xs
xsm
sm
md
lg

ใครจะช่วยบ้านเมืองให้รอด...?

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์


พรรคแกนนำรัฐบาลกำลังวุ่นอยู่กับการติวเข้มแผนรับมือการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งคาดว่าฝ่ายค้านเตรียมจะทดสอบจุดอ่อน จุดแข็ง ในนโยบายและตัวบุคคล ซึ่งถูกวางตัวให้มาบริหารจัดการบ้านเมืองโดยมีผู้ทรงบารมีไปร่วมให้กำลังใจ

เป็นการแสดงออกให้เห็นว่าไม่ว่าฝ่ายค้านจะมาในรูปแบบใด ฝ่ายแกนนำรัฐบาลพร้อมตั้งรับเพื่อไม่ให้ชาวบ้านมองว่ามีปัญหา นอกจากเสียงปริ่มน้ำแล้วยังมีเรื่องภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และน่าไว้วางใจในด้านความซื่อสัตย์สุจริต อีกด้วย

แน่นอน การอภิปรายงบประมาณไม่ใช่เรื่องยอวาทีพูดให้รัฐบาลดูดี ไม่ใช่เรื่องของฝ่ายค้านที่จะสนับสนุนให้รัฐบาลมีความมั่นคง เป็นวาระจัดการชำระแค้นฝังหุ่นตั้งแต่เริ่มการหาเสียง และใช้อำนาจวุฒิสภาในการหาบหามลุงป็อปปูลาร์ได้อยู่ต่อ

เมื่ออภิปรายนโยบาย ต้องพาดวางประเด็นไปยังตัวผู้จะทำให้นโยบายเป็นของจริง ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ลมปากตามพิธีกรรมในรัฐสภา ในประเทศที่พัฒนาทางการเมือง การบริหารบ้านเมืองเป็นภารกิจสูงส่งเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน

ในประเทศด้อยพัฒนาทางการเมือง การเข้ากุมอำนาจรัฐคือใบเบิกทางเข้าสู่ประตูขุมทรัพย์ของแผ่นดินซึ่งจะถูกนำมาแบ่งสันปันส่วนตามจำนวนเสียงที่ตั้งรัฐบาลได้ ผลประโยชน์ส่วนตนต้องมาก่อนด้วยการถอนทุน ประชาชนมาทีหลังสุด

ถ้าทุกคณะรัฐมนตรีได้กระทำตามคำสัตย์ปฏิญาณให้ไว้กับสถาบัน บ้านเมืองคงไม่อยู่ในสภาพที่มีปัญหาสารพัดอันเกิดจากการทุจริต คอร์รัปชัน ข้าราชการไม่ทำหน้าที่ กระบวนการยุติธรรมมีปัญหาความน่าเชื่อถือ ชาวบ้านอกไหม้ไส้ขมอมทุกข์

ประเด็นเหล่านี้ ฝ่ายค้านถือเป็นโอกาสเหมาะที่จะได้ลองของรัฐบาล และพวกสืบทอดอำนาจจากยุครัฐประหารแล้วรวย เป็นการเอาคืนในยกแรก หวังผลเต็มที่

รัฐบาลลุงป็อปปูลาร์มีจุดเปราะบางเยอะ ตัวผู้นำและคณะ 3 ลุงถูกมองว่าเป็นตัวปัญหาหลักของแผ่นดินในด้านการเชื่อมโยงเครือข่ายกลุ่มผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมือง ข้าราชการบางส่วน เจ้าหน้าที่องค์กรรัฐวิสาหกิจและพ่อค้าหวังกำไรสูง

เป็นแกนอักษะของกลุ่มผลประโยชน์ที่หวังยึดแหล่งขุมทรัพย์ประเทศกินรวบอีกยาวนานผ่านระบบสัมปทาน สัญญาต่างๆ มีระบบเครือข่ายขุมอำนาจอิทธิพลนอกระบบเกื้อหนุนจนมีเศรษฐีใหม่มากจากการรัฐประหารแล้วรวยเงียบเร้นลับ

ต้องรอดูว่าฝ่ายค้านซึ่งขาดตัวหลักสำคัญในกลุ่มเพื่อเหลี่ยม จะเปิดแผลเรียกเลือดจากคณะกุมอำนาจรัฐได้หรือไม่ ด้วยลีลาโวหารประกอบข้อมูล ถ้อยคำเผ็ดร้อน ทำให้เสนาบดีถึงขั้นจับไข้นอนไม่หลับมั้ย เพราะหลายคนมาด้วยชนักยังปักคาหลัง

หลายคนมีทั้งแผลเปื่อย แผลยังตกสะเก็ดไม่ทันแห้ง จะทนรับแรงเสียดทานได้หรือไม่ และหน้าใหม่มาพร้อมกับความเสี่ยงจะที่จะต้องโดนเปิดแผล ดูแล้วจะมีสักกี่คนที่เข้ากับบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ให้รัฐมนตรีมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

ลุงป็อปปูลาร์ต้องโชว์เดี่ยวร่ายยาวเจื้อยแจ้ว 2-3 ชั่วโมง ให้ ส.ส.ฟังว่ารัฐบาลจะทำอะไรบ้างเพื่อประชาชน ยังอ้อนคนร่วมชะตากรรมเดียวกันว่า “อย่าทิ้งให้ผมพูดคนเดียว” และได้รับการตอบสนอง มีกองอาสาพิทักษ์ กองเชียร์เสนอหน้าสลอน

ดูแววแล้ว แม้จะผ่านการอภิปรายไปได้ คงจะได้แผลเหวะหวะกันทั่ว ฝ่ายค้านตั้งเป้าเล่นงาน 14 ราย แต่คณะ 3 ลุงถือว่าเป็นเป้าหลักจะต้องทำให้เสียหายมากที่สุดหลังจากได้กุมอำนาจรัฐโดยไร้ฝ่ายค้านนานกว่า 5 ปี จนเสพติดอำนาจงอมแงม

นโยบายที่นำมาแถลงก็ไม่ต่างจากครั้งก่อน เป็นการวาดภาพโลกสวยให้ชุมชนบ้องตื้น ไม่คิดมาก ได้เชื่อโดยสนิทใจว่าเสนาบดีทั้งหลายหวังดี มีเจตนาทำงานเพื่อบ้านเมือง ในความเป็นจริง เราติดอันดับโลกด้านนักการเมืองทุจริต งาบคำโต อิ่มช้า

ขณะที่วางแผนรับมือฝ่ายค้าน แผ่นดินเกือบทั่วประเทศ ยกเว้นภาคใต้กำลังประสบวิกฤตภัยแล้งรุนแรง เขื่อนหลักกว่า 10 แห่งเหลือน้ำน้อย ถ้าจัดสรรได้ดี ก็มีเพียงพอใช้สำหรับปีนี้เท่านั้น เว้นแต่จะมีมรสุมพลัดหลงเข้ามาช่วยเติมน้ำในเขื่อน

หนักหนาสาหัสเพราะมีต้นข้าวแห้งตายเพราะขาดน้ำในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ชาวนาสิ้นหนทางไม่รู้ว่าจะช่วยตัวเองได้อย่างไร ทั้งนาปี นาปรัง ไม่มีข้าวในนา หมายถึงไม่มีรายได้ ไม่มีข้าวกิน ไม่มีเงินใช้หนี้ มองทางไหนก็มืดแปดด้านไร้ทางออก

และจะอยู่รอดโดยไม่มีรายได้หรือช่องทางทำมาหากินได้อย่างไร หนี้สินเพิ่ม สร้างความเสี่ยงจะต้องสูญเสียกรรมสิทธิ์ที่ดิน ถ้าติดจำนองโดยไม่ได้ส่งทั้งต้นและดอกเบี้ย ถ้าปีนี้เป็นสภาวะ “เอลนินโญ” จริง ลามไปถึงปีหน้า จะเอาน้ำมาจากไหน

ดูแล้วมองไม่เห็นอนาคตว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นได้อย่างไร เมื่อคณะลุงตั้งใจจะกู้และกู้ ในงบประมาณปี 2563 ที่แถลง จ้องจะกู้อีก 4.5 แสนล้านบาท หลังจากใน 5 ปีได้ใช้เงินงบประมาณไป 16.5 แสนล้านบาท หนี้สาธารณะพุ่งแตะ 7 ล้านล้านบาท

เป็นคณะนักกู้สิบทิศ ไม่หวั่นว่าบ้านเมืองจะเสี่ยงต่อความล่มจมเพราะหนี้ ที่ผ่านมาใช้จ่ายเงินเกินตัว เกินรายได้ ทำผิดวินัยการเงินการคลังซ้ำซาก ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีในการจัดซื้อจัดจ้าง โดยเฉพาะอาวุธราคาแพงโดยไม่จำเป็น หารายได้ไม่เก่ง

ในช่วง 5 ปีกว่า คำว่า “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นเพียงแค่ลมปากของนักกู้มือเติบ ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อภารกิจว่าจะต้องลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น หาทางจัดทำงบประมาณให้สมดุล แทนที่จะมุ่งกู้เงินสร้างหนี้จนใกล้จุดที่จะใช้คืนลำบาก

ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยบ้านเมืองให้รอดจากเงื้อมมือของก๊วนนี้ด้วยเถิด!
กำลังโหลดความคิดเห็น