหนึ่ง

1.2 ตลอดเวลาของการประชุม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาได้นั่งฟังการอภิปรายและได้ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นที่มีผู้สงสัย จึงทำให้รัฐสภามีความสำคัญและเป็นตัวอย่างที่ดีของนักการเมืองในอนาคต

1.3 สมาชิกพรรคฝ่ายค้านหลายคน โดยเฉพาะจากพรรคอนาคตใหม่อภิปรายได้เนื้อหา และสาระควรแก่การรับฟังและนำไปแก้ไข ทั้งวาจาที่ใช้สุภาพไม่หยาบคาย

2. ในแง่ลบ

ในการอภิปรายนโยบาย ฝ่ายค้านจะต้องศึกษานโยบายแต่ละด้านในทุกแง่มุม และหากพบว่ามีข้อบกพร่องแล้วนำมาบอกกล่าว พร้อมทั้งเสนอแนะแนวทางแก้ไขควบคู่กันไป ดังที่ฝ่ายค้านบางคนได้แสดงความคิดเห็นเป็นที่ประจักษ์ไปแล้วนั้น แต่ก็ยังมีหลายท่านจากฝ่ายค้านยังมีพฤติกรรมทางการเมืองแบบเก่าๆ คือพูดอภิปรายไม่มีเนื้อหาสาระ ทั้งภาษาที่ใช้เป็นคำหยาบ ซึ่งขัดต่อหลักคำสอนของพระพุทธศาสนาที่ว่าด้วยคำพูดอันเป็นสุภาษิตดังต่อไปนี้

1. ถูกกาลเทศะ

2. เป็นความจริง

3. อ่อนหวาน

4. ประกอบด้วยประโยชน์

5. มีจิตประกอบด้วยเมตตา

ทั้งนี้จะเห็นได้จากเหตุปัจจัยในแง่ลบดังต่อไปนี้

2.1 ผู้อภิปรายจากพรรคฝ่ายค้านบางคนมีพฤติกรรมก้าวร้าว และพูดด้วยถ้อยคำที่เรียกได้ว่าไม่สุภาพ ทั้งเนื้อหาก็ไม่สอดคล้องกับกาลเทศะ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง

2.2 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะผู้นำฝ่ายบริหาร ถึงแม้จะมีภาพลักษณ์เป็นบวกที่ได้นั่งฟังการอภิปรายตลอด แต่ก็ยังมีภาพลักษณ์ในด้านลบ ในส่วนของพฤติกรรมที่แสดงออกไม่สอดคล้องกับสถานภาพทางสังคมที่เป็นปัจจุบัน ทั้งยังผิดพลาดในด้านข้อมูล เมื่อบอกว่าคนจนไม่เสียภาษี ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง คนดีก็เสียภาษีอย่างน้อย 2 ประเภทคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อซื้อสินค้า จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ และภาษีเงินได้ส่วนบุคคล ซึ่งหัก ณ ที่จ่ายเงินเดือนและค่าจ้าง

สรุปโดยรวม การแถลงนโยบายของรัฐบาลเมื่อวันที่ 25-26 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลมีข้อบกพร่อง และผิดพลาดให้เห็นด้วยกันทั้งสองฝ่าย แต่เป็นความบกพร่องและผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงกับทำให้การเมืองในระบอบประชาธิปไตยโดยรวมเสียหาย แต่ถ้าไม่มีเลยก็จะดีกว่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น