xs
xsm
sm
md
lg

โปรดเกล้าฯครม."ลุงตู่2"…'สนธิรัตน์'คุมพลังงาน-'สุริยะ'นั่งอุตฯ-"ธรรมนัส"รมช.เกษตร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการรายวัน 360 -ราชกิจจาฯ เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ “ประยุทธ์”ควบกลาโหม “ประวิตร-สมคิด-วิษณุ”รองนายกฯ “สนธิรัตน์”นั่งพลังงาน “สุริยะ”คุมอุตสาหกรรม “ธรรมนัส” รมช.เกษตรฯ รัฐบาลเตรียมทำหนังสือ ขอเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ ครม.ใหม่ นายกฯแสดงความยินดีครม.ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ย้ำทุกคนต้องทำงานเพื่อประเทศ-ประชาชน อย่างสุดกำลังความสามารถ "วิษณุ"แจง กรณีศาลออสเตรเลียเคยตัดสินจำคุก"ธรรมนัส" ในคดียาเสพติด-เคยถูกไล่ออกราชการ ไม่มีผลต่อคุณสมบัติ "เสี่ยหนู"เสียงสั่น ตื้นตัน ได้เป็น รองนายกฯ-รมว.สธ.

วานนี้(10 ก.ค.) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการแต่งตั้งรัฐมนตรี ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2562 แล้วนั้น

บัดนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เลือกสรรผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรัฐมนตรี ดังต่อไปนี้

พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกรัฐมนตรี, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี, นายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกรัฐมนตรี, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี, พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอีกตำแหน่งหนึ่ง

พลเอก ชัยชาญ ช้างมงคล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม, นายอุตตม สาวนายน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง, นายสันติ พร้อมพัฒน์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, นายดอน ปรมัตถ์วินัย เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายจุติ ไกรฤกษ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายประภัตร โพธสุธน เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, นายถาวร เสนเนียม เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, นายวราวุธ ศิลปอาชา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน, นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายนิพนธ์ บุญญามณี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายทรงศักดิ์ ทองศรี เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, หม่อมราชวงศ์จัตุมงคล โสณกุล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, นายอิทธิพล คุณปลื้ม เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, นายสาธิต ปิตุเตชะ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 10 กรกฎาคม พุทธศักราช 2562 เป็นปีที่ 4 ในรัชกาลปัจจุบัน

รัฐบาลเตรียมทำหนังสือขอเข้าเฝ้าฯเพถวายสัตย์ฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่แล้วนั้น ในวันนี้ (11ก.ค.) ทางรัฐบาล จะทำหนังสือขอพระราชทาน กำหนดการเพื่อเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณ ก่อนปฏิบัติหน้าที่

อย่างไรก็ตาม ในส่วนวัน เวลา การกำหนดเข้าเฝ้าฯ ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นวันใดนั้น ช่วงนี้มีการประสาน ว่าที่รัฐมนตรีทุกคน ให้มีความพร้อม และถ้าไม่มีความจำเป็น ก็ไม่ควรเดินทางไปต่างประเทศ

นายกฯแสดงความยินดีครม.ใหม่

พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีและย้ำว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีในวันนี้

ทั้งนี้ นายกฯ เน้นย้ำว่า จากนี้ไป ขอให้ทุกคนที่ได้รับการโปรดเกล้าฯร่วมมือร่วมแรงและร่วมใจกัน ทำงานเพื่อความผาสุกของประชาชนและประโยชน์ของประเทศชาติอย่างสุดความสามารถ โดยจะต้องเร่งขับเคลื่อนเดินหน้าประเทศไทยในทุกมิติอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่มากก็ตาม

นอกจากนั้น นายกฯ ขอให้ประชาชนมั่นใจ และให้โอกาสรัฐบาลใหม่ในการทำงาน และเน้นย้ำว่า รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลของคนไทยทุกคน และมีหน้าที่ทำงานเพื่อประโยชน์และความสุขของคนไทยทุกคน

"วิษณุ" แจง คำสั่งคสช.ที่มีสถานะทางกม.

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการยกเลิกประกาศ คสช. คำสั่ง คสช. และ คำสั่งหัวหน้าคสช. เมื่อวันที่ 9 ก.ค. จำนวน 67 ฉบับ และเหลือต้องที่ดำเนินการในสภาอีก 10 ฉบับ ว่า เรื่องนี้ จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. คำสั่งในทางบริหารและที่ยังเหลืออยู่ ซึ่ง มาตรา 279 ในรธน. กำหนดไว้ว่า ถ้าเป็นคำสั่งในทางบริหาร ให้ยกเลิกอีกครั้ง โดยนายกฯ หรือครม.ไม่ต้องเดือดร้อนออกกฎหมาย 2. ถ้าคำสั่งไหนมีสถานะเป็นกฎหมาย การยกเลิกก็ต้องออกเป็นพ.ร.บ. แต่ส่วนราชการต่างๆ ให้ความเห็นมาแล้วว่า ยังจำเป็นต้องคงอยู่ เพราะเป็นการออกกฎหมายที่ไปกระทบกับกฎหมายเก่า ฉะนั้นเมื่อกฎหมายเก่าหมดไป กฎหมายนี้มาแทน แต่ตัวนี้เป็นคำสั่ง มาตรา 44 ถ้าจะให้เลิกตัวนี้อีก ก็จะทำให้เกิดช่องว่าง จะไม่มีกฎหมายใช้บังคับ คนก็จะทำผิดกฎหมายได้มาก เพราะหลายฉบับเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับภาษี กสทช. แรงงานต่างด้าว ไอยูยู ฯลฯ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องคงไว้ จนกว่าจะมีการยกเลิก หรือแก้ไข หรือออกพ.ร.บ.มารองรับ แต่ คสช.ได้มีมติแล้วว่า คำสั่งใดที่ยังมีผลเป็นกฎหมาย และยังคงเหลืออยู่ ให้กระทรวงหาทางปรับเข้าสู่ระบบกฎหมายปกติโดยเร็ว ทั้งนี้ เรื่องอะไรที่จำเป็น ก็ถือว่าจำเป็น และยังต้องคงอยู่ต่อไป

แจงขั้นตอยแถลงนโยบายรัฐบาล

นายวิษณุ ยังกล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาล ต่อรัฐสภาว่า เรื่องนี้ต้องทำเป็น 3 ขั้นตอน คือให้พรรคร่วมรัฐบาลร่วมกันทำ โดยมีพลังประชารัฐเป็นแกนหลัก ตอนนี้เสร็จสิ้นแล้ว ขั้นที่ 2 ให้ผู้แทนของรัฐบาลลงไปพิจารณา ซึ่งจะเกิดเมื่อประกาศจัดตั้ง ครม.แล้ว รัฐมนตรีที่มาจากพรรคต่างๆ จะลงไปดู และขั้นที่ 3 นำเข้าที่ประชุมครม.ให้ความเห็นชอบ โดยการประชุม ครม. เป็นเพียงการพิจารณาร่างนโยบายเท่านั้น ไม่มีเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน

จากนั้น ส่งสภาฯ ขั้นนี้จะเกิดได้เมื่อถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว และเรื่องนี้ได้อธิบายซักซ้อมกับวิปรัฐบาลแล้ว ส่วนวันใด เมื่อไร นั้น สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.)ขอเวลาพิมพ์ 2-3 วัน และต้องส่งสภาฯให้ดูล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 3 วัน จากนั้นรอประธานรัฐสภา นัดมา

ส่วนเรื่องคุณสมบัตินายกฯ ตนไม่ขอออกความเห็น เพราะเรื่องอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ให้ศาลฯ เป็นผู้ชี้ขาด เพราะเรื่องนี้พูดกันเยอะแล้ว และรัฐบาลไม่มีอำนาจในทางนิติบัญญัติ และตุลาการ พูดไปก็ไม่มีประโยชน์ เมื่อเรื่องไปที่ศาลฯ แล้วก็ถือว่าเป็นการดี ส่วนที่พรรคฝ่ายค้าน จะหยิบเรื่องนี้มาอภิปราย ก็ไม่ว่าอะไร รอให้ศาลฯ เป็นผู้ชี้ขาด

"วิษณุ"เคลียร์ปมคุณสมบัติ"ธรรมนัส"

นายวิษณุ กล่าวถึงกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ เคยถูกศาลออสเตรเลียพิพากษาให้จำคุก และรัฐบาลไทย ทำเรื่องขอโอนตัวในสถานะนักโทษยาเสพติด จะมีผลกระทบเรื่องคุณสมบัติหรือไม่ หากร.อ.ธรรมนัส มีชื่อเป็นรัฐมนตรี ว่า ไม่มีผล ในส่วนของคุณสมบัติว่าเคยต้องคดี แต่ในเรื่องของความประพฤติ การทุจริต มาตรฐานทางจริยธรรมเหล่านี้ ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งไม่มีเกณฑ์ชี้วัดอย่างชัดเจน ในอดีตเคยมี ส.ส.ต้องคำพิพากษาในต่างประเทศ กรณีขนยาเสพติดเข้าฮ่องกง ตรงนั้นไม่มีผลกระทบอะไรในส่วนของไทย แต่จะกระทบเรื่องชื่อเสียง เกียรติยศ และอะไรหลายอย่าง อาจจะเป็นข้อห้ามอีกแบบหนึ่ง แต่จะเอาข้อหานั้นตรงๆ มาใช้ไม่ได้ แม้ข้อหาอาจจะตรงกัน แต่ศาลไทยไม่ได้เป็นผู้ตัดสิน

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีเคยถูกไล่ออกจากราชการ แล้วได้รับกลับคืนในเวลาต่อมา จะมีผลต่อคุณสมบัติรัฐมนตรี ด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า แล้วแต่ว่าถูกไล่ออกจากราชการ เพราะอะไร หากถูกไล่ออกเพราะทุจริตนั้นไม่ได้ แต่ถ้าไม่ใช่กรณีทุจริต ไม่เป็นไร โดยเฉพาะเมื่อกลับเข้ารับราชการแล้ว ยิ่งต่อมาได้ความดีความชอบ ทำให้มีอะไรขึ้นไปอีก

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้มีมาปรึกษาเรื่องต่างๆ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีใครมาปรึกษา ตนยังไม่รู้เลย คนไหนหน้าตาเป็นอย่างไร

เมื่อถามว่า หากมีการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว เกิดมีปัญหาภายหลัง จะเกิดผลอย่างไร หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ว่าอะไร หรือใครก็ตาม เมื่อพบว่ามีปัญหา ก็ต้องจัดการทำให้ถูกต้อง หรือมิฉะนั้นก็ต้องพ้นไป เรื่องนี้ต้องแยกให้ออก ระหว่างการตรวจสอบไม่ดี กับเป็นกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น ถ้าตรวจสอบไม่ดี ผู้มีหน้าที่ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ถ้าตรวจสอบดีแล้ว แต่เป็นกรณีที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือเพิ่งถูกตีความ ก็ว่ากัน

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส ที่มีชื่อเป็นเจ้าของบริษัท ที่ได้รับโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล จะถือว่าเข้าข่ายได้ประโยชน์จากกิจการ หรือสัมปทานของรัฐ หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องดูว่าปัจจุบันยังทำอยู่หรือไม่ ตนไม่รู้ ถ้าทำมาตั้งแต่ในอดีต ไม่เป็นไร แต่ถ้ายังทำอยู่ จะมีปัญหา

"สุวิทย์-กอบศักดิ์"เข้าพบ สมคิด

เช้าวานนี้ (10ก.ค.) นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค พปชร. ในฐานะคณะทำงานประสานพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดทำร่างนโยบาย เข้าพบนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ซึ่งคาดว่าเป็นการนำนโยบายเข้ามาพูดคุยกับนายสมคิด ก่อนที่จะเข้าหารือกับพรรคร่วม

ต่อมานายสมคิด ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่มีอะไร แวะมาหาเพราะคิดถึงกัน เมื่อถามว่า การมาเข้าพบเพื่อพูดคุยเรื่องนโยบาย และก่อนหน้านี้นายกอบศักดิ์ ออกมาระบุว่า เรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เป็นเป้าหมายไม่ใช่ว่าจะทำได้ทันที เนื่องจากจะต้องดูทักษะฝีมือแรงงาน นายสมคิด กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้พูดคุยอะไร เขาแวะมาเยี่ยม เพราะไม่ได้พบกันหลายวัน คิดถึงกันก็มา และตนก็บอกพวกเขาให้ทำงานให้ดี นายสุวิทย์ ก็ยังไม่ทราบว่าจะได้ทำงานอยู่กระทรวงอะไร แต่ตนก็ได้บอกไปว่า ให้ทำให้ดีที่สุดในเวลาที่มีอยู่

"ยังไม่รู้เลยว่าใคร จะไปตรงไหน อะไร จะให้นโยบายอะไร และตัวผมเอง ก็ยังไม่รู้ด้วยว่าอยู่ตรงไหน" นายสมคิด กล่าว

ด้านนายกอบศักดิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับขึ้นค่าแรง ที่พรรคพปชร. เคยหาเสียงไว้ ว่าค่าแรงจะ ขึ้นเป็น 400-425 บาทว่า เป็นเป้าหมายที่พรรคตั้งใจ ภายใต้ 3 เงื่อนไข คือ 1.ทยอยขึ้นเป็นขั้นบันได 2. ขึ้นไม่เท่ากันทุกจังหวัด เนื่องจากบางจังหวัดมีค่าครองชีพไม่เท่ากัน และ 3. การขึ้นค่าแรง ต้องมีนโยบายมาประกอบ โดยเฉพาะการเพิ่มทักษะฝีมือแรงงาน ซึ่งเรื่องนี้ นายสุวิทย์ ได้เดินสายพูดคุยกับสภาอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าแล้วว่า เป็นเป้าหมายที่พรรคตั้งไว้ ไม่ใช่เป็นไปตามที่ข่าวลงว่าจะขึ้นทันที

เมื่อถามว่า การแก้ไขรธน. ซึ่งข้อเสนอของพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบ ต้องมีการหารือกันก่อน เพราะนโยบายแต่ละพรรค มีรายละเอียดค่อนข้างมาก

กลุ่ม10 พรรคเล็กส่งมอบนโยบาย

กลุ่ม 10 พรรคร่วมรัฐบาล ยื่นหนังสือต่อ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เพื่อนำเสนอนโยบายของแต่ละพรรค ให้พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล พิจารณาจัดทำเป็นนโยบายรัฐบาล ที่จะแถลงต่อรัฐสภา อาทิ นโยบายปราบทุจริต ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน พัฒนาเกษตรแบบผสมผสาน ของพรรคพลังธรรมใหม่ , นโยบายหมู่บ้านจัดการตนเอง โดยการจัดงบประมาณ 1 ล้าน ถึง 5 ล้านบาท ของพรรคพลเมืองไทย , นโยบายปรับปรุงสวัสดิการตำรวจ ปฏิรูประบบรถโดยสารสาธารณะ ของพรรคประชานิยม , นโยบายส่งเสริมความสัมพันธ์การทูตกับประเทศมุสลิม และการพัฒนาโลจิสติกส์พื้นที่ภาคใต้ ของพรรคประชาธรรมไทย , กองทุนบำนาญประชาชนอายุ 60 ปี ของพรรคประชาธิปไตยใหม่ , นโยบายขุดคลองไทย และเปิดสถานบันเทิงครบวงจร ของพรรคพลังชาติไทย , นโยบายให้ข้าราชการและนักการเมืองยื่นชี้แจงบัญชีทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อป้องกันปัญหาทุจริต ของพรรคไทยศรีวิไลย์ , โครงการเปลี่ยนสปก 4-0 1 เป็นโฉนด ของพรรคพลังไทยรักไทย , ปฏิรูปกระบวนการผลิตครู ปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาของ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน

ยัน"บิ๊กตู่" ใช้กม.ยึดธรรมาภิบาล

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึง กรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า รัฐบาลที่บริหารแผ่นดินโดยลุแก่อำนาจ หรือมีการตั้งงบประมาณโดยไม่ถูกต้อง การอภิปรายในสภาฯหรือการใช้เวทีสภาฯ ล้มรัฐบาลคือวิธีการที่ถูกต้อง ว่า เรื่องนี้ต้องให้ความเป็นธรรม กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา 5 ปี พล.อ.ประยุทธ์ บริหารงานด้วยความเรียบร้อย ใช้อำนาจตามกฎหมาย มีคุณธรรมและจริยธรรม และไม่ได้ลุแก่อำนาจ ตามที่คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวหา หากลุแก่อำนาจจริง บรรดานักการเมืองน่าจะทราบดี เพราะที่ผ่านมาท่านไม่เคยไปทำอะไรใครแม้ว่ามีอำนาจก็ตาม

นายธนกร กล่าวว่า วันนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยแล้ว การบริหารราชการแผ่นดิน ก็เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย พล.อ.ประยุทธ์ ก็ใช้อำนาจตามกฎหมาย ใช้หลักธรรมาภิบาล อย่าพยายามมองเจตนา พล.อ.ประยุทธ์ แบบมีอคติ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้บอกว่า อภิปรายไม่ได้ แต่อยากให้ทุกฝ่ายคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องประชาชน และประเทศชาติเป็นหลัก เพราะงบประมาณ เป็นเรื่องที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ ไม่อยากให้ฝ่ายค้านเล่นเกมการเมือง จนกระทบงบประมาณที่จะดูแลทุกข์สุขของประชาชน ที่จริงแล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ น่าจะเข้าใจเจตนาของ พล.อ.ประยุทธ์ ดี เพราะขนาดนโยบายของฝ่ายค้าน พล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังให้นำมาพิจารณาเพื่อเป็นนโยบายรัฐบาลด้วย หากเป็นนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของประชาชนทั้งประเทศจริงๆ แล้วคุณหญิงสุดารัตน์เป็นคนที่จิตใจดี เข้าถึงหลักธรรมคำสอน อยากให้ท่านมีจิตใจที่บริสุทธิ์ อย่ามีโทสาคติเลย

"เสี่ยหนู"เสียงสั่น ตื้นตัน ได้เป็น รองนายกฯ-รมว.สธ.

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุขว่า เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างสูงสุดที่ตนเคยได้รับมา และรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น จากนี้ไป จะทำหน้าที่ให้บ้านเมือง และประชาชนให้มากที่สุด และดีที่สุด ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต

"คนอย่างผมไม่มีโอกาสบ่อยๆ ที่จะได้ทำสิ่งเหล่านี้ให้กับบ้านเมือง จึงเป็นโอกาสที่ดี ที่จะทำทุกอย่างให้เกิดสิ่งที่ดี และเป็นประโยชน์ หากเป็นไปได้ จะนำความสงบสุข และความสามัคคีกลับสู่บ้านเมือง" นายอนุทิน กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เมื่อถามว่าได้เป็น รมว.สาธารณสุข มีการวางแผนงานอย่างไรบ้าง นายอนุทิน กล่าวว่า หลายอย่างพรรคภูมิใจไทย ได้วางแผนไว้อยู่แล้ว ซี่งตนมีความคุ้นเคยกับข้าราชการ และผู้บริหารของกระทรวงนี้เป็นอย่างดี เพราะเคยทำงานอยู่ที่นี่หลายสมัย หากนับตั้งแต่ สมัยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ซึ่งเป็นบิดา ก็นับเป็นวาระที่ 4 แล้ว ทำให้เข้าใจถึงปัญหาพื้นฐาน หลังจากนี้จะขอความร่วมมือข้าราชการ ให้ช่วยกันผลักดันนโยบายที่พรรคภูมิใจไทย สัญญาไว้กับประชาชน เพื่อดำเนินการให้เป็นรูปธรรมเร็วที่สุด

เมื่อถามว่าครม. ที่มาจากหลายพรรค การทำงานจะเป็นเอกภาพ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนเชื่อว่าทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน และเชื่อว่าไม่มีปัญหาแน่นอน เพราะทุกคนคงรู้สึกเช่นเดียวกันว่า เป็นเกียรติที่จะได้ทำงานรับใช้ประชาชน เมื่อได้โอกาสต้องทำให้ดีที่สุด

นายอนุทิน ยืนยันด้วยว่า ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ที่เป็นรัฐมนตรี ต้องลาออกจากส.ส. ยกเว้นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค ที่ต้องคุมการทำงานในสภา ซึ่งการให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อลาออก จะทำให้สามารถทำงานบริหารได้เต็มที่ ขณะที่งานในสภาฯ ก็ให้คนที่อยู่ในลำดับถัดไป ขึ้นมาทำหน้าที่แทน


กำลังโหลดความคิดเห็น