xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**"คดีทางด่วน"เผือกร้อน" ในมือ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" ดอกเบี้ยวิ่งทุกวัน ลงเอยแบบไหนที่จะไม่เป็นภาระรัฐ-ประชาชน หรือจะให้ซ้ำรอยที่ดินหมอชิต "รัฐมนตรี-บิ๊กขรก. ผิดละเมิด" ชดเชยอ่วมอรทัย

สัปดาห์นี้ "ศักดิ์สยาม ชิดชอบ" รมว.คมนาคม จะเรียกการทางพิเศษแห่งประเทศไทย( กทพ.) เข้าชี้แจงข้อมูลเรื่องข้อพิพาทและการต่อสัญญาสัมปทานทางด่วน "เผือกร้อน" ที่สังคมกำลังจับตามอง ... แน่นอนว่า ผู้คนย่อมต้องการจะดูว่า รมว.คมนาคม คนใหม่จะทำอย่างไรกับ "เผือกร้อน" นี้ เพราะของเดิมผลการเจรจาให้ยุติข้อพิพาท 1.37แสนล้าน พร้อมด้วยเงื่อนไขที่แม้กระทั่งคน กทพ.เองยังยอมรับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
ถ้าหาก "รมว.ศักดิ์สยาม" เห็นตามหน่วยงานต้นเรื่องกทพ. เรื่องก็จะเดินไปข้างหน้า
เดิมเรื่องนี้ กทพ. เจรจากับ BEM คู่พิพาทเป็นไปตามคำสั่งครม. ส่วนข้อยุติซึ่งมีเงื่อนไขต่างๆ ก็จะอยู่ที่นโยบายรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งหากครม.เห็นชอบกรอบและหลักการ หากจะมีการต่อสัญญายังจะต้องเจรจาในรายละเอียดในแต่ละเงื่อนไขกันอีกครั้ง ... แนวทางนี้ทุกฝ่ายเชื่อว่า จะแก้ปัญหาทุกอย่างได้เบ็ดเสร็จ เหลือเพียง ” รมว.ศักดิ์สยาม” จะกล้าทุบโต๊ะมั้ย ?
"คมนาคม" เป็นหัวใจสำคัญต่อเศรษฐกิจประเทศ มีโครงการเมกะโปรเจกต์ มูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท ทุกๆ การบริหารจัดการของกระทรวงย่อมผูกพันไว้กับความเชื่อมั่นของทั้งประชาชน และนักลงทุน ยิ่ง "รมว.ศักดิ์สยาม" ที่น่าจะชัดเจนว่า จะดูแลและกำกับ กทพ.โดยตรงด้วยแล้ว ยิ่งต้องทำให้ชัด และเกิดความเชื่อมั่น... พูดง่ายๆ ว่า การตัดสินใจสำคัญต้องไม่พลาด !
แต่กรณีถ้าไม่เอาแนวทางเดิม ล้มเจรจาแล้วเกิดแพ้คดีในอนาคต อย่างน้อยๆ 17คดี ที่อยู่ในขั้นตอน ซึ่งไม่มีใครตอบได้ว่า จะแพ้คดีแค่ไหน จะแพ้พร้อมกันหลายคดีหรือไม่ ... คำถามจากนั้นคือ จะหาเงินไปชำระได้ทันหรือไม่ สุดท้ายจะเป็นภาระงบประมาณ ภาษีประชาชนหรือไม่ ? เพราะคำนวณมูลค่าพิพาทจะสูงถึง 3 แสนกว่าล้าน !
ขณะที่ ตัวเลขที่พิพาท 1.37 แสนล้านนั้น คำนวณมูลค่าถึง ณ วันที่ 31 ธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งผลเจรจาสามารถลดยอดลงเหลือ 5 หมื่นกว่าล้าน ขณะนี้ 30 ก.ค. 62 เวลาที่ผ่านมา 6 เดือนนั้น มูลค่าขยับขึ้นอีกยังไม่รู้ว่าเท่าไหร่ ... อย่าลืมว่า ดอกเบี้ยวิ่งทุกวัน ถ้า "รมว.ศักดิ์สยาม" ตัดสินใจว่าจะไม่จบ สั่งให้กทพ.สู้ต่อ ถ้าแพ้มาซึ่งแนวโน้มดูจากคดีที่แพ้มาก็ไม่ต่างกัน
คำถามที่จะตามมาอีกว่า "รมว.ศักดิ์สยาม" เลี่ยงได้หรือไม่ ที่จะต้องรับผิดทาง"ละเมิด" และยังต้องพ่วงคนที่เกี่ยวข้องอย่าง"อาคม เติมพิทยาไพสิฐ" รมว.คมนาคม คนก่อนหน้า หรือ "หมอระวี มาศฉลาดล" หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ด้วยหรือไม่
บทเรียนในอดีต เมื่อปี 2555 ถ้ายังจำกันได้ เหมือน "คดีที่ดินหมอชิต" ซึ่งกรมธนารักษ์ แพ้ต่อ BTS คนที่เกี่ยวข้องทั้งรัฐมนตรี อธิบดี อดีตอธิบดี ข้าราชการระดับสูงที่เกษียณขณะนั้น ต้องร่วมกันชดเชยเงินคืนให้แก่ BTS ทบต้นและดอกเบี้ยอ่วมอรมัย สมัยนั้นดอกเบี้ยที่วิ่งก็ปาไปวันละแสน
เรื่องนี้ โดยหลักการ กทพ. ย่อมต้องพยายามบริหารความเสี่ยงให้ยุติข้อพิพาท และไม่เป็นภาระต่อรัฐ-ประชาชน ขณะที่ สัญญาใหม่ และเงื่อนไขเดิม หากคิดว่า กทพ.เสียเปรียบ ก็ค่อยเจรจาปรับแก้ ... ส่วนกรณีที่เห็นว่า กทพ. ควรจ่ายชดเชยคดีทางแข่งขัน ตามคำสั่งศาล ส่วนคดีที่ยังไม่ยุติ ให้ต่อสู้ไปตามขั้นตอน หากในอนาคตคดีสิ้นสุดผลออกมาว่า กทพ.แพ้ กทพ.ยังจะมีรายได้จากค่าผ่านทางมาชำระได้นั้น ...
เรื่องนี้ กรณีไม่ต่อสัญญา กทพ.จะได้ทางด่วนมาบริหารเองในระยะ 30 ปี จะมีรายได้ค่าผ่านทางประมาณ 7 แสนล้านบาท แต่ปัญหาคือ กทพ.มีค่าใช้จ่ายสูงเช่นกัน รวมๆกว่า 3 แสนล้านบาท เพราะมีค่าใช้จ่ายพนักงาน เฉลี่ยคนละ 8 หมื่นบาท/ปี ตลอด 30 ปี คิดเป็นเงินเท่าไร ? ... ยังมี ค่าก่อสร้างทางเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาจราจร หาก ต้องไปก่อสร้างบนทางด่วนที่ยังเป็นสัมปทานของ BEM อยู่ จะต้องเจรจากันอีก เพื่อเลี่ยงถูกฟ้องคดีแข่งขันอีก
วันนี้ กทพ. มีศักยภาพในการสร้างรายได้ ปีละ 5,700 ล้านบาท ต้องนำส่งรัฐ 3,500 ล้านบาท เหลือใช้จ่าย 1,000 กว่าล้านบาท
ทั้งคดี, ค่าพิพาท ,ค่าชดเชย,การละเมิด หากจะต้องแบกรับ คนที่ต้องแบกรับ ไหวหรือไม่ ?
ชั่วโมงนี้อยู่ที่ กทพ.และ รมว.ศักดิ์สยาม เท่านั่น .

** เปิดตัวทีมงานโฆษกรัฐบาลลุงตู่ "นฤมล-ธนกร-ไตรศุลี" ที่นอกจากจะมีภารกิจหลักในเรื่องโปรโมตผลงานรัฐบาลแล้วยังต้องรับมือ "การเมือง" ในยุคโซเชียลฯ ที่เต็มไปด้วย ข่าวจริง ข่าวลวง สารพัด

"ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เคยพูดถึง "สเปก" ของโฆษกรัฐบาลไว้ว่า ต้องรอบรู้ เข้าใจการเปลี่ยนแปลงของประเทศ โดยเฉพาะโลกในยุคโซเชียลฯ ดิจิทัล รวมถึงรู้ในระบบราชการด้วย... และบัดนี้ก็มีการเปิดชื่อออกมาแล้วว่า โฆษกรัฐบาล คือ "นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ส่วนรองโฆษกฯ อีก 2 คนคือ "นายธนกร วังบุญคงชนะ" รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ "น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล" ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย และเตรียมนำชื่อเสนอต่อที่ประชุมครม.ใน วันนี้ (30ก.ค.)
สำหรับ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 5 พรรคพลังประชารัฐ ที่มีบุคลิกไปทาง"นักวิชาการ" แต่คนในพรรคมองว่า มีคุณสมบัติเด่น ทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคม ที่จะอธิบายถึงรายละเอียดต่างๆของโครงการที่รัฐบาลกำลังทำอยู่ และกลไกระบบราชการต่างๆ เคยเป็นอาจารย์ นิด้า ตำแหน่งวิชาการ คือ ศาสตราจารย์ ส่วนการศึกษาจบสถิติศาสตรบัณฑิต (คณิตศาสตร์ประยุกต์) จุฬาฯ , Master of Science (คณิตศาสตร์ประยุกต์) Georgia State University สหรัฐอเมริกา , Master of Business Administration (Applied Economics)University of Pennsylvania และ Doctor of Philosophy (Finance) University of Pennsylvania สหรัฐอเมริกา ...
ก่อนจะได้รับการคัดเลือกให้ลงสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ ก็ทำงานให้ "รัฐบาลลุงตู่" มาก่อน ในตำแหน่ง "ผู้ช่วยรมว.คลัง" ผู้อยู่เบื้องหลัง "บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" หรือ "บัตรคนจน" ที่เป็นผลงานชิ้น "โบว์แดง" ของรัฐบาลลุงตู่ ซึ่งปัจจุบันมีคนถือบัตรนี้ถึง 14.5 ล้านราย...
ส่วน "ธนกร วังบุญคงชนะ" รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนในสายของ "กลุ่มสามมิตร" ที่ได้โชว์ผลงาน ตั้งแต่ช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ปะทะโต้ตอบกับคนของพรรคเพื่อไทย มาหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ "โอ๊ค" พานทองแท้ ชินวัตร และอีกหลายคน รวมทั้งระดับหัวแถวของพรรคอนาคตใหม่ ... กระทั่งในช่วงจัดตั้งรัฐบาล ที่มีการต่อรองกระทรวงสำคัญ ก็ยังเคยปะทะกับ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อย่างไม่ลดรา วาศอก ... คงจะยังพอจำกันได้ที่ "เสี่ยหนู" โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า "กระทรวงมีไว้ทำงาน ไม่ได้มีไว้แลก" ยังเจอ "ธนกร" โพสต์สวนกลับไปว่า "กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้ให้เข้าไปหางานเพื่อบริษัท" เล่นเอาผู้หลักผู้ใหญ่ ต้องออกมาส่งสัญญาณให้เพลามือ
"ธนกร" จบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ ม.เกริก ปริญญาโท ศิลปศาสตรมหาบัณฑิต (รัฐศาสตร์) รามคำแหง และ ปริญญาเอก ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวสเทิร์น นอกจากนี้ยังเข้าอบรมหลักสูตรพิเศษ ที่จัดขึ้นโดยสถาบัน และองค์กรต่างๆ อีกมากมายยาวเป็นหางว่าว ... ผ่านงานการเป็นกรรมการ ที่ปรึกษารัฐมนตรี หลายกระทรวง ในช่วง คสช. ยังเป็น ที่ปรึกษา รองประธาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ คนที่ 2 (นายพีระศักดิ์ พอจิต)
ก่อนที่จะได้มาเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 27 และ เป็นรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ นั้น เมื่อปี 2550 เขาเคยลงสมัคร ส.ส. เขต 4 กรุงเทพ สังกัดพรรคมัชฌิมาธิปไตย มาก่อน แต่สอบไม่ผ่าน...
สำหรับ "น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล" บุตรสาว "นายวิชิต ไตรสรณกุล" นายกอบจ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นคนในสายเดียวกับ "เสี่ยโต้ง" สิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ ที่ "งดออกเสียง" ในช่วงที่มีการโหวตเลือก "ลุงตู่" เป็นนายกฯ เสร็จแล้วก็มานั่งฟูมฟาย เพราะตอนหาเสียงได้บอกกับประชาชนว่า "ไม่เอาลุงตู่"
"น.ส.ไตรศุลี" เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 30 ของพรรคภูมิใจไทย แม้จะค่อนข้าง "โนเนม" ในสายตาคอการเมือง แต่เชื่อว่าคนในพรรค คงเห็นแววทางด้านนี้ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเบียดแซง "ภราดร ปริศนานันทกุล" ส.ส.อ่างทอง ที่ก่อนหน้านี้เคยมีชื่อว่าจะเป็นหนึ่งในทีมโฆษกรัฐบาล ขึ้นมาได้ ...
"โฆษกรัฐบาล" และทีมงาน ถือว่าเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญ เป็นหน้าเป็นตาของรัฐบาล ต้องมีความรู้ ความสามารถ มีปฏิภาณ ไหวพริบ ที่จะชี้แจงนโยบาย เนื้องานของรัฐบาล และตอบโต้กระแสข่าวที่มากระทบรัฐบาล โดยเฉพาะในยุคนี้ ที่เป็น "ยุคดิจิทัล" มีกระแสข่าวมากมายในโลกโซเชียลฯ ทั้งข่าวจริง ข่าวเท็จ คนที่จะมานั่งตำแหน่งนี้จึงต้อง "ครบเครื่อง" ทันกระแสการเมือง กระแสโลก กระแสเทคโนโลยี และทันสื่อฯ ... หลังจากนี้ก็เป็นช่วง พิสูจน์ฝีมือ"ทีมงานโฆษก" ภายใต้การนำของ "นฤมล ภิญโญสินวัฒน์" กันแล้ว...

-----------
รูป - ศักดิ์สยาม ชิดชอบ -อาคม เติมพิทยาไพสิฐ- นพ.ระวี มาศฉมาดล
-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ - ธนกร วังบุญคงชนะ -ไตรศุลี ไตรสรณกุล




กำลังโหลดความคิดเห็น