ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องลองไปสำรวจตรวจสอบ ติดตามแนวโน้มภาวะ “ราคาน้ำมัน” ในอนาคตข้างหน้ากันดูสักหน่อย เพราะถึงแม้ “ค่าเงินบาท” ของบ้านเราจะแข็งโป๊ก แข็งโด่เด่ปานประดุจรับประทานยาไวอากร้าเข้าไปเป็นกำๆ สามารถซื้อน้ำมันในราคาที่ลดลงได้แบบคล่องเนื้อ คล่องตัว คล่องกระเป๋ากันตามสมควร แต่ถ้าหากต้องเจอกับราคาน้ำมันที่พุ่งพรวดๆ พราดๆ ทะรูดทะราดตั้งแต่ระดับ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลขึ้นไป ไปจนถึง 100-200 หรือ 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลขึ้นมาเมื่อไหร่ อันนี้...ยังไงๆ ย่อมมีแต่ “ตาย...กับ...ตาย” ลูกเดียวเท่านั้นเอง โอกาสที่ “รัฐบาลปริ่มน้ำ” ที่เพิ่งคลอดกันสดๆ ร้อนๆ มีสิทธิ์ต้องกลายเป็น “รัฐบาลจมน้ำ” ย่อมมีความเป็นไปได้เสมอ...
คือในช่วงระหว่างนี้...โดยสีสันบรรยากาศ มันออกจะส่งผลให้ราคาน้ำมันสามารถพุ่งทะยานปานติดจรวดได้ทุกเมื่อ เพราะบริเวณพื้นที่เส้นทางการขนส่ง ลำเลียงน้ำมัน จำนวนไม่ต่ำกว่า 1 ใน 5 ของโลก หรือตั้งแต่ 25 ไปถึง 40 เปอร์เซ็นต์ของปริมาณน้ำมันในตลาดโลกเอาเลยถึงขั้นนั้น คือบริเวณช่องแคบฮอร์มุซแถวๆ ประเทศอิหร่านเขานั่นแหละ มันออกจะชุลมุน ชุลเก เพิ่มความตึงเครียด เพิ่มความซีเรียสหนักยิ่งเข้าไปทุกที เรียกว่า...ขนาดเรือขนน้ำมันของบริษัท “BP” อังกฤษ ที่นาวิกโยธินอังกฤษเพิ่งรับอาสาเป็น “สุนัขพูเดิล” ไปยึดเรือน้ำมันของอิหร่านเขา ณ บริเวณช่องแคบยิบรอลตาร์ ตามคำสั่งของคุณพ่ออเมริกาเมื่อไม่นานมานี้ มาถึงทุกวันนี้...หรือเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา ขณะที่เรือขนน้ำมัน “BP” ของอังกฤษ แล่นมาถึงอ่าวเปอร์เซีย บริเวณแถบอ่าวของซาอุดีอาระเบีย เพื่อที่จะขนน้ำมันกลับบ้านกันตามปกติ แต่จู่ๆ...ก็ต้องหันหัวเรือกลับเอาดื้อๆ ด้วยเหตุเพราะกลัวถูกอิหร่านเขาตอบโต้ หรือคิดจะเล่นงานเรือน้ำมันอังกฤษขึ้นมามั่ง อันนี้...ถ้าว่ากันตาม “รายงานข่าว” ของสำนักข่าว “Bloomberg” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา...
และแม้ว่าเมื่อ ณ ขณะนี้...หรือเมื่อช่วงวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา เรือขนน้ำมันอังกฤษบางลำ อย่างเช่นเรือ “The Pacific Voyager” จะสามารถเข้าเทียบท่า เมืองท่า “Fujairah” ของ “UAE” เพื่อขนส่งน้ำมันตามปกติได้บ้างแล้ว แต่ที่ออกจะ “ไม่ปกติ” ก็เพราะกองทัพอังกฤษจำต้องส่งเรือรบ หรือเรือลาดตระเวน “HMS Montrose” คอยแล่นตามหลังเรือน้ำมันลำนี้ แบบชนิดจ่อตูดไปติดๆ ด้วยเหตุเพราะกลัวถูกปฏิบัติการ “แค้นสวาทต้องทวงคืน” ของอิหร่านขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ไม่แน่!!! บรรยากาศของการขนส่งน้ำมันไปยังตลาดต่างๆ มันเลยออกจะชุลมุน ชุลเก อย่างที่ว่า เกิดข่าวลง ข่าวลือ ข่าวปล่อย ชนิดยิ่งทำให้ราคาน้ำมันมีโอกาสแกว่งไป-แกว่งมา ได้โดยตลอด เช่น ข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมาจากหนังสือพิมพ์ “Al-Araby Al-Jadeed” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เรื่องทางการอียิปต์ ตัดสินใจยึดเรือน้ำมันอิหร่านขณะกำลังแล่นผ่านคลองสุเอซ จนส่งผลให้ประธานองค์กรบริหารคลองสุเอซ “นายMohab Mamish” ต้องออกมาปฏิเสธข่าวแบบฉับพลัน-ทันด่วน ด้วยการยืนยันว่าเส้นทางคมนาคมระดับหัวใจสำคัญของโลก อย่างคลองสุเอซนั้น ยังคงพร้อมให้เรือทุกชนิด ทุกสัญชาติ ผ่านเข้า-ผ่านออก ได้โดยเสรีและโดยถูกต้องตามกฎหมาย...
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยข่าวลือ ข่าวลวง ไปจนถึงข่าวจริง ข่าวเท็จ ทำให้คุณพ่ออเมริกาท่านพยายามหยิบสิ่งเหล่านี้มาฉกฉวยให้เป็นประโยชน์ ด้วยการประดิษฐ์คิดค้น ครีเอ “ถีบ” (ทีฟ)ไอเดีย ที่ออกจะเก๋ไก๋เอามากๆ นั่นก็คือ...ด้วยการแถลงอย่างเป็นทางการของ “พลเอกโจเซฟ ดันฟอร์ด” (Joseph Dunford) ประธานเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐฯ เมื่อช่วงวันอังคาร (9 มิ.ย.) ที่ผ่านมา ว่ากองทัพสหรัฐฯ กำลังตระเตรียมจัดตั้ง “กองกำลังร่วม” กับบรรดาประเทศต่างๆ เพื่อลาดตระเวนพื้นที่น่านน้ำบริเวณนี้ ตั้งแต่ระหว่างทะเลอาหรับไปจนถึงจงอยแอฟริกา หรือตั้งแต่ตลอดช่องแคบฮอร์มุซ ไปจนถึงช่องแคบบับ อัล-มันดับ (Bab al-Mandab) แถวๆ ประเทศเยเมนโน่นเลย เพื่อให้เกิด “เสรีภาพในการเดินเรือ” (Freedom of Navigation) ในพื้นที่บริเวณนี้ ส่วนมันจะถูกแปลงรูป แปลงร่างให้กลายไปเป็น “เสรีภาพของโจรสลัด” (Freedom of Piracy) ในการยึดเรืออิหร่าน แบบที่ “สุนัขพูเดิล” อังกฤษได้เคยแสดงให้เห็นเป็นตัวอย่าง เพื่อที่จะทำให้ “การส่งออกน้ำมันอิหร่านต้องเหลือศูนย์” หรือไม่ อย่างไร ดังที่นักวิเคราะห์ นักสังเกตการณ์บางรายเขาได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้นั้น อันนั้น...คงต้องไปถาม ไปดัน ประธานเสนาธิการ อย่าง “พลเอกดันฟอร์ด” กันเอาเอง...
แต่โดยสรุปรวมความแล้ว...การเพิ่มความชุลมุน ชุลเก ด้วยครีเอ “ถีบ” ที่ว่า ดูจะไม่ส่งผลให้บรรดาประเทศต่างๆ ยอมตกเป็น “เหยื่อโฆษณา” มากมายสักเท่าไหร่ แม้แต่ “อียิปต์” ที่คาดๆ กันว่า อาจให้ความร่วมมือในการจัดตั้ง “กองกำลังร่วม” กับอเมริกาและสุนัขพูเดิลอย่างอังกฤษในกรณีนี้ แต่จากครั้งที่อียิปต์เคยประกาศถอนตัวจากการนำเสนอแนวคิดในเรื่อง “Arab NATO” ที่ถูกประดิษฐ์คิดค้น โดยคุณพ่ออเมริกามาก่อนหน้านี้ รวมทั้งการที่ประธานบริหารคลองสุเอซ ได้ออกมาปฏิเสธข่าวการยึดเรือน้ำมันอิหร่านแบบฉับพลัน-ทันที ทำให้การคาดหวังว่าอียิปต์จะกลายเป็นหนึ่งใน “กลุ่มโจรสลัด” ก็ยังไม่ถึงกับมีอะไรชัดเจน แม้แต่พันธมิตรที่เคยสุดแสนจะใกล้ชิดในภูมิภาคตะวันออกกลางของอเมริกาหรือซาอุฯ อย่าง “UAE” ที่เคยถูกวินาศกรรมเรือสินค้าและเรือน้ำมันไป 2 ลำ เมื่อเร็วๆ นี้ นอกจากไม่ได้ออกมาสรุปข้อกล่าวหาว่าอิหร่านเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ดังกล่าว เหมือนอย่างอเมริกาและซาอุฯ แล้ว ล่าสุด...ยังมีข่าวด้วย “UAE” กำลังตัดสินใจ “ถอนตัว” จากการร่วมเป็นกองกำลังพันธมิตรของซาอุฯ ในการทำสงครามเยเมนอีกไม่นาน-ไม่ช้า เพราะเจอเข้ากับ “จรวดเยเมน” ซะจนจุกแล้ว-จุกอีก แถมเร็วๆ นี้...ยังคิดกลับไปเปิดสถานทูตอย่างเป็นทางการในดินแดนปาเลสไตน์ อันแทบไม่ต่างไปจากการรับรอง “เอกราช” ของปาเลสไตน์นั่นเอง..
แม้กระทั่ง “ญี่ปุ่น” ที่เพิ่งถูกระเบิดเรือไปในระหว่างที่นายกรัฐมนตรี “ชินโสะ อาเบะ” กำลังเดินทางไปจับเข่าคุยกับผู้นำอิหร่านเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ก็ดูจะออกอาการแบ่งรับ-แบ่งสู้ ไม่ได้คิดจะโดดเข้าไปปกป้อง “เสรีภาพการเดินเรือ” ในพื้นที่บริเวณนี้ ที่อาจถูกแปรสภาพให้กลายเป็น “เสรีภาพของโจรสลัด” ขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้...
หรือไปๆ-มาๆ...บรรดา “กองกำลังร่วมโจรสลัด” เหล่านี้ อาจเหลือแค่อเมริกา-อังกฤษและซาอุดีอาระเบียเท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ประธานเสนาธิการร่วม อย่าง “พลเอกโจเซฟ ดันฟอร์ด” เลยต้อง “ออกตัว” เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่ากองกำลังดังกล่าวอาจเริ่มต้นด้วย “ขนาดเล็กๆ” แต่จะค่อยๆ ขยายตัวต่อไปเมื่อมีบรรดาชาติต่างๆ ทยอยเข้าร่วมกันในอีกไม่นาน-ไม่ช้า หรือหลังจากสามารถสร้างความชุลมุน ชุลเก ให้อุตลุดพัลวัน หนักขึ้นเรื่อยๆ อะไรทำนองนั้น ขณะที่ฝ่ายอิหร่าน ถ้าฟังจากที่ “นายพลHossein Nejat” รองผู้บัญชาการ “IRGC” ประกาศไว้ว่า... “ถ้าเรือรบของสหรัฐฯ ทำอะไรที่ผิดพลาดขึ้นมาในขอบเขตพรมแดนของเรา ขีปนาวุธของเราก็พร้อมแล้วที่จะเล่นงานบรรดาเรือเหล่านั้น รวมทั้งถ้าหากชาติอาหรับชาติใดก็แล้วแต่ คิดจะก่อความรุนแรงบนดินแดนของเรา ก็จะได้รับการตอบโต้จากขีปนาวุธอิหร่านที่มีรัศมีทำการครอบคลุมไปทั่วทุกฐานทัพของประเทศนั้นๆ” ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้...เลยคงต้องเตรียมตัว เตรียมใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่าโอกาสที่จะเห็น “ราคาน้ำมัน” พุ่งแบบติดจรวดขึ้นไปถึง 100-150-200 หรือ 300 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาเสียเลย!!!