"แม่แพรวา" ยันไม่นิ่งนอนใจ โชว์โฉนดที่ดิน 2 แปลง พร้อมขายหา 105 ล้านชดใช้เหยื่อ เผยลูกหย่าสามีแล้ว เหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า-หวาดระแวง ยธ.ยินดีเป็นกาวใจชดใช้ค่าเสียหายเหยื่อ แนะเอาโฉนดมาวาง พร้อมหาแหล่งเงินกู้ให้ “โฆษกกรมบังคับคดี” ชี้จำเลยต้องเร่งขอไกล่เกลี่ยภายใน 30 วันไม่ทำตามคำสั่งศาล เจอออกหมายบังคับคดี “ราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา” ขอขมาผู้เสียชีวิต 9 ราย วอนอย่าเหมารวมราชสกุลทั้งหมด พร้อมมอบเงิน 5 แสนครอบครัวเหยื่อใช้ติดตามคดี แต่เหยื่อขอไม่รับ แนะนำไปสมทบให้ “แพรวา” ใช้หนี้ตามคำพิพากษา
จากกรณีที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์คดีที่ น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ชนรถตู้โดยสารบริเวณบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 แต่ผ่านมา 9 ปี เหยื่อและครอบครัวยังไม่รับการเยียวยา ทั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจ พิพากษาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ให้ น.ส.แพรวา รวมทั้งบิดามารดาและผู้ครอบครองรถยนต์ ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 24,796,925 บาท แต่กลับพบคำขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ ระบุว่าคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น
“แม่แพรวา”ประกาศขายที่ 2 แปลง
วานนี้ (18 ก.ค.) นางลัดดาวัลย์ อรุณวงศ์ มารดาของ น.ส.รวินภิรมย์ อรุณวงศ์ หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เอสดี ดำเนินรายการโดย นายกรรชัย กำเนิดพลอย ระบุว่า ตนได้ประกาศขายที่ดิน 21 ไร่ ในพื้นที่ปราณบุรี-สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาชดเชยให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต แต่หากไม่เพียงพอก็จะนำโฉนดที่ดินหมู่บ้านเมืองทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 3 ฉบับ รวม 300 ตารางวา มูลค่า 55 ล้านบาท แต่ถ้าจะให้รวดเร็ว ก็ขอความกรุณา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นำเงินจ่ายไปให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปก่อน แล้วทางครอบครัวจะไปชดใช้คืน พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ประวิงเวลาในการชดใช้ค่าเสียหาย แต่หาเงินไม่ทัน เนื่องจากไม่มีเงินสดมากพอ และไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลาสืบทรัพย์ แต่เมื่อมีการอุทธรณ์ก็เป็นขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งทางครอบครัวไม่เคยบิดพลิ้ว และไม่เคยย้ายทรัพย์หนี
ขณะเดียวกัน นางลัดดาวัลย์ อ้างว่า ครอบครัวก็เป็นทุกข์เช่นเดียวกับผู้เสียหาย น.ส.แพรวาอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ครอบครัวอยู่ได้ด้วยยานอนหลับ ไม่เคยมีวันไหนที่จะมีความสุข คิดตลอดจะช่วยเหลือทุกคนอย่างไร ปัจจุบัน น.ส.แพรวาอยู่กับพ่อแม่ อยู่แบบคนเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนที่เคยสมรสกับนายสรวีย์ รัฐพิทักษ์ถิรดา อดีตกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้น เลิกรากันไปแล้ว ส่วนกรณีที่ น.ส.แพรวา ไม่ไปขึ้นศาลนั้น อ้างว่าต้องดูแลพ่อ คือ พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่กำลังป่วยอยู่ จึงได้ส่งทนายความไปแทน โดยทนายรับปากว่าจะไปฟังมาให้ว่าค่าชดใช้เท่าไหร่ แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่า ทนายไม่ได้ไป พอทราบข่าวทั้งโกรธและเสียใจ ต้องขอโทษญาติผู้เสียหายทุกคน รวมทั้งสังคมและชาวเน็ต รวมไปถึงราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ทำให้เสื่อมเสีย ขอให้ทุกคนมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดของครอบครัวตน ราชสกุลทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้
ยธ.พร้อมเป็นโซ่ข้อกลาง
วันเดียวกัน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีคุณแม่น้องแพรวาได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่า ไม่มีเจตนาดึงเรื่องให้ยืดเยื้อและไม่ต้องการให้เสียเวลาไปนั่งสืบทรัพย์ให้เสียเวลา พร้อมจ่าย แต่ไม่มีเงินสดในมือ แต่มีหลักทรัพย์เป็นที่ดินเพียงพอกับมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยอนุมัติเงินกองทุนยุติธรรมช่วยเยียวยาผู้เสียหายไปก่อน โดยยอมเป็นลูกหนี้กองทุนยุติธรรมแทน ด้วยการเอาโฉนดเหล่านี้ไปค้ำประกันแทน จากการศึกษาข้อกฎหมาย ขณะนี้พบว่าไม่มีกฎหมายรองรับให้กองทุนยุติธรรมสามารถออกเงินให้จำเลยไปก่อน โดยเอาหลักทรัพย์มาค้ำประกันได้ แต่ก็เป็นเรื่องน่าศึกษาและถอดบทเรียนในอนาคต อย่างไรก็ตามอยากจะขอชื่นชมและขอบคุณคุณแม่ของน้องแพรวาที่เปิดประตูแห่งแสงสว่างในการออกมาแสดงความรับผิดชอบครั้งนี้ อย่างน้อยก็ลดความอึดอัดคับข้องของฝ่ายผู้เสียหายและสังคม ข้อเท็จจริงที่สังคมยังไม่รับรู้ก็คือที่ดินของคนที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีนั้น ไม่มีมูลค่าเลยครับ เพราะผู้จะซื้อจะคิดไปว่าอาจเข้าข่ายเป็นการช่วยจำเลยในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินและถูกเรียกคืน จึงขายไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันคดีได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
“กระทรวงยุติธรรมยินดีเป็นโซ่ข้อกลางในการรับโฉนดที่ดินมาวางที่กระทรวงยุติธรรมในระหว่างการเจรจาทั้งสองฝ่ายทั้งที่ไม่มีอำนาจในการเก็บหลักทรัพย์ดังกล่าว แต่ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจของคู่กรณี หรือช่วยประสานงานสถาบันการเงินให้ปล่อยเงินกู้ให้ หรือคุณแม่น้องแพรวาอาจยินยอมเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีตามกฎหมาย โดยนำหลักทรัพย์ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาดแทนที่กรมบังคับคดีแทนที่ตนเองจะเป็นผู้ขายก็ได้” นายธวัชชัย ระบุ
ราชสกุลฯมอบ 5 แสน – เหยื่อไม่รับ
ที่ร้านอาหารเพลิน ถ.วิภาวดี รังสิต ตัวแทนราชสกุล "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" โดย นายสุชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในฐานะเลขาธิการราชสกุลฯ และนายณัฐพล ทองคำ ทนายความประจำราชสกุลฯ แถลงข่าวชี้แจงกระแสวิพากวิจารณ์ว่าคนในราชสกุลฯใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือทางคดี โดย นายสุรชัย กล่าวแทนราชสกุลฯว่า ขอแสดงความเสียใจต่อกรณีคนในราชสกุลฯไปก่อเหตุ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ได้สอบถามไปที่แพรวา ว่าดำเนินคดีไปถึงไหนชดใช้อย่างไรบ้าง ทางครอบครัวตอบกลับมาว่า กำลังดำเนินการอยู่ และทางครอบครัวจัดการได้ และไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวอีก เนื่องจากสมาชิกของราชกุลเทพหัสดินฯ มีการลงทะเบียนไว้ร่วม 200 ครอบครัว แต่ละครอบครัวก็ได้แยกย้ายกันดำรงชีวิตตามลักษณะครอบครัวเดี่ยวในปัจจุบัน จนวันที่ 15 ก.ค.หลังเกิดข่าวออกมาว่าผู้เสียหาย ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษา ผู้ใหญ่ในราชสกุลฯก็ร้อนใจมาก และนัดหารือกันโดยได้สรุปว่า คดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอยากให้ทุกคนเข้าใจและแยกออกจากเรื่องส่วนรวม พร้อมขอความเห็นใจสังคม และในฐานะราชสกุล เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และคดีที่เกิดขึ้นทำให้เกิดสูญเสีย ผู้ใหญ่จึงเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจจึงรวบรวมเงินขอมอบเงินจำนวน 5 แสนบาท ให้กับผู้เสียหายในการใช้จ่ายเพื่อติดตามการบังคับคดีให้ได้รับการชดใช้เงินตามคำพิพากษา ซึ่งใช้ในการต่อสู้คดีที่อาจใช้เวลานาน ซึ่งยืนยันว่า เงินจำนวนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชดใช้ตามคำพิพากษา
ด้าน นายสุชัย กล่าวเสริมว่า ตนเองเป็นเพียง เลขาธิการ คณะกรรมการ ราชสกุล เทพหัสดิน ฯ ซึ่งยืนยันว่า ราชสกุลเทพหัสดิน มีเครือญาติทั้งหมดมีประมาณ 900 กว่าท่าน หลายท่านไม่ค่อยมีเงิน สามารถรวบรวมเงินมาได้เพียงแค่ 5 แสนบาท แต่ยืนยันว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะพยายามขอร้องให้ครอบครัวของแพรวา ชดใช้ตามกฎหมาย และยืนยันว่า เรายืนอยู่ข้างผู้เสียหาย ซึ่งส่วนตัวเองเพิ่งจะได้มีโอกาสพบกับ น.ส.แพรวา ตอนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นช่วงแรก ที่ น.ส.แพรวา เดินทางไปขอโทษกับราชสกุล ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมกับครอบครัวแพรวา ซึ่งขณะนี้ทราบเพียงว่า แม่ของแพรวา จะนำบ้านไปขายแล้วนำเงินไปใช้หนี้ เพราะไม่มีเงิน แล้วเมื่อขายบ้านก็จะไปซื้อคอนโดอยู่
ภายหลังการแถลงข่าว นายณัฐพล ได้ติดต่อไปหา นายวรัญญู เกตุชู 1 ในผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อให้รับเช็คจำนวน 5 แสนบาทเป็นเงินกองกลางสำหรับผู้เสียหายในการต่อสู้คดี โดยทางนายวรัญญูระบุว่า ไม่ขอรับไว้ และขอให้ทนายนำเงินไปสมทบให้กับ น.ส.แพรวา เพื่อชดใช้หนี้ตามคำพิพากษาดีกว่า
จากกรณีที่กระแสวิพากษ์วิจารณ์คดีที่ น.ส.แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ขับรถยนต์ชนรถตู้โดยสารบริเวณบนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บอีก 3 ราย เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.53 แต่ผ่านมา 9 ปี เหยื่อและครอบครัวยังไม่รับการเยียวยา ทั้งที่ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจ พิพากษาเมื่อวันที่ 8 พ.ค.ให้ น.ส.แพรวา รวมทั้งบิดามารดาและผู้ครอบครองรถยนต์ ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 24,796,925 บาท แต่กลับพบคำขอทุเลาการบังคับคดีในชั้นอุทธรณ์ ระบุว่าคดียังไม่ถึงที่สุดนั้น
“แม่แพรวา”ประกาศขายที่ 2 แปลง
วานนี้ (18 ก.ค.) นางลัดดาวัลย์ อรุณวงศ์ มารดาของ น.ส.รวินภิรมย์ อรุณวงศ์ หรือ แพรวา เทพหัสดิน ณ อยุธยา ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 เอสดี ดำเนินรายการโดย นายกรรชัย กำเนิดพลอย ระบุว่า ตนได้ประกาศขายที่ดิน 21 ไร่ ในพื้นที่ปราณบุรี-สามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ มูลค่า 50 ล้านบาท เพื่อนำเงินมาชดเชยให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต แต่หากไม่เพียงพอก็จะนำโฉนดที่ดินหมู่บ้านเมืองทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จำนวน 3 ฉบับ รวม 300 ตารางวา มูลค่า 55 ล้านบาท แต่ถ้าจะให้รวดเร็ว ก็ขอความกรุณา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นำเงินจ่ายไปให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตไปก่อน แล้วทางครอบครัวจะไปชดใช้คืน พร้อมปฏิเสธว่าไม่ได้ประวิงเวลาในการชดใช้ค่าเสียหาย แต่หาเงินไม่ทัน เนื่องจากไม่มีเงินสดมากพอ และไม่อยากให้ทุกคนเสียเวลาสืบทรัพย์ แต่เมื่อมีการอุทธรณ์ก็เป็นขั้นตอนของกฎหมาย อีกทั้งทางครอบครัวไม่เคยบิดพลิ้ว และไม่เคยย้ายทรัพย์หนี
ขณะเดียวกัน นางลัดดาวัลย์ อ้างว่า ครอบครัวก็เป็นทุกข์เช่นเดียวกับผู้เสียหาย น.ส.แพรวาอยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น ครอบครัวอยู่ได้ด้วยยานอนหลับ ไม่เคยมีวันไหนที่จะมีความสุข คิดตลอดจะช่วยเหลือทุกคนอย่างไร ปัจจุบัน น.ส.แพรวาอยู่กับพ่อแม่ อยู่แบบคนเป็นโรคซึมเศร้า ส่วนที่เคยสมรสกับนายสรวีย์ รัฐพิทักษ์ถิรดา อดีตกรรมาธิการการปกครองท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาตินั้น เลิกรากันไปแล้ว ส่วนกรณีที่ น.ส.แพรวา ไม่ไปขึ้นศาลนั้น อ้างว่าต้องดูแลพ่อ คือ พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่กำลังป่วยอยู่ จึงได้ส่งทนายความไปแทน โดยทนายรับปากว่าจะไปฟังมาให้ว่าค่าชดใช้เท่าไหร่ แต่ไม่ทราบจริงๆ ว่า ทนายไม่ได้ไป พอทราบข่าวทั้งโกรธและเสียใจ ต้องขอโทษญาติผู้เสียหายทุกคน รวมทั้งสังคมและชาวเน็ต รวมไปถึงราชสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ที่ทำให้เสื่อมเสีย ขอให้ทุกคนมองว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความผิดของครอบครัวตน ราชสกุลทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้
ยธ.พร้อมเป็นโซ่ข้อกลาง
วันเดียวกัน นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีคุณแม่น้องแพรวาได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่า ไม่มีเจตนาดึงเรื่องให้ยืดเยื้อและไม่ต้องการให้เสียเวลาไปนั่งสืบทรัพย์ให้เสียเวลา พร้อมจ่าย แต่ไม่มีเงินสดในมือ แต่มีหลักทรัพย์เป็นที่ดินเพียงพอกับมูลหนี้ตามคำพิพากษา จึงขอให้กระทรวงยุติธรรมช่วยอนุมัติเงินกองทุนยุติธรรมช่วยเยียวยาผู้เสียหายไปก่อน โดยยอมเป็นลูกหนี้กองทุนยุติธรรมแทน ด้วยการเอาโฉนดเหล่านี้ไปค้ำประกันแทน จากการศึกษาข้อกฎหมาย ขณะนี้พบว่าไม่มีกฎหมายรองรับให้กองทุนยุติธรรมสามารถออกเงินให้จำเลยไปก่อน โดยเอาหลักทรัพย์มาค้ำประกันได้ แต่ก็เป็นเรื่องน่าศึกษาและถอดบทเรียนในอนาคต อย่างไรก็ตามอยากจะขอชื่นชมและขอบคุณคุณแม่ของน้องแพรวาที่เปิดประตูแห่งแสงสว่างในการออกมาแสดงความรับผิดชอบครั้งนี้ อย่างน้อยก็ลดความอึดอัดคับข้องของฝ่ายผู้เสียหายและสังคม ข้อเท็จจริงที่สังคมยังไม่รับรู้ก็คือที่ดินของคนที่อยู่ระหว่างถูกดำเนินคดีนั้น ไม่มีมูลค่าเลยครับ เพราะผู้จะซื้อจะคิดไปว่าอาจเข้าข่ายเป็นการช่วยจำเลยในการยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินและถูกเรียกคืน จึงขายไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันคดีได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
“กระทรวงยุติธรรมยินดีเป็นโซ่ข้อกลางในการรับโฉนดที่ดินมาวางที่กระทรวงยุติธรรมในระหว่างการเจรจาทั้งสองฝ่ายทั้งที่ไม่มีอำนาจในการเก็บหลักทรัพย์ดังกล่าว แต่ก็เพื่อให้เกิดความมั่นใจของคู่กรณี หรือช่วยประสานงานสถาบันการเงินให้ปล่อยเงินกู้ให้ หรือคุณแม่น้องแพรวาอาจยินยอมเข้าสู่กระบวนการบังคับคดีตามกฎหมาย โดยนำหลักทรัพย์ดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาดแทนที่กรมบังคับคดีแทนที่ตนเองจะเป็นผู้ขายก็ได้” นายธวัชชัย ระบุ
ราชสกุลฯมอบ 5 แสน – เหยื่อไม่รับ
ที่ร้านอาหารเพลิน ถ.วิภาวดี รังสิต ตัวแทนราชสกุล "เทพหัสดิน ณ อยุธยา" โดย นายสุชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา ในฐานะเลขาธิการราชสกุลฯ และนายณัฐพล ทองคำ ทนายความประจำราชสกุลฯ แถลงข่าวชี้แจงกระแสวิพากวิจารณ์ว่าคนในราชสกุลฯใช้ตำแหน่งหน้าที่ช่วยเหลือทางคดี โดย นายสุรชัย กล่าวแทนราชสกุลฯว่า ขอแสดงความเสียใจต่อกรณีคนในราชสกุลฯไปก่อเหตุ และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ผู้ใหญ่ได้สอบถามไปที่แพรวา ว่าดำเนินคดีไปถึงไหนชดใช้อย่างไรบ้าง ทางครอบครัวตอบกลับมาว่า กำลังดำเนินการอยู่ และทางครอบครัวจัดการได้ และไม่ได้ติดต่อกับครอบครัวอีก เนื่องจากสมาชิกของราชกุลเทพหัสดินฯ มีการลงทะเบียนไว้ร่วม 200 ครอบครัว แต่ละครอบครัวก็ได้แยกย้ายกันดำรงชีวิตตามลักษณะครอบครัวเดี่ยวในปัจจุบัน จนวันที่ 15 ก.ค.หลังเกิดข่าวออกมาว่าผู้เสียหาย ยังไม่ได้รับการชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษา ผู้ใหญ่ในราชสกุลฯก็ร้อนใจมาก และนัดหารือกันโดยได้สรุปว่า คดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัวและอยากให้ทุกคนเข้าใจและแยกออกจากเรื่องส่วนรวม พร้อมขอความเห็นใจสังคม และในฐานะราชสกุล เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และคดีที่เกิดขึ้นทำให้เกิดสูญเสีย ผู้ใหญ่จึงเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจจึงรวบรวมเงินขอมอบเงินจำนวน 5 แสนบาท ให้กับผู้เสียหายในการใช้จ่ายเพื่อติดตามการบังคับคดีให้ได้รับการชดใช้เงินตามคำพิพากษา ซึ่งใช้ในการต่อสู้คดีที่อาจใช้เวลานาน ซึ่งยืนยันว่า เงินจำนวนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการชดใช้ตามคำพิพากษา
ด้าน นายสุชัย กล่าวเสริมว่า ตนเองเป็นเพียง เลขาธิการ คณะกรรมการ ราชสกุล เทพหัสดิน ฯ ซึ่งยืนยันว่า ราชสกุลเทพหัสดิน มีเครือญาติทั้งหมดมีประมาณ 900 กว่าท่าน หลายท่านไม่ค่อยมีเงิน สามารถรวบรวมเงินมาได้เพียงแค่ 5 แสนบาท แต่ยืนยันว่า เราไม่ได้นิ่งนอนใจที่จะพยายามขอร้องให้ครอบครัวของแพรวา ชดใช้ตามกฎหมาย และยืนยันว่า เรายืนอยู่ข้างผู้เสียหาย ซึ่งส่วนตัวเองเพิ่งจะได้มีโอกาสพบกับ น.ส.แพรวา ตอนที่เกิดเหตุการณ์ขึ้นช่วงแรก ที่ น.ส.แพรวา เดินทางไปขอโทษกับราชสกุล ที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง ส่วนตัวไม่ได้มีความสนิทสนมกับครอบครัวแพรวา ซึ่งขณะนี้ทราบเพียงว่า แม่ของแพรวา จะนำบ้านไปขายแล้วนำเงินไปใช้หนี้ เพราะไม่มีเงิน แล้วเมื่อขายบ้านก็จะไปซื้อคอนโดอยู่
ภายหลังการแถลงข่าว นายณัฐพล ได้ติดต่อไปหา นายวรัญญู เกตุชู 1 ในผู้เสียหายจากเหตุการณ์ดังกล่าวเพื่อให้รับเช็คจำนวน 5 แสนบาทเป็นเงินกองกลางสำหรับผู้เสียหายในการต่อสู้คดี โดยทางนายวรัญญูระบุว่า ไม่ขอรับไว้ และขอให้ทนายนำเงินไปสมทบให้กับ น.ส.แพรวา เพื่อชดใช้หนี้ตามคำพิพากษาดีกว่า