xs
xsm
sm
md
lg

เรือตู่ปริ่มน้ำกับหินโสโครก

เผยแพร่:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ


แม้จะมีรัฐบาลแล้วด้วยเสียงของรัฐบาลที่มากกว่าฝ่ายค้าน 4 เสียง แต่ถึงตอนนี้ที่เขาพูดกันเป็นหัวข้อใหญ่ก็คือรัฐบาลจะอยู่ได้นานหรือไม่ กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะ “รอด” จากการไม่ขัดคุณสมบัติ ในฐานะ “เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ” ด้วยคำอธิบายแบบไหนจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ

คือน้ำเสียงส่วนใหญ่ออกไปทาง “รอด” แน่ รอแต่คำอธิบายเท่านั้น แต่ผมชี้ไว้อีกช่องนะครับว่า หาก “ไม่รอด” ไม่ใช่ว่า จะกลับมาไม่ได้อีก เพราะเห็นสื่อบางสำนักไปกะเก็งกันไว้แล้ว ตัวเลือกที่เหลืออยู่ 2 ช่องคือ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะกับอนุทิน ชาญวีรกุลจะเป็นใครได้นั่งแทน แต่ผมว่าไม่มีทางออกแค่ 2 ช่องนี้หรอก เพราะยังมีทางเลือกที่สามคือ เลือกพล.อ.ประยุทธ์กลับมาได้อีกในโควตาคนนอก

เพราะสมมติผิดเรื่องคุณสมบัติพล.อ.ประยุทธ์จะผิดเฉพาะตอนที่พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยังเป็นหัวหน้า คสช.เมื่อเกิดว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่า ผิด ก็ผิดในขั้นตอนนั้น พล.อ.ประยุทธ์ก็พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่พรรคพลังประชารัฐเสนอไป

ทีนี้เมื่อต้องเลือกกันใหม่ในรายชื่อที่เหลือปรากฏว่า ไม่สามารถเลือกใครได้ตามวิธีการเลือกในมาตรา 88 คือเลือกจากรายชื่อของพรรคการเมืองเสนอก่อน ก็ไปใช้วรรค 2ของมาตรา 272

ที่ว่า ในระหว่างเวลาตามวรรคหนึ่ง หากมีกรณีที่ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกของทั้งสองสภารวมกันจํานวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาเข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภาขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 ในกรณีเช่นนั้น ให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจํานวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ให้ดําเนินการตามวรรคหนึ่งต่อไป โดยจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 หรือไม่ก็ได้

เห็นมั้ยครับว่า จากวิธีการนี้จะทำให้สามารถเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะคนนอกกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก โดยใช้เสียง 500 เสียงขึ้นไปเป็นข้อยกเว้น คือมี ส.ว. 250 คนบวกกับ ส.ส. 250 คนขึ้นไปที่มีเสียงอยู่ในมือแน่ๆ แล้ว

ผมชี้ช่องเอาไว้นะครับ แม้โอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์จะ “ไม่รอด” เงื้อมมือของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีอยู่น้อยมาก แต่ถ้า “ไม่รอด” จริงๆ ก็ยังกลับมาอีกได้อยู่ดี

สิ่งที่น่าห่วงจึงมีเพียงเรื่องเดียวว่า นาวาลำนี้จะฝ่าหินโสโครกไปได้นานเท่าไหร่ ถามว่าอะไรคือหินโสโครกทางการเมือง ด้านหนึ่งมาจากพฤติกรรมของคณะรัฐมนตรีที่จะก่อขึ้นเอง ด้านหนึ่งเกิดจากพฤติกรรมของฝ่ายค้านแบบไทยๆ

ด้านแรกไม่ต้องอธิบายมากก็คือ การตั้งมั่นอยู่ในทางสุจริตของรัฐบาลหรือไม่ มีความรู้ความสามารถที่จะร่วมกันนำพานาวานี้ไปร่วมกันหรือไม่ เมื่อไม่เปิดแผลให้ฝ่ายค้านก็ยากที่จะขุดคุ้ยมาเกาได้ ส่วนพฤติกรรมของฝ่ายค้านแบบไทยไทยก็คือ ไม่สนว่า รัฐบาลจะทำงานได้ดีหรือไม่ก็ตาม แต่มุ่งหน้าจะโค่นล้มลูกเดียวโดยไม่มีเหตุผลของการผิดถูกรองรับ

แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้หลายคนมองว่านี่แหละเป็นแผลที่ตกสะเก็ดของพล.อ.ประยุทธ์ ก็ประกาศแล้วว่าจะนำนาวาพล.อ.ประยุทธ์ 2 ให้อยู่ครบ 4 ปี

และถ้าอยู่ครบ 4 ปีอย่างที่ว่าจริงก็บวกตัวเองต่อไปเลยว่าจะอยู่ต่อจากนั้นอีก 4 ปีรวมเป็น 8 ปี ซึ่งตอนนี้กองเชียร์ของพล.อ.ประยุทธ์มั่นใจสูงว่าจะทำได้ และจะทำลายสถิติของพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษผู้ล่วงลับในที่สุด

ถ้าถามผมว่าจะอยู่ครบไหมโดยส่วนตัวผมคิดว่ายากนะครับ เพราะเสียงปริ่มน้ำที่หมิ่นเหม่มาก ชนิดที่ใครป่วยหรือเผลอไปเข้าห้องน้ำรัฐบาลก็ล่มได้ตลอดเวลา ที่สำคัญรัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่น่าจะมีพรรคร่วมมากที่สุดในโลกคือ 19 พรรค มี 10 พรรคที่เป็นพรรคเสียงเดียวที่เรียกกันว่า ส.ส.เขย่ง ซึ่งมีผู้ร้องอยู่แล้วว่า การคำนวณที่นั่งอาจจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ ซึ่งก็น่าสนใจว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่า ไม่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 91(4) ที่ว่า “แต่ต้องไม่มีผลให้พรรคการเมืองใดดังกล่าวมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินจํานวนที่จะพึงมีได้ตาม” ได้อย่างไร

เพราะโดยส่วนตัวผมอ่านกฎหมายมาตรานี้และกฎหมายเลือกตั้ง มาตรา 128 ยังไม่เห็นเลยว่า จะตีความให้ ส.ส.ที่ต่ำกว่าค่าพึงมีมีที่นั่งในสภาได้

แต่ถ้าปัญหาเรื่องนั้นผ่านไปได้ด้วยคำอธิบายของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่ขัดหู ก็จะมีปัญหาต่อว่า การที่เสียงปริ่มน้ำอยู่ 4 เสียงนั้นจะบริหารพรรคร่วมรัฐบาล 19 พรรคที่ให้เขามายกมือโดยไม่มีตำแหน่งแห่งหนได้อย่างไร เมื่อไหร่เขาจะรวมตัวกันพยศหรือต่อรองตำแหน่งขึ้นมา แค่พรรคเดียวที่มี 3 เสียงก่อหวอดก็เหนื่อยแล้ว เดี๋ยวคอยดูพรรค 1 เสียงพวกนี้ก็จะต้องต่อรองเอาตำแหน่งสำคัญในกรรมาธิการซึ่งก็อาจต้องยอมเขาและเมื่อพรรคหนึ่งได้อีกพรรคก็ต้องได้ แต่จะก่อให้เกิดปัญหาในพรรคพลังประชารัฐเอง หลังจากที่หลายคนไม่พอใจที่ไม่ได้ตำแหน่งรัฐมนตรีมาแล้ว

บางครั้งเรืออาจจะเริ่มรั่วจากภายในของพรรคพลังประชารัฐเองนั่นแหละ

ส่วนการรับมือกับฝ่ายค้าน ด่านแรกที่ยังไม่ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็คือ การพิจารณางบประมาณประจำปี 2563 ที่จ่อเข้าสภาทันทีนั้น จะผ่านการอภิปรายในวาระแรกได้อย่างไร ดูในเชิงปริมาณระยะแรกฮันนีมูนอาจจะผ่านไปได้นะ แต่มันก็จะสะท้อนให้เห็นล่ะว่า หนทางยาวไกลนั้นจะไปรอดไหม

จากที่มีข้อเสนอว่าให้เอาร่างพิจารณางบประมาณไปผูกกับยุทธศาสตร์ชาติเพื่อให้เป็นการพิจารณาร่วมของสองสภา แล้ว ส.ว.ร่วมยกมือโหวตได้นั้น ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่ฝืนธรรมชาติมาก ถ้าจะตะแบงกันขนาดนั้นสนิมราคีก็จะจับรัฐบาลชุดนี้ตั้งแต่ช่วงแรกเลย แต่ถ้าบอกรัฐบาลชุดนี้ไม่กล้าทำแน่ก็ยังอยากจะเดาใจ แต่เตือนไว้เลยว่า ทำแบบนั้นอาจจะเป็นการเร่งชนวนบนท้องถนนให้เร็วขึ้น

ปัจจัยสำคัญอีกอย่างของรัฐบาลชุดนี้ก็คือ ความขัดแย้งแบ่งฝักฝ่ายทางการเมืองยังคงอยู่ มีคนจำนวนมากบอกว่าข้อดีของพล.อ.ประยุทธ์ก็คือ ทำให้บ้านเมืองสงบ แต่ความสงบ 5 ปีที่ผ่านมานั้นมันเกิดจากอำนาจของคณะรัฐประหารไม่ได้เกิดจากประชาชนสองฝ่ายมีความเข้าใจกันมากขึ้นแต่เปรียบเหมือนการกวาดขยะซุกไว้ใต้พรม ซึ่งเหตุนี้แหละที่จะเป็นชนวนให้การเมืองบนท้องถนนเร็วขึ้นอยู่ที่ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเร่งชนวนอย่างที่กล่าวไว้ข้างบนหรือไม่

และประเด็นที่ฝ่ายค้านจะปลุกคือ การแก้รัฐธรรมนูญที่จะเป็นเหตุสำคัญให้ลงถนนอีกครั้ง เพราะรัฐธรรมนูญนี้ถูกทำให้แก้ไขโดยวิธีการรัฐสภาที่ยากมาก

แต่ถามว่า ถ้ารัฐบาลชุดนี้อยู่ไม่ได้นาน โอกาสของฝ่ายค้านมีหรือไม่ สำหรับผมคิดว่ายาก เพราะอย่างไรเสียใน 5 ปีนี้ ส.ว. 250 คนที่ตั้งมากับมือก็จะต้องภักดีต่อคนที่เลือกเขามานั่นเอง


ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan

กำลังโหลดความคิดเห็น