xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** งานเร่งด่วนที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล ต้องตัดสินใจ "ทลายข้อจำกัด" ปมเลือกปฏิบัติ เตะถ่วง "น้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา" หรือจะเป็น กระบวนการกดภูมิปัญญาชาวบ้านที่แจกฟรี ไปเข้าปากนายทุน ต้อนผู้ป่วยต้องเสียเงินซื้อยา ?

หากจะถามว่ามีรัฐมนตรีคนไหน ใน"รัฐบาลลุงตู่ 2" ที่จะงานเข้าต้องรีบทำงานเร่งด่วน หนึ่งในนั้นต้องมี "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข รวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะนโยบาย"กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์"
โฟกัสแค่เรื่องเดียวก่อน นั่นคือ "น้ำมันกัญชา" สูตรของ "อ.เดชา ศิริภัทร" ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ ที่อุทิศตัวเองค้นคว้าวิจัยตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา จนเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาจาก อย. เมื่อยังไม่ผ่านการพิจารณา ผู้ป่วยที่ต้องการ หรือฝากความหวังไว้ที่น้ำมันกัญชาเวลานี้ย่อมไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างต่อเนื่อง เกิดปัญหาอย่างหนัก
จากความมะงุมมะงาหราของภาครัฐ ตลอด 4 เดือนที่ผ่านมา ตัวแทนของมูลนิธิข้าวขวัญ เล่าว่า มีผู้ป่วยโทร.เข้ามาเพื่อขอรับน้ำมันกัญชาจำนวนมาก จนมูลนิธิฯ ลำบากใจที่ต้องบอกปฏิเสธการจ่ายน้ำมันกัญชา ถึงขั้นต้องยกหูโทรศัพท์ เพื่อปิดช่องทางการติดต่อโดยตรงชั่วคราว
ที่หนักหนาที่สุดคือ เวลา 4 เดือนที่ผู้ป่วยไม่ได้รับน้ำมันกัญชาต่อเนื่อง ทำให้ผู้ป่วยมะเร็งบางรายเสียชีวิตจริง !
ประเด็นนี้ มีผู้วิจารณ์ว่า ต่างจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) รับรองสูตรน้ำมันกัญชา ของโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ที่รอเพียง 6 วัน เท่านั้น ... ทำไมอย. ถึงมีแนวทางปฏิบัติที่ต่างกัน ระหว่าง 6 วัน รับรองให้สูตรหนึ่งผ่าน กับ เตะถ่วงลากยาวมา 4 เดือนสำหรับน้ำมันกัญชา อ.เดชา ?
ยิ่งไปกว่านั้น อาจจะลากต่อไปอีก เพราะ มูลนิธิฯ เปิดเผยว่า ณ ขณะนี้ยังได้รับการประสานงานจากหน่วยงานกระทรวงสาธารณสุข เพื่อขอให้มูลนิธิฯ และผู้เกี่ยวข้อง เดินทางไปชี้แจงข้อมูลเกี่ยวกับสูตรน้ำมันกัญชาเพิ่มเติม ในคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ ซึ่งมีกำหนดประชุมในวันที่ 19 ก.ค.นี้
มูลนิธิฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมต้องให้ไปชี้แจงเพิ่มเติมอีก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้เข้าชี้แจง พร้อมส่งข้อมูลทั้งหมดไปยัง คณะกรรมการอำนวยการการนำกัญชาและกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แผนไทย จนได้รับการรับรองในเบื้องต้นแล้ว
เรื่องนี้ "นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์" รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา ออกมาระบุว่า ตำรับน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา และ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร นั้นเป็นตำรับยาคนละประเภท จึงมีขั้นตอนการดำเนินงานเพื่อให้การรับรองที่แตกต่างกัน ...ตำรับน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา เป็นตำรับยาที่หมอพื้นบ้านปรุงตามประเภทที่ 5 เมื่อผ่านการรับรองจากกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ก็จะเสนอคณะอนุกรรมการและคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษ พิจารณาออกประกาศรายชื่อตำรับ และ เสนอ รมว.สาธารณสุข
ส่วนตำรับยาของ "รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร" เป็นประเภทที่ 3 ต้องผ่านการพิจารณาเช่นกัน แต่หลักเกณฑ์ต่างพิจารณาต่างกัน เช่น สถานที่ผลิตต้องได้รับมาตรฐาน GMP มีการตรวจวิเคราะห์หาปริมาณสารสำคัญ สารปนเปื้อน โลหะหนัก แหล่งที่มาของกัญชา ต้องได้รับอนุญาตจาก อย. ระบบการรักษาความปลอดภัยของสถานที่ผลิต และระบบการกำจัดของเสียจากกระบวนการผลิต เป็นต้น
เลขาฯอย.ออกตัวอีกว่า เพิ่งได้รับเรื่องการขออนุญาตของ อ.เดชา เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการตามขั้นตอน ... อย่างไรก็ดี มูลนิธิฯ และเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ยังขอเรียกร้องให้สาธารณสุข เร่งรัดพิจารณาผ่านสูตรน้ำมันกัญชา โดยเร็วที่สุด
ผู้แทนมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี บอกว่า ตอนนี้ อ.เดชา ขอเข้าพบ นายอนุทิน เพื่อขอให้ใช้อำนาจบริหาร เร่งรัดให้มีการพิจารณาผ่านสูตรน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา ... ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับ"เสี่ยหนู" อนุทิน จะตัดสินใจกับเรื่องนี้อย่างไร
การเร่งให้ อย.พิจารณาน้ำมันกัญชา อ.เดชา ให้ผ่าน หรือ ไม่ผ่าน มีนัยสำคัญมาก
ถ้ายังมีมุมมองแบบภาครัฐ มีข้อจำกัดนู่น นี่ นั่น น้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา ก็จะเป็นภูมิปัญญาคนไทยอีกตำรับ ที่ถูกกลืนกินไปกับทุนสามานย์ ซึ่งแสวงหาผลประโยชน์บนความเจ็บไข้ได้ป่วยของคนไทยมาช้านาน ... สังคมก็จะต้องถามกันแน่ เพราะอะไร ? หรือนี่เป็นวิธีกระบวนการผูกขาดที่ภาครัฐกำลังทำให้การทำยาโดยชาวบ้าน ทำไม่ได้ ต้องไปซื้อในราคาแพงๆ ต้องการให้คนไทยต้องควักเงืนซื้อ ไม่ใช่แจกฟรี เหมือน น้ำมันกัญชา อ.เดชา หรือไม่ ?
เรื่องนี้ อย.อาจจะรอได้ แต่ ชีวิตคนนั้นรอไม่ได้ !
พรรคภูมิใจไทย ประกาศนโยบายเสรีกัญชาเพื่อการแพทย์ "อนุทิน" เองก็ลั่นวาจาว่า จะทลายทุกข้อจำกัด นี่จึงเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญยิ่งว่า"รมว.อนุทิน" จะทำอย่างไร ?

**จัดเลือกตั้งเสร็จ ฟอร์มรัฐบาลเรียบร้อย ก็สั่งย้าย "ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล" รองเลขาธิการ กกต. ที่รับผิดชอบงานการเลือกตั้ง ไปเป็น ผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองฯ ดูแลการอบรมนักเรียน หลักสูตร พตส. แบบนี้มันเข้าทำนอง "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" หรือ "เมื่อสำเร็จเสร็จกิจ ก็จุมพิตรับขวัญ" กันแน่ !!??

ขณะที่สปอตไลต์การเมืองกำลังฉายจับ "ครม.ลุงตู่" ที่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่ ก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ สำนักงานกกต. โดย "พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา" เลขาธิการ กกต. ได้เซ็นคำสั่งย้าย "นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล" รองเลขาธิการ กกต. ที่รับผิดชอบงานการเลือกตั้ง และการออกเสียงประชามติ ไปเป็น ผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้ง แล้วแต่งตั้ง "นายเมธา ศิลาพันธ์" รองเลขาธิการ กกต. ที่รับผิดชอบงานด้านการมีส่วนร่วมฯ ไปรับผิดชอบงาน ด้านบริหารการเลือกตั้งฯ แทน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.62 เป็นต้นไป
การโยกย้ายครั้งนี้ ว่ากันว่า มีมูลเหตุมาจากการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกกต.ถูกวิพากษ์วิจารณ์ "หนักมาก" ว่ามีข้อผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่การแบ่งเขตเลือกตั้ง การกำหนดวันเลือกตั้ง การออกแบบบัตรเลือกตั้ง ... เมื่อเข้าสู่การเลือกตั้ง ยังมีปัญหาการจัดส่งบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์ มาไม่ทัน จนไม่สามารถนับเป็นคะแนนได้ ความผิดพลาดในระบบการรายงานผลการนับคะแนน การรวมคะแนน การประกาศผลคะแนนการเลือกตั้ง กระทั่งสูตรการคิดคำนวณจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ค้านสายตาประชาชน รวมถึงการไม่สามารถชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ และ เชื่อมั่นในการจัดการเลือกตั้งของกกต.ได้ ... กกต.ถูกมองว่า เอื้อประโยชน์ต่อพรรคพลังประชารัฐ และคสช. ที่เป็นคนตั้งมากับมือ
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ความผิดพลาดส่วนหนึ่งจะเกิดที่หน่วยเลือกตั้ง จากกรรมการประจำหน่วย หรือ คณะกรรมการในระดับจังหวัด แต่ "นายณัฏฐ์" ในฐานะผู้รับผิดชอบงานจัดการเลือกตั้งในภาพรวม จึงไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้...และ หลังจากนี้ จะมีการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นทั่วประเทศรออยู่ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ซ้ำอีก จึงมีการโยกย้าย เปลี่ยนตัวผู้รับผิดชอบดังกล่าว
"นายณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล" จบนิติศาตร์ จาก ม.รามคำแหง แล้วเข้าทำงานที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย จากนั้นได้รับการชักชวนจาก "นายยุวรัตน์ กมลเวชช" ประธานกกต. รุ่นแรก ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ให้มีการจัดตั้ง กกต. ขึ้นมาเป็น "องค์กรกลาง" รับผิดชอบการจัดการเลือกตั้ง แทนกระทรวงมหาดไทย... "นายณัฏฐ์" จึงนับได้ว่าเป็น "ลูกหม้อกกต." ตั้งแต่ยุคบุกเบิก หน้าที่ในช่วงแรก เป็นงานเกี่ยวกับการยกร่างกฎหมาย และ เติบโตมาในสายงานการเลือกตั้ง ก่อนจะย้ายไปรับผิดชอบงานด้านการสืบสวนสอบสวน ในยุคที่ "นายอภิชาต สุขัคคานนท์" เป็นประธาน กกต. และเมื่อมาถึงยุค กกต.ชุดปัจจุบัน ที่มี "นายอิทธิพร บุญประคอง" เป็นประธานฯ "นายณัฏฐ์" ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น รองเลขากกต. รับผิดชอบงานการเลือกตั้งดังกล่าว ... บุคลิกส่วนตัว เป็นคนตั้งใจทำงาน เป็นคนตรง จนบางครั้งคำพูด หรือการให้สัมภาษณ์สื่อแบบตรงไปตรงมา จนอาจไม่เป็นที่ชื่นชอบ หรือถูกใจ "นาย" เท่าใดนัก
สำหรับ "นายเมธา ศิลาพันธ์" ที่จะมาทำหน้าที่แทน "นายณัฏฐ์" นั้น เคยเป็นพัฒนาชุมชนมาก่อนเข้ามาเป็นพนักงาน กกต. ในช่วงปี 2544 โดยเคยเป็น ผอ.กกต. จังหวัดมหาสารคาม และ ผอ.กกต.จังหวัดนครราชสีมา จากนั้นเข้ามารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา เกี่ยวกับระบบการเลือกตั้ง เป็นผู้อำนวยสำนักบริหารการเลือกตั้ง และ ขึ้นตำแหน่ง รองเลขาธิการกกต. ด้านการมีส่วนร่วม ในกกต.ชุดที่แล้ว
การย้าย"นายณัฏฐ์" จากรองเลขาธิการ กกต. ที่รับผิดชอบงานการเลือกตั้ง ไปเป็น ผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองฯ ที่มีขอบข่ายงานเกี่ยวกับการฝึกอบรมนักเรียน ตามหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) นั้น แม้ตำแหน่งจะอยู่ในระนายเดียวกัน คือ "บริหารระดับสูง" แต่ก็เป็นเพียงตำแหน่งเทียบเท่า ซึ่งคนวงในรู้กันดีว่า "มีศักดิ์ต่ำกว่า" ทั้งในด้านสายงานความรับผิดชอบ งบประมาณ กำลังคน จึงมีการมองว่า เป็นการลดชั้น เป็นการลงโทษ จากความผิดพลาดในการจัดการเลือกตั้งส.ส.ที่ผ่านมา หรือไม่... ทำให้พนักงานของสำนักงาน กกต. รวมทั้งลูกน้อง เมื่อทราบคำสั่งดังกล่าว ต่างก็เข้าไปแสดงความคิดเห็น และให้กำลังใจ "นายณัฏฐ์" ในเฟซบุ๊ก ส่วนตัว ขณะที่"นายณัฏฐ์" ได้โพสต์ตอบเพียงสั้นสั้น ว่า "หนังเศร้า แต่ฉันก็โอเค เพราะอยู่คนเดียว"
อย่างไรก็ตาม "นายณัฏฐ์" ได้ให้สัมภาษณ์ในเวลาต่อมาว่า ก่อนหน้านี้ เลขาธิการ กกต. เคยบอกว่า จะมีการปรับผังโครงสร้างผู้บริหารสำนักงานกกต. ทั้งหมด โดยจะให้ตนเอง ไปรับผิดชอบงาน "กิจการสืบสวนสอบสวน" แทน แต่เมื่อมีการเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม กลับปรับลดให้ตน มาเป็นเพียง ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาการเมืองฯ ถือเป็นการลดชั้นการทำงานไปโดยปริยาย ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยังมีภารกิจในการรับผิดชอบการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่กำลังจะมีขึ้น และได้ร่างแผนการทำงานไว้หมดแล้ว แต่กกต.กลับชะลอไว้ ส่วนข่าวที่ออกไปว่า เป็นเพราะตนทำงานผิดพลาดบ่อยครั้งนั้น ยืนยันว่า ที่ผ่านมา”ไม่เคยทำงานผิดพลาด” แต่เป็นการ "ทำงานตามคำสั่ง"
ขณะที่ "พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา" เลขาธิการ กกต. พูดถึงเหตุเกิดครั้งนี้ว่า ปัญหาการจัดการเลือกตั้งที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นประเด็นหลัก ทุกอย่างพิจารณาตามความเหมาะสม... สำหรับตำแหน่ง ผอ.สถาบันพัฒนาการเมืองฯ นั้น กำลังมีงานใหญ่ที่รออยู่ เพราะทางสำนักงานกกต. กำลังจะจัดตั้งสถาบันวิทยาการการเมืองขึ้นมา จึงอยากให้ไปดูแลตรงนั้น...
การโยกย้ายในครั้งนี้ จะเข้าทำนองที่ว่า "เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกฆ่าขุนพล" หรือจะมองว่า "เมื่อสำเร็จเสร็จกิจ ก็จุมพิตรับขวัญ" ก็แล้วแต่จะคิดกัน แต่สำหรับ"นายณัฏฐ์" แล้ว คงเห็นเป็นอย่างแรกมากกว่า

---------
รูป- อนุทิน ชาญวีรกูล -เดชา ศิริภัทร - นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์
- ณัฏฐ์ เล่าสีห์สวกุล- เมธา ศิลาพันธ์
กำลังโหลดความคิดเห็น