**ต้องจับตาการสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ที่กำหนดจัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ 21-22 กรกฎาคม ที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา โดยเฉพาะให้จับตา วันที่ 22 กรกฎาคม นี้ ที่ตามกำหนดการเดิมได้มีการเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาร่วมงานด้วย โดยงานดังกล่าว จัดขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ เพื่อซักซ้อมการเตรียมรับมือฝ่ายค้าน ในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ตั้งแต่ วันที่ 25 กรกฎาคม นี้ รวมทั้งภายในงาน จะมีการทำความรู้จัก และสร้างความสนิทสนม สร้างความสามัคคี ระหว่าง ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันอีกด้วย
จากการเปิดเผยของ วิรัช รัตนเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และย้ำว่า ในการสัมมนาพรรคในวันที่ 22 กรกฎาคม เขาจะเดินทางมาร่วมงานด้วย
ขณะเดียวกัน สำหรับ"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะยังไม่ยืนยันว่าจะมาร่วมงาน หรือไม่ แต่มีการเชิญไปแล้ว และล่าสุดจนถึงเวลานี้ ก็ยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด ก็ยังถือว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกัน ที่เขาจะมาร่วมด้วย และก่อนหน้านี้ก็มีการโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังนั่งอ่านทบทวนร่างนโยบายของรัฐบาล ที่ตัวเองเตรียมแถลง ต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ มาล่วงหน้านานสองสามวันแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหากในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มาก็ตาม แต่หากคำยืนยันของ ประธานวิปรัฐบาล ที่มั่นใจว่า "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางมาร่วมงานจริง ก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างกัน เพราะโดยสถานะ"พี่ใหญ่" ก็ต้องมีความหมายเดียวกัน เพราะต้องเชื่อมถึงกันอยู่แล้ว อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบทบาทที่มีการ ระบุตามสื่อ ล่าสุดว่าเบื้องหลังการจัดการก็มีเขานี่แหละที่มีสถานะเป็น "ผู้จัดการรัฐบาล" ถึงได้บอกว่าสำหรับ "บิ๊กตู่" สำหรับงานนี้ถึงไม่ได้ไปปรากฏตัว ก็ถือว่าไม่ได้ต่างกันนัก
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวของ "บิ๊กป้อม" มันก็ย่อมให้เห็นถึงการเชื่อมโยงในลักษณะเดียวกันกับ "บิ๊กตู่" พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า เตรียมจะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ โดยมีความหมายในลักษณะทำนองว่า กำลังปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และหาจังหวะช่วงเวลาอยู่เท่านั้น
** ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนดูแบ็กกราวด์ของพรรคพลังประชารัฐ และตัวบุคคลที่เป็นแกนหลักในพรรคเวลานี้ ก็ล้วนมาจากทีมเดียวกันโดยผ่านทาง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และแนบแน่นกับ "พี่ใหญ่" ไปถึง พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนั้นหากในวันที่ 22 กรกฎาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปปรากฏตัวในงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่ามีความชัดเจนแล้วว่า อีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องมานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค อย่างแน่นอน
แม้ว่าในเวลานี้ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังเป็น อุตตม สาวนายน และ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังทำหน้าที่ได้ดี แต่ก็รับรู้กันดีว่า หากเป็น "บิ๊กตู่"การขับเคลื่อนก็ต้องเป็นไปอีกแบบแน่นอน
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในมุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่านี่คือ "บทบาทใหม่" ที่เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ใหม่ในแบบประชาธิปไตยเต็มขั้น ที่เชื่อว่าเขาได้เตรียมความพร้อมแบบเป็นขั้นเป็นตอนมานานแล้ว เพราะเมื่อยุติบทบาทในฐานะ คสช.แล้ว หมดยุคการพึ่งพาการใช้ "อำนาจพิเศษ" ต่อไปเขาก็ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจาก ส.ส.ในสภาเป็นหลัก อีกทั้งการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคในอนาคต ก็ถือว่าเป็นการ "ปิดจุดอ่อน" ปิดเงื่อนไขที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างกระแสโจมตีได้อย่างชงัด
นอกเหนือจากนี้ด้วยสภาพของรัฐบาล "เสียงปริ่มน้ำ"แบบนี้มันก็มีความเสี่ยงที่จะ "ล่องจุ๊น"ได้ตลอดเวลา ก็ต้องเตรียมฅวามพร้อมเอาไว้ตลอดเวลาเช่นเดียวกันสำหรับการรับมือการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าด้วยวิธีการแบบเดิมที่รอรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯคงไม่ได้ผล ต้องเป็นหัวหน้าพรรคนำทัพสู้กันโดยตรงแล้วพร้อมทั้งปิดเงื่อนไข"เผด็จการ"ได้อย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
**ดังนั้น หากจะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเริ่ม "บทบาทใหม่" ในทางการเมืองในแบบรัฐสภาอย่างเต็มตัว ก็คงไม่ผิดนัก !!
จากการเปิดเผยของ วิรัช รัตนเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และประธานวิปรัฐบาล ระบุว่า "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และย้ำว่า ในการสัมมนาพรรคในวันที่ 22 กรกฎาคม เขาจะเดินทางมาร่วมงานด้วย
ขณะเดียวกัน สำหรับ"บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แม้ว่าจะยังไม่ยืนยันว่าจะมาร่วมงาน หรือไม่ แต่มีการเชิญไปแล้ว และล่าสุดจนถึงเวลานี้ ก็ยังไม่มีการยกเลิกแต่อย่างใด ก็ยังถือว่ามีความเป็นไปได้เหมือนกัน ที่เขาจะมาร่วมด้วย และก่อนหน้านี้ก็มีการโพสต์ภาพ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังนั่งอ่านทบทวนร่างนโยบายของรัฐบาล ที่ตัวเองเตรียมแถลง ต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ มาล่วงหน้านานสองสามวันแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ว่าหากในที่สุดแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะไม่มาก็ตาม แต่หากคำยืนยันของ ประธานวิปรัฐบาล ที่มั่นใจว่า "บิ๊กป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางมาร่วมงานจริง ก็ถือว่าไม่ได้แตกต่างกัน เพราะโดยสถานะ"พี่ใหญ่" ก็ต้องมีความหมายเดียวกัน เพราะต้องเชื่อมถึงกันอยู่แล้ว อีกทั้งเมื่อพิจารณาจากบทบาทที่มีการ ระบุตามสื่อ ล่าสุดว่าเบื้องหลังการจัดการก็มีเขานี่แหละที่มีสถานะเป็น "ผู้จัดการรัฐบาล" ถึงได้บอกว่าสำหรับ "บิ๊กตู่" สำหรับงานนี้ถึงไม่ได้ไปปรากฏตัว ก็ถือว่าไม่ได้ต่างกันนัก
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวในลักษณะดังกล่าวของ "บิ๊กป้อม" มันก็ย่อมให้เห็นถึงการเชื่อมโยงในลักษณะเดียวกันกับ "บิ๊กตู่" พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่า เตรียมจะมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในโอกาสที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาเมื่อถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่ได้ปฏิเสธ โดยมีความหมายในลักษณะทำนองว่า กำลังปรึกษาฝ่ายกฎหมาย และหาจังหวะช่วงเวลาอยู่เท่านั้น
** ขณะเดียวกัน เมื่อย้อนดูแบ็กกราวด์ของพรรคพลังประชารัฐ และตัวบุคคลที่เป็นแกนหลักในพรรคเวลานี้ ก็ล้วนมาจากทีมเดียวกันโดยผ่านทาง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และแนบแน่นกับ "พี่ใหญ่" ไปถึง พล.อ.ประยุทธิ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ดังนั้นหากในวันที่ 22 กรกฎาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปปรากฏตัวในงานสัมมนาพรรคพลังประชารัฐ ก็ถือว่ามีความชัดเจนแล้วว่า อีกไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ต้องมานั่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค อย่างแน่นอน
แม้ว่าในเวลานี้ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังเป็น อุตตม สาวนายน และ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยังทำหน้าที่ได้ดี แต่ก็รับรู้กันดีว่า หากเป็น "บิ๊กตู่"การขับเคลื่อนก็ต้องเป็นไปอีกแบบแน่นอน
ขณะเดียวกัน หากพิจารณากันในมุมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถือว่านี่คือ "บทบาทใหม่" ที่เตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ใหม่ในแบบประชาธิปไตยเต็มขั้น ที่เชื่อว่าเขาได้เตรียมความพร้อมแบบเป็นขั้นเป็นตอนมานานแล้ว เพราะเมื่อยุติบทบาทในฐานะ คสช.แล้ว หมดยุคการพึ่งพาการใช้ "อำนาจพิเศษ" ต่อไปเขาก็ต้องพึ่งพาการสนับสนุนจาก ส.ส.ในสภาเป็นหลัก อีกทั้งการทำหน้าที่หัวหน้าพรรคในอนาคต ก็ถือว่าเป็นการ "ปิดจุดอ่อน" ปิดเงื่อนไขที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามสร้างกระแสโจมตีได้อย่างชงัด
นอกเหนือจากนี้ด้วยสภาพของรัฐบาล "เสียงปริ่มน้ำ"แบบนี้มันก็มีความเสี่ยงที่จะ "ล่องจุ๊น"ได้ตลอดเวลา ก็ต้องเตรียมฅวามพร้อมเอาไว้ตลอดเวลาเช่นเดียวกันสำหรับการรับมือการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งเชื่อว่าด้วยวิธีการแบบเดิมที่รอรับการเสนอชื่อเป็นนายกฯคงไม่ได้ผล ต้องเป็นหัวหน้าพรรคนำทัพสู้กันโดยตรงแล้วพร้อมทั้งปิดเงื่อนไข"เผด็จการ"ได้อย่างสิ้นเชิงอีกด้วย
**ดังนั้น หากจะบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังเริ่ม "บทบาทใหม่" ในทางการเมืองในแบบรัฐสภาอย่างเต็มตัว ก็คงไม่ผิดนัก !!