"โสภณ องค์การณ์"
นานๆ ชาวบ้านจะได้เห็น “ท่านลุงป็อปปูลาร์” อยู่ในสภาพเหมือน “เสือลำบาก ติดจั่น ดิ้นไม่หลุด” และยังทำท่าว่าจะนำไปสู่ความยุ่งยาก มีช่องว่าง จุดอ่อนให้ฝ่ายค้านและฝ่ายจ้องตรวจสอบได้เล่นงานอย่างถนัด และถูกมองว่าเป็นการพลาดครั้งสำคัญ
ก็เรื่องข้อกล่าวหาว่าลุงป็อปปูลาร์กระทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญเพราะไม่กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณด้วยข้อความสมบูรณ์ จนกลายเป็นเรื่องยืดเยื้อ
และดูเหมือนว่ายังไม่มีใครชี้ทางออกว่าจะเป็นอย่างไรอีกด้วย!
“เรื่องแรกที่เป็นประเด็นสำคัญ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงกังวลอยู่อย่างเดียวว่าจะทำอย่างไรถึงจะทำงานได้ ก็หวังให้ทุกคนได้ทำงานต่อไป ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดูว่าเขียนว่าอย่างไร อย่างไรก็ตาม ก็คงยังจะมีรัฐบาลอยู่ และต้องขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่าผมได้ทำเต็มที่แล้ว”
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคำกล่าวของท่านลุงป็อปปูลาร์ ต่อที่ประชุมข้าราชการผู้บริหารระดับสูงวันก่อน หลังจากถูกรุกไล่อย่างหนักโดยฝ่ายค้านและ “นักร้องเรียน” กรณีการตกหล่นของข้อความในการถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์
ท่านลุงได้พยายามพูดจาให้เรื่องสงบ รวมทั้งมีเนติบริกร ผู้รู้ทางกฎหมายอ้างว่าเรื่องนั้น “จบแล้ว” ไม่ควรต่อความยาวสาวความยืด หรือยกมาให้เป็นเรื่อง นั่นนี่โน่น โดยไม่ยอมอธิบายว่ามีถ้อยคำตกหล่นจริงหรือไม่ และเป็นเพราะเหตุใด
ล่าสุดการยอมรับมีคำอ้างว่า “ไม่มีเจตนาจะกระทำความผิด...เขาดูที่เจตนา” แต่ก็ยังไม่มีคำอธิบายอีกนั่นแหละว่าเป็นเพราะอะไร ถึงเกิดเรื่องเช่นนั้น
ทำให้คนตั้งข้อสงสัยต่างๆ ว่า “ข้อความในกระดาษที่อ่านมีแค่นั้น หรือมีมากกว่านั้น แต่ไม่ได้อ่าน?” ก็นำไปสู่คำถามว่า “ทำไม คิดอย่างไร ถึงไม่อ่าน?”
การที่ท่านลุงยอมรับว่า “ไม่เจตนา” น่าจะตัดประเด็นเรื่องที่มีคนสงสัยว่าบนแผ่นกระดาษที่อ่านมีข้อความไม่ครบหรืออย่างไร และถ้าไม่เจตนาแล้วมันคืออะไร
เป็น “ความบกพร่องโดยสุจริต” อย่างที่เป็นคำอ้างคุ้นหูหรืออย่างไร?
เพราะข้อความในรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ให้อ่าน ก็ต้องอ่านตามนั้น เพราะเป็นพิธีการที่สำคัญ จะอ่านตกหล่น หรือแต่งเติมข้อความก็ไม่ได้ และคนอย่างท่านลุง มีที่ปรึกษาเป็นนักกฎหมายระดับอภิมหากูรูอยู่คู่กาย มีหรือจะไม่รับรู้เรื่องนี้
เป็นไปได้ก็คือ อาจนึกว่าการตกหล่นถ้อยคำไม่มีความสำคัญ! จะให้สงสัยหรือคิดเป็นอย่างอื่น หรือมีเหตุอื่น ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้อย่างไร จะว่าเป็นความตื่นเต้น ก็ไม่น่าจะใช่เพราะคนอยู่ในอำนาจมายาวนาน ต้องมีสติหนักแน่นมั่นคง
คนก็ย้อนคิดไปถึงวันที่ท่านลุงแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ซึ่งถูกมองว่าเร่งรีบอ่าน เหมือนอ่านแบบลวกๆ ให้เสร็จสิ้นพิธีกรรมอันจำเป็น มีบางช่วงมี ส.ส. ติงว่าอ่านข้ามไป 2 แผ่น และท่านลุงเองก็ขอร้องให้เตือนด้วยว่ามีช่วงไหนอ่านข้ามอีก
เป็นประเด็นถึงเรื่องอ่านข้าม และมีข้อความที่ไม่อยู่ในคำแถลง ถูก สส. ทักท้วงหลายครั้ง ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยผู้นำรัฐบาลคนก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงความ “ไม่ใส่ใจ” ไม่เห็นความสำคัญกับข้อความซึ่งผูกมัดรัฐบาลในการทำงาน
หรือเป็นเพราะคุ้นเคยกับการมีอำนาจพิเศษอยู่ยาวนาน 5 ปี โดยไม่มีฝ่ายค้าน ไม่มีใครกล้าหือ หรือขัดใจ ไปทางไหนมีแต่คนเอาใจ พินอบพิเทา ใช่หรือไม่
คำประกาศว่าจะ “รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” ครม. คนอื่นไม่เกี่ยว อาจจะไม่เพียงพอ เพราะ คนกล่าวคำปฏิญาณก็กล่าวตามท่านลุง ถ้ามีปัญหาเรื่องการตกหล่น ก็ต้องเป็นทั้งคณะ ส่วนจะมีปัญหาเรื่องราวอะไรตามมานั้น ไม่มีใครคาดการณ์ได้
แม้แต่อภิมหากูรูด้านกฎหมายของรัฐบาล ที่สิงห์เหลิม บางบอน บอกว่าเป็นบิดาแห่งกฎหมายของคณะรัฐประหารและรัฐบาล ก็ยังยอมรับว่า “มึน” ซึ่งเป็นวาระหาได้ยากซึ่งผู้รอบรู้ทุกเรื่อง ตอบได้ทุกเรื่องจะถึงเวลาต้องอับจนปัญญาบ้าง
เอาเถอะ เมื่อประกาศว่าจะขอรับผิดชอบ ก็มีคำถามว่า “จะรับผิดชอบอย่างไร แล้วจะทำอย่างไรต่อไป” เพราะเมื่อการกล่าวคำปฏิญาณถวายสัตย์ไม่สมบูรณ์ เท่ากับว่ายังไม่เสร็จสิ้นพิธีการที่จำเป็นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ใช่หรือไม่
ก็รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ทุกคนก็รับรู้ตามกฎหมาย!
ถ้าอ้างว่าอีกไม่นานก็จบ จะมีคำถามว่า “จบอย่างไร” ผ่านกระบวนการแก้ไขให้พิธีการเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์หรืออย่างไร และจะกระทำโดยวิธีไหน จะมีปัญหา ข้อสงสัยถึงความไม่เหมาะไม่ควรหรือไม่ เพราะยังไม่มีใครให้ความกระจ่างชัด
ที่ว่ามาอย่างนี้พวกติ่ง กองเชียร์ แฟนคลับลุง คงไม่พอใจ “ไอ้ห่. ก็ท่านบอกแล้วว่าไม่เจตนา แล้วจะไปซักหาตวักตะบวยอะไรกันนักหนา?”
ขอตอบว่า “ถ้าเรื่องนี้จบกันได้ง่ายๆ” อย่างที่พวกนักรู้เยอะอ้าง ก็คงจบไปแล้ว ท่านลุงคงไม่ต้องตากหน้ามายอมรับและประกาศว่า “ไม่เจตนา” ต่อข้าราชการ และจะต้องบอกว่าจะรับผิดชอบอย่างไร เมื่อไหร่ หาทางออกให้เรื่องจบที่เหมาะสมด้วย
จะบอกว่าให้จบๆ กันไปเถอะ ลืมๆ กันไป ตั้งหน้าตั้งตาแก้ไขปัญหาประเทศดีกว่า ยังมีเรื่องอื่นๆ อีกเยอะ ก็ทำไม่ได้ เพราะจะถูกมองว่าปฏิบัติต่อเรื่องนี้โดยคิดว่าไม่สำคัญ มาบัดนี้ ลุงป็อปปูลาร์และคณะต้องยอมรับว่าจะเป็นประเด็นยืดเยื้อ
อย่างน้อยที่สุดก็จะมีคนยื่นเรื่องไปศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยว่าความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ทำให้เป็น “โมฆะ” หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าเป็นอย่างนั้น จะมีคำถามว่าท่านลุงจะคืนสู่สภาพเดิม คือเป็นหัวหน้า คสช. พร้อมอำนาจพิเศษเต็ม อีกหรือไม่
ถ้าทุกอย่างกลับไปสู่ที่เดิม แล้วเรื่องรัฐสภา และอื่นๆ จะเป็นอย่างไร เห็นหรือยังว่าการพูดตกหล่นเพียงแค่บรรทัดเดียว ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ได้แค่ไหน
จะลืม หรือให้หยวนๆ กันไป ไม่ง่ายเสียด้วย มีคนไม่ยอมแน่!