ผู้จัดการรายวัน 360 - ตลาดหุ้นไทยคึกคักรับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ครม. "บิ๊กตู่2" ดัชนีบวก 17.95 จุด หรือเพิ่มขึ้น 1.04% ปิดที่ 1,739.43 จุด มูลค่าการซื้อขายคึกคักกว่า 7.3 หมื่นล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติ คงซื้อสุทธิ 3.2 พันล้านบาท นักวิเคราะห์แนะจับตาการส่งสัญญาณปรับอัตราดอกเบี้ยเฟด ระบุหากมีแนวโน้มลดดอกเบี้ยหุ้นไทยบวกต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,730 จุด แนวต้าน 1,747 จุด
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (10 ก.ค.) ปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่กำลังรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ไทยกลับได้รับปัจจัยบวกจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังมีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวแตะระดับสูงสุดที่ 1,741.76 จุด ต่ำสุดที่ 1,724.58 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,739.43 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 17.95 จุด หรือคิดเป็น 1.04% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 73,610.25 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 3,249.84 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 873.03 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 60.02 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิกว่า 4,182.88 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาปิดที่ 87.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.74% มูลค่าการซื้อขาย 3,058.11 ล้านบาท บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.84% มูลค่าการซื้อขาย 2,839.80 ล้านบาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาปิด 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.05% มูลค่าการซื้อขาย 2,712.74 ล้านบาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศ หลังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้มีความคาดหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มอิงกำลังซื้อในประเทศ ปรับตัวขึ้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มสื่อสาร รวมถึงกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ส่วนตลาดยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ติดลบกัน ในช่วงรอดูประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงนโยบายทางการเงินและเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันที่ 10-11 ก.ค.นี้ โดยต่างจับตาการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (11 ก.ค.) ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะผันผวน หลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงวันก่อนหน้า และขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงของประธานเฟดด้วย แต่ตลาดให้น้ำหนัก 70-80% ในมุมมองที่เป็นกลางถึงบวก พร้อมให้แนวรับ 1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,747 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า นักลงทุนจับตาการแถลงการณ์รอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรื่องนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาครองเกรส และรอดูรายงานการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนด
นโยบาย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณดอกเบี้ยอย่างไร แม้ที่ผ่านมาจะประเมินว่าเฟดอาจจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนก.ค.นี้ และลดอีก 3 รอบในปีนี้
"หากมีการส่งสัญญาณแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ย จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นโลกดีดปรับตัวขึ้นทันที แต่ถ้าชะลอการปรับลดดอกเบี้ยอาจทำให้ดัชนีปรับตัวลงได้ ประเมินแนวรับพรุ่งนี้ที่ 1,720 จุด แนวต้านที่ 1,750 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดี"
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (10 ก.ค.) ปรับตัวในทิศทางที่ดีกว่าตลาดหุ้นภูมิภาคที่กำลังรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่ไทยกลับได้รับปัจจัยบวกจากความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การบริหารงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังมีราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวแตะระดับสูงสุดที่ 1,741.76 จุด ต่ำสุดที่ 1,724.58 จุด และปิดการซื้อขายที่ 1,739.43 จุด เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 17.95 จุด หรือคิดเป็น 1.04% มูลค่าการซื้อขายรวมกว่า 73,610.25 ล้านบาท โดยมีนักลงทุนต่างชาติ ซื้อสุทธิ 3,249.84 ล้านบาท สถาบันในประเทศ ซื้อสุทธิ 873.03 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 60.02 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ขายสุทธิกว่า 4,182.88 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL ราคาปิดที่ 87.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท หรือ 1.74% มูลค่าการซื้อขาย 3,058.11 ล้านบาท บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ปิดที่ 72.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท หรือ 2.84% มูลค่าการซื้อขาย 2,839.80 ล้านบาท และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ราคาปิด 48.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.05% มูลค่าการซื้อขาย 2,712.74 ล้านบาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดต่างประเทศ หลังได้รับแรงหนุนจากความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้มีความคาดหวังในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้หุ้นในกลุ่มอิงกำลังซื้อในประเทศ ปรับตัวขึ้นได้ดี ไม่ว่าจะเป็นหุ้นในกลุ่มค้าปลีก, กลุ่มสื่อสาร รวมถึงกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ส่วนตลาดยุโรปที่เทรดบ่ายนี้ก็ติดลบกัน ในช่วงรอดูประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงนโยบายทางการเงินและเศรษฐกิจต่อสภาคองเกรสในวันที่ 10-11 ก.ค.นี้ โดยต่างจับตาการส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ย
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (11 ก.ค.) ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะผันผวน หลังจากปรับตัวขึ้นมาแรงวันก่อนหน้า และขึ้นอยู่กับถ้อยแถลงของประธานเฟดด้วย แต่ตลาดให้น้ำหนัก 70-80% ในมุมมองที่เป็นกลางถึงบวก พร้อมให้แนวรับ 1,730 จุด ส่วนแนวต้าน 1,747 จุด
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า นักลงทุนจับตาการแถลงการณ์รอบครึ่งปีของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เรื่องนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาครองเกรส และรอดูรายงานการประชุมเจ้าหน้าที่กำหนด
นโยบาย ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณดอกเบี้ยอย่างไร แม้ที่ผ่านมาจะประเมินว่าเฟดอาจจะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือนก.ค.นี้ และลดอีก 3 รอบในปีนี้
"หากมีการส่งสัญญาณแนวโน้มจะปรับลดดอกเบี้ย จะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยและตลาดหุ้นโลกดีดปรับตัวขึ้นทันที แต่ถ้าชะลอการปรับลดดอกเบี้ยอาจทำให้ดัชนีปรับตัวลงได้ ประเมินแนวรับพรุ่งนี้ที่ 1,720 จุด แนวต้านที่ 1,750 จุด กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นที่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2 จะออกมาดี"