xs
xsm
sm
md
lg

“ผู้กองมนัส” เคลียร์ทุกปม ค้าเฮโรอีน-ถูกถอดยศ-รักร่วมเพศ รับแก้อดีตไม่ได้-ขอแทนคุณแผ่นดิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

“ธรรมนัส” เปิดใจกับ “บก.นก-นพรัฐ” รายการ “NEWS TALK ตัวจริงเสียงจริง” ยอมรับคดีออสเตรเลียเป็นตราบาปในชีวิต แต่เป็นเรื่องโอละพ่อ เพราะไม่ได้ถูกตัดสินว่าค้าหรือผลิตยาเสพติด สุดท้ายศาลยกฟ้อง ส่วนคดีฆาตกรรมดอกเตอร์ ศาลยกฟ้อง ยันไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ โอดติดคุกฟรี 3 ปีถือเป็นความซวย ย้ำไม่มีสัมปทานกับกองสลากฯแล้ว หลัง “บิ๊กแดง” ขึ้นเป็นประธาน ลั่นเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่ขอพิสูจน์ตัวเอง หลังถวายสัตย์ปฏิญาณจะตั้งใจทดแทนคุณแผ่นดิน

วานนี้ (11 ก.ค.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ให้สัมภาษณ์รายการ “NEWS TALK ตัวจริงเสียงจริง” โดย บก.นก-นพรัฐ พรวนสุข บรรณาธิการข่าวการเมือง เครือผู้จัดการ 360 ทางสถานีโทรทัศน์ NEWS1 ตอนหนึ่งว่า กรณีคดีความถูกกล่าวหาค้ายาเสพติด นำเฮโรอีนส่งออกไปประเทศออสเตรเลียว่า ถือว่าเป็นตราบาปที่ติดตัวมาตลอดชีวิต แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องโอละพ่อ ผมไม่ได้ขนยาเสพติดไปขายที่ประเทศออสเตรเลีย ไม่ได้ผลิตยาเสพติด ไม่ได้จำหน่ายยาที่ประเทศออสเตรเลีย ฉะนั้นข้อหาส่งออก นำเข้า จำหน่าย ผลิต ผมไม่ได้ทำ

ก่อนถูกจับนั้น ผมมีรุ่นพี่ท่านหนึ่ง ซึ่งเป็นอดีผมายตำรวจหน่วยปราบปรามยาเสพติดของสถานทูตสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำงานอยู่ทางด้านยาเสพติดตลอด พี่ท่านนี้เคยให้ความอุปการะผมและครอบครัวมาตลอด ในช่วงเดือนเมษายน ปี 2536 พี่ท่านนี้ไปราชการที่ประเทศออสเตรเลีย ช่วงนั้นผมไม่มีงานทำ พี่ท่านนั้นก็ชวนไปเที่ยวซิดนีย์ ออสเตรเลีย เดินทางจากประเทศไทยจนถึงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ผ่านการตรวจค้นทุกอย่าง ไม่มีพกพายาเสพติดใดๆ จากประเทศไทย

แต่สิ่งที่ผมพลาดในชีวิต ตลอดเวลาผมก็ไม่เคยเล่าให้ใครฟังเรื่องนี้ พี่ท่านนี้ก็ไปรับผมที่สนามบิน แล้วพาผมไปพักที่ห้องนอนที่พี่ท่านนี้พักอยู่ เหตุการณ์วันนั้นผมไม่รู้เลยว่า มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยที่ผมไม่รู้มาก่อน ซึ่งพอไปถึงประมาณสักสิบนาที เพื่อนพี่ที่เป็นฝรั่ง ก็มาหาพี่ที่ห้อง ทันใดนั้น ประมาณสัก 4-5 นาที ถ้าผมจำไม่ผิด ก็มีตำรวจ มีเจ้าหน้าที่เข้ามารวบพวกเราทั้ง 4-5 คน ทั้งหมดเลย ซึ่งผมก็ขัดขืน เพราะผมไม่รู้ว่ามันเรื่องอะไรกัน

เหตุการณ์วันนั้น พวกผมถูกควบคุมตัวไป แยกกันทุกคน ผมให้การต่อสู้คดีเรื่องนี้ปฏิเสธมาตลอด เพราะไม่รู้เรื่องนี้ และวันนั้นในห้องก็ไม่ได้มีของกลางอะไรเลย ตลอดระยะเวลาที่อยู่ซิดนีย์ ผมถูกคุมขังประมาณ 8 เดือน ต่อสู้คดีมา โดยไม่ได้ถูกตัดสินว่าผมค้ายา นำเข้าเฮโรอีน แต่เป็นข้อหา knowing, concern เป็นข้อหาว่า รู้ว่ามีการทำอะไรกัน ซึ่งโทษในประเทศออสเตรเลียถือว่าเป็นโทษเบา ถ้าเป็นบ้านเรา ไม่มีข้อหานี้ เป็นข้อหาลหุโทษ

ระหว่างที่ต่อสู้คดีผมก็ใช้ทนายซึ่งทางราชการของประเทศออสเตรเลียเขาให้เรามาใช้ ทนายแนะนำว่าการต่อสู้คดีมันจะยาวมาก เพราะคดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ในระหว่างที่ถูกคุมขังอยู่ ทางเจ้าหน้าที่ของทางออสเตรเลียก็มาขอให้กันผมเป็นพยานพร้อมกับพี่ท่านนั้นด้วย การต่อสู้ ณ เวลานั้น เป็นการต่อสู้ว่าผมเป็นพยานให้เจ้าหน้าที่รัฐว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้อง ทุกครั้งที่ไปสืบพยานที่ศาล จะยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้อะไรทั้งนั้น รู้อย่างเดียวว่า ถูกจับในระหว่างที่บุคคลอื่นกระทำความผิด นั่นเป็นเหตุการณ์เมื่อ 26 ปีที่แล้ว ตอนนั้นยังมียศร้อยโท

ซึ่งในระหว่างการต่อสู้คดีที่ประเทศออสเตรเลีย มีการลองตัดสิน สมมุติว่าข้อกล่าวหาที่เขากล่าวหาเรา ณ เวลานี้ แล้วเราให้การอย่างนี้ ลองให้ศาลตัดสินว่าจะตัดสินกี่ปี ผมก็ไปลองกับพี่ท่านนี้ ปรากฏว่าศาลตัดสิน 3 ปีกว่า หรือ 4 ปี เราก็มานั่งคิดกัน แต่ยังไม่ได้ยอมรับตรงนั้น ศาลก็ให้โอกาส หากเห็นว่าระยะเวลาที่อยู่มา กับระยะเวลาที่เหลือ ถ้าเรายอมรับเงื่อนไขนี้ ศาลก็จะตัดสินว่าคดีนี้ศาลตัดสินกี่ปี ปรากฏว่า พอไปลองตัดสินแล้ว ศาลตัดสิน เข้าใจว่าประมาณ 4 ปี แต่ภารกิจที่ยังอยู่คือจะต้องให้การพยาน เพื่อให้การเป็นพยานต่อศาลในเรื่องที่เกิดขึ้น ผมถูกคุมขังอยู่ 8 เดือน หลังจากนั้นเขาก็เอาไปไว้สถานที่แห่งหนึ่งเพื่อดูแลเยาวชนที่กระทำผิดกฎหมาย เราก็อยู่ในฐานะเป็นผู้ปกครองเด็กๆ ที่ทำผิดกฎหมาย ตอนนั้นถือว่าพวกเราเป็นความรู้ทั้งคู่ เราเป็นอดีตนายทหารและนายตำรวจทั้งคู่ เขาให้ไปดูเด็ก ไปดูเด็กได้ประมาณสัก 6 เดือน ก็กลับออกมาทำงานข้างนอก ใช้ชีวิตปกติข้างนอก ทำงานเป็นผู้จัดการขายกระดาษชำระที่ใหญ่ที่สุดในนิวเซาท์เวลส์ ที่ซิดนีย์ ทำงานจนถึงปี 2539 ณ เวลานั้นนครซิดนีย์เขามีนโยบาย deport ผู้ที่มีประวัติในเรื่องพวกนี้ กลับสู่ภูมิลำเนา รัฐบาลก็ส่ง
ผมพร้อมกับพี่ชายคนนี้กลับมาสู่ประเทศไทย โดยไม่ได้มีเงื่อนไขหรือถูกคุมขังอะไรอย่างที่ข่าวเขียนกันเสียหาย

สรุปโดยรวม ชีวิต 3 ปีกว่าๆ ในออสเตรเลีย ชีวิตส่วนหนึ่งถูกคุมขัง 8 เดือน อีกส่วนหนึ่งผมใช้ชีวิตปกติอย่างคนทั่วไป พอคดีต่อสู้ปุ๊บ ผมทราบทีหลังว่าคดีนี้ศาลยกฟ้องทั้งหมด มีแต่พวกผมสองคนที่ไปลองตัดสินและรับเงื่อนไข

หลังจากกลับมาปี 2539 มีการออกพระราชบัญญัติล้างมลทิน จึงขอกลับเข้ามารับราชการ โดยใช้ยศเดิม คือร้อยโท เป็น ร้อยโท พชร พรหมเผ่า ประมาณปี 2540 พอปี 2541 วันที่ 1 มิถุนายน 2541 ได้รับเลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยเอกจนประมาณเดือนสิงหาคม 2541 เกิดเหตุการณ์ คดีฆาตกรรมด็อกเตอร์คนหนึ่ง จริงๆแล้วคดีนี้ตำรวจภูธรภาค 3 สรุปสำนวนมาแล้วว่าผมไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาของผมไปทำให้เขาเสียชีวิต แต่หลังจากนั้นคดีถูกโอนมาอยู่กองปราบ ผู้ต้องหาที่ให้การรับสารภาพมาโดยตลอดก็ถูกสอบสวนใหม่ด้วยวิธีการของตำรวจ ซึ่งผมไม่อยากพูดถึงคดีนะ คดีมันจบไปแล้ว ก็เอาผมเป็นผู้ต้องหาร่วม

สิ่งที่มันติดตัวผมอยู่ตลอดเวลานี่ สิ่งที่ผมอยากจะพูดมากในวันนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางท่านบอกว่าผู้ตายมีคราบอสุจิในทวารหนัก ซึ่งก็พยายามจะเบนว่าผมนิยมรักร่วมเพศ ซึ่งจริงๆ แล้วเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผู้ต้องหาได้รับสารภาพ และศาลตัดสินจำคุก ให้การรับสารภาพหมดว่าไม่ได้เกี่ยวกับผมเลย ผมไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเลยในคืนเกิดเหตุ ถึงแม้จะเป็นสำนักงาน ซึ่งตามข่าวบอกว่าเป็นบ้านผม ไม่ใช่ เป็นสำนักงาน เป็นบริษัท

พอต่อสู้คดีมาตั้งแต่ปี 2541 ผมถูกคุมตัว 3 ปี 1 เดือน ในเรือนจำ ไม่ได้รับการประกันตัว จนปี 2544 ได้รับการประกันตัวแล้วออกมาสู้คดีข้างนอก สู้คดีจนปี 2547 ศาลสั่งยกฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 ถึงจำเลยที่ 5-6 ทั้งหมด มีจำเลยที่รับสารภาพ คือจำเลยที่ 2 ที่ศาลตัดสินจำคุก 9 ปี ซึ่งคดีก็จบไป อัยการไม่อุทธรณ์ ผมถูกศาลยกฟ้อง ซึ่งคดีก็จบไป

นี่คือเรื่องของคดีฆ่า ซึ่งผมไม่ได้ไปพัวพันอะไร แต่ว่าการที่ต้องไปอยู่ในคุก 3 ปี 1 เดือน ก็ถือว่าเป็นโชคร้ายของผม พอศาลยกฟ้อง ถามว่าผมจะกลับเข้ามารับราชการอีกไหม ผมบอก ผมไม่อยากเป็นทหารแล้ว อย่างที่ผมเคยให้สัมภาษณ์ไป นี่เป็นเรื่องของคดีครับ

ส่วนคดีที่ผมมีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทที่โกงบิตคอยน์ของชาวฟินแลนด์ นั้น ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า บ.ดีเอ็นเอที่ผมซื้อหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ และบังเอิญว่าคนที่ซื้อหุ้นบริษัทนี้ไปเกี่ยวข้องกับคนที่โกงบิตคอยน์ เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนแล้ว ผมไม่เกี่ยวข้อง และอยู่ในฐานะพยาน ไม่ใช่ผู้ต้องหา

กรณีที่มีข่าวว่ามีบริษัทที่เป็น 1 ใน 5 เสือที่ได้สัมปทานซื้อสลากกินแบ่งจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลนั้น ร.อ.ธรรมนัส เล่าว่า ในอดีตที่ผ่านมาใช่ แต่หลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ได้เข้ามาบริหาร เป็นประธานกองสลากฯ 5 เสือกองสลากฯ ถูกสลายตัวหมดแล้ว เวลานี้การจำหน่ายสลากกินแบ่งของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลทำผ่านแบงก์กรุงไทย ผ่านมูลนิธิ องค์กรกุศล ไม่มี 5 เสือแล้ว ไม่เหลือแล้ว บริษัทผมก็เช่นเดียวกันถูกสลายไปหมด ไม่มีสัมปทานแม้แต่เล่มเดียว แต่ว่าธุรกิจการค้าขายสลากฯ เป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งเรามีแผงอยู่ทั่วประเทศ วิธีการทำอย่างไร ก็ไปซื้อ พอให้ลูกน้องอยู่ได้ ไม่มีกำไรอะไรเลย ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรเลย ตั้งแต่มาเป็น ส.ส.ไม่ได้เป็นกรรมการในบริษัทใดเลยแม้แต่บริษัทเดียว ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทใดแม้แต่บริษัทเดียว แม้แต่ภรรยาก็เช่นเดียวกัน

ผมเคยผ่านประสบการณ์การเป็นรัฐบาลมาหลายยุคหลายสมัย การเลือกตั้งปี 2557 ผมเป็นผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทย หลายท่านที่เวลานี้เป็นฝ่ายค้าน พยายามจะโจมตีคุณสมบัติของผมว่า ได้หรือเปล่า ผมเคยได้รับการรับรองจากนายทะเบียนของพรรคเพื่อไทย ว่าคุณสมบัติถูกต้อง ครบถ้วนหมด ถึงส่งสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ปี 2557 ถ้าปีนั้นไม่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ก็เป็น ส.ส.แล้ว

จากประสบการณ์ที่อยู่ในแวดวงการเมือง รัฐบาลที่มีเสียงแบบนี้ จะเป็นรัฐบาลที่ค่อนข้างจะบริหารบ้านเมืองอย่างมีความระมัดระวัง ฉะนั้นมีความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลนี้จะอยู่ยาว อยู่ครบเทอม เพราะเราจะระมัดระวัง ตรงข้ามกับรัฐบาลที่มีเสียงเยอะ 300 กว่าเสียง แต่ประมาท ก็เห็นอยู่ครับหลายๆ รัฐบาล

ผมไม่กังวล ถ้าอภิปรายไม่ไว้วางใจผมในเรื่องของการทำงาน เดี๋ยวผมจะพิสูจน์ให้เห็นว่าเด็กบ้านนอกคอกนาอย่างผมนี่ จะทำอะไรเพื่อบ้านเพื่อเมืองได้บ้าง จะทำอะไรให้พี่น้องประชาชนได้เห็นประจักษ์ว่านี่คือลูกชาวนาอย่างผม ผมทำให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้อยู่ดีกินดี ส่วนในเรื่องของคุณสมบัติ ผมจะมีประวัติอะไร อย่างไร เราปฏิเสธสังคมไม่ได้ แต่ชีวิตผมผ่าน พ.ร.บ.ล้างมลทิน มากี่ฉบับแล้ว คุณจะบอกว่าผมคุณสมบัติตก คุณจะบอกผมอย่างโน้นอย่างนี้ กฎหมายก็คือกฎหมาย

ผมไม่เคยขนยาไปขายต่างประเทศ ไม่เคยผลิตยา ไม่เคยมีประวัติในเรื่องคดียาเสพติด ไม่สูบ ไม่ค้า ไม่ขาย ไม่ผลิต อะไรคือจริยธรรม แต่ความซวยในชีวิต เจอสถานการณ์อย่างนั้น เชื่อว่าวันหนึ่ง คนที่ผมนับถือเป็นพี่น้องกัน เขาเห็นผมถูกกระทำ เขาจะต้องออกมาเปิดเผยในส่วนของผม ผมเชื่อว่าอย่างนั้น ว่าข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นที่ประเทศออสเตรเลียมันคืออะไร

คนเราเลือกเกิดไม่ได้ ก็เฉกเช่นเดียวกันว่า สิ่งที่มันเกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาเกือบ 30 ปี กับสิ่งที่มันกำลังเกิดขึ้นวันนี้และวันหน้า แน่นอนว่าสิ่งที่ผ่านมาเราไม่สามารถหวนไปทำให้มันดีขึ้นได้

แน่นอนสิ่งที่ผ่านมาผมแก้ไม่ได้ แต่ในอนาคตที่จะถึง หลังจากที่ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์แล้ว ผมจะพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่าคนอย่างผม ผมทำอะไรผมยึดถือหัวอกของคนยากคนจน ผมคิดถึงคุณแผ่นดินที่ให้ผมอยู่มาถึงอายุ 50-60 ปี ผมและครอบครัวผมถือว่าพร้อมทุกอย่าง แต่สิ่งที่ผมยังไม่ได้ทำคือ ทดแทนคุณแผ่นดิน ผมยังไม่ได้ทำ ผมก็ตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด.
กำลังโหลดความคิดเห็น