xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ฮือฮานิวลุค "ผู้กองธรรมนัส" พรหมเผ่า เป๊ะเวอร์! ต้อนรับเก้าอี้รมต.ครม.ลุงตู่ 2 ?!

คนเก่ากำลังจะไป ขณะที่ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถ่ายภาพกับครม.ไว้เป็นที่ระลึกในการทำหน้าที่ประชุมครม.ครั้งสุดท้าย ของรัฐบาลชุดนี้
คนใหม่ที่กำลังจะมาก็ได้รับความสนใจจากสื่อ โดยเฉพาะ "ผู้กองธรรมนัส" ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่มีชือติดโผ "ครม.รัฐบาลตู่ 2" เรียกเสียงฮือฮาไม่เบากับภาพลักษณ์ใหม่ "ผู้กองธรรมนัส" เมื่อวานนี้ ตกเป็นเป้าสายตา หลังจากที่ปรากฏตัวร่วมประชุมกับพรรคพลังประชารัฐ ใน"ลุคใหม่" ตัดผมสั้นเกรียนติดหนังศรีษะสามด้าน แตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่ไว้ผมรองทรง
แซวกันว่า "นิวลุคที่เป๊ะ" แบบนี้ของผู้กองจัดเพื่อเตรียมตัวเป็นรัฐมนตรี ต้อนรับ ครม.หรือเปล่า ซึ่งคาดหมายว่า “ผู้กองธรรมนัส”ได้ลุ้น เก้าอี้ รมว.แรงงาน หรือ รมต.ประจำสำนักนายกฯ
ทว่าอีกกระแสหนึ่งก็ลือสะพัดว่า ตำแหน่งรัฐมนตรี สำหรับผู้กองธรรมนัส ยังไม่ชัดเจน บ้างก็ว่าเขาหลุดเก้าอี้ในนาทีสุดท้าย ในขั้นตอนตรวจสอบ "คุณสมบัติ" ซึ่งน่าจะมาภาพลักษณ์ที่ถูกมองเป็นผู้กว้างขวาง หรือ "มาเฟีย" หรือ จากคดีต่างๆ ที่มีขื่อไปพัวพันในอดีต จนมีผู้โต้แย้งว่าไม่เหมาะสม ... แว่วว่า "ผู้กองธรรมนัส" เตรียมที่จะชี้แจงเรื่องกระแสข่าวต่างๆ เกี่ยวกับประวัติตัวเอง หลังจาก มีรัฐบาลใหม่ เรียบร้อยแล้ว
"ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า" จัดว่า เป็นคนสำคัญ ที่มีบาทบาทเป็นมือทำงานในฐานะประธานยุทธศาตร์ภาคเหนือสู้ศึกเลือกตั้งที่ผ่านมาให้พรรคพลังประชารัฐ สามารถเอาชนะพรรคเพื่อไทยเจ้าของพื้นที่เดิม สั่นคลอนบารมีของ"เจ๊แดง" เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาวทักษิณ ชินวัตร ที่มีข่าวว่าหวั่นไหวยิ่ง ถึงขั้นกลัวว่า"เพื่อไทย" จะไม่มีที่ยืนในภาคเหนือ แม้แต่การเมืองระดับท้องถิ่น
ต่อมาเมื่อการเจรจาต่อรองตำแหน่ง รัฐมนตรีภายในพรรคมีความขัดแย้ง ก็ว่ากันว่าคนที่"ลุงตู่" ส่งไปเจรจาประสานสิบทิศ ยุติศึกในทั้งหลายก็เป็น "ผู้กองธรรมนัส" นี่เอง เมื่อทุกอย่างคลี่คลาย ก็ว่ากันว่า ผู้กองธรรมนัส ได้รับโบนัสก้อนใหญ่ เป็นการปูนบำเหน็จ สั่งตรงจาก"ลุงตู่"ให้เข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรี จนมีชื่อติดโผ ตามที่มีการคาดการณ์กันดังกล่าว
ขณะที่ปูมชีวิตของ"ผู้กองธรรมนัส" เท่าที่สังคมรับทราบกัน ก็จัดว่าไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ... ชายวัย 53 ผ่านร้อนผ่านหนาวโชกโชน จากนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 25 และ จบนักเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกันกับ พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม และ พ.ท.หิมาลัย ผิวพรรณ รับราชการทหารมาเรื่อย จนปี 2542 จึงสิ้นสุดลง
จากนั้นก็ผันตัวเองมาทำธุรกิจรักษาความปลอดภัย ชื่อ บริษัท ธรรมนัส การ์ด โดยจับมือกับผู้ใหญ่คนสนิท ที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นอย่าง “เสธ.ไอซ์”พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต
ความแนบแน่นกับ"เสธ.ไอซ์" นี่เองที่ "ผู้กองธรรมนัส" เคยบอกว่า เป็นภาพลักษณ์ที่สังคมจดจำเขาในฐานะ มาเฟีย... จากบริษัท รปภ. ก็ต่อยอดทำธุรกิจด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น รถเมล์, อสังหาริมทรัพย์, ตลาด และยี่ปั๊วขายสลากฯ
ต่อมาเข้าสู่เส้นทางการเมือง โดยเริ่มที่ พรรคไทยรักไทยของ"ทักษิณ ชินวัตร" ดูแลยุทธศาสตร์เลือกตั้งในกรุงเทพฯ พอสมัยนั้นความที่เป็นคนพะเยา จึงมีความสนิทสนมกับ“เจ๊แดง”พอสมควร
เลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อมีการตั้งพรรคพลังประชารัฐ "ผู้กองรรมนัส" ได้รับการชักชวนจากผู้ใหญ่ ให้มาร่วมงานการเมือง โดยรับตำแหน่ง ประธานยุทธศาตร์ภาคเหนือ ห้ำหั่นกับ"เจ๊แดง"โดยตรง และไม่ทำให้พลังประชารัฐผิดหวัง ในพะยี่ห้อ "ผู้กองธรรมนัส"
ปรับลุค ปรับโหวงเฮ้งใหม่ครั้งนี้ จะเฮงมั้ย เดี๋ยวรู้กัน

**ปิดฉากการเมือง!! "นาที รัชกิจประการ " เมื่อถูกศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท ฐานจงใจแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จต่อ ป.ป.ช. ส่งผลให้หลุดจากการเป็น ส.ส. หลังจากนี้จะไปเป็นรัฐมนตรี หรือ เล่นการเมืองท้องถิ่นก็ไม่ได้ เพราะ รธน. 60 ได้กำหนดลักษณะต้องห้าม ครอบคลุมไว้หมดแล้ว
"นางนาที รัชกิจประการ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ภรรยา ว่าที่ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ สามี) กำลังตกที่นั่งลำบาก ถึงกับหมดอนาคตทางการเมือง หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาเรื่องที่ ป.ป.ช. ฟ้องว่า จงใจแจ้งบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ หลังพ้นจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เมื่อปี 56 โดยไม่แจ้งทรัพย์สินเป็น บ้าน มูลค่า 2 ล้านบาท และหนี้สินของ"นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ" สามี จำนวน 93 ล้านบาทเศษ โดยนางนาที ให้การ"รับสารภาพ" ศาลจึงมีคำพิพากษา จำคุก 2 เดือน ปรับ 8,000 บาท แต่จำเลยให้การรับสารภาพ และไม่เคยต้องคดีมาก่อน จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 1 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี รวมทั้งตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี โดยให้เริ่มนับตั้งแต่ วันที่ 9 ธ.ค.56
ปัญหาเรื่องการตัดสิทธิ์ทางเมือง 5 ปี นั้น ถ้านับจาก 9 ธ.ค.56 ถึงวันนี้ ก็พ้นกรอบเวลาการลงโทษมาแล้ว...ดูเหมือนอาจจะไม่มีผลทางการเมืองในอนาคต แต่ รัฐธรรมนูญปี 60 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มาตรา101(6) กำหนดลักษณะสมาชิกภาพ ส.ส. สิ้นสุดลง เมื่อมีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98 ซึ่ง มาตรา 98 ( 9) ระบุว่า เคยต้องคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน เพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือ เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก เพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วย ป.ป.ช.
ดังนั้น ตามคำพิพากษาของศาลในครั้งนี้ ประกอบรธน. มาตรา 101(6) ก็เป็นอันว่า สมาชิกภาพการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อของ "นางนาที" ได้สิ้นสุดลงแล้ว... เมื่อไม่ได้เป็นส.ส.แล้ว ถามว่ายังเป็น "รัฐมนตรี"ได้หรือไม่ เพราะรัฐมนตรี ไม่จำเป็นต้องมาจาก ส.ส.ก็ได้ กรอบเวลาการตัดสิทธิ์ทางการเมืองก็ได้พ้นมาแล้ว
อันนี้ ก็ต้องไปดูรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 ที่ระบุว่า ผู้ที่จะเป็นรัฐมนตรี ต้อง (1) มีสัญชาติไทยโดยการเกิด (2) มีอายุไม่ต่ํากว่าสามสิบห้าปี (3) สําเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่าปริญญาตรี หรือเทียบเท่า (4) มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ (5) ไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง (6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม มาตรา 98 (7) ไม่เป็นผู้ต้องคําพิพากษาให้จําคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทําโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท (8) ไม่เป็นผู้เคยพ้นจากตําแหน่งเพราะเหตุกระทําการอันเป็นการต้องห้ามตามมาตรา 186 หรือมาตรา 187 มาแล้วยังไม่ถึง สองปีนับถึงวันแต่งตั้ง
ดูตาม มาตรา 160 นี้แล้ว ก็จะไปเข้าตาม (6)(7) ดังนั้น ก็หมดสิทธิ์ ที่จะเป็นรัฐมนตรี ไปอีกอย่างหนึ่ง ...ถ้าจะไปเล่นการเมืองท้องถิ่น อย่าง อบจ. ก็คงไม่ได้ เพราะการเขียนกฎหมาย เกี่ยวกับคุณสมบัติผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ก็เขียนข้อห้ามล้อไปกับกฎหมายหลักตามรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว
การลืมแจ้งบัญชีทรัพย์สินครั้งนี้ ถึงกับทำให้"นางนาที" หมดอนาคตทางการเมือง โดยไม่สามารถฟื้นคืนกลับมาได้เลย … นับเป็นบทเรียนอันสำคัญของผู้ที่จะยึดอาชีพนักการเมือง ว่าอย่าดูเบาเรื่องการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน
เมื่อ"นางนาที" สิ้นสมาชิกภาพการเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ ของพรรคภูมิใจไทย และผู้จะได้รับการเลื่อนลำดับขึ้นมาเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อแทน คือ “พ.อ. เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ” ผู้สมัครส.ส. บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 13 ซึ่งมีตำแหน่งเป็นโฆษกพรรคภูมิใจไทย และถือว่าเป็น"คีย์แมน" คนสำคัญของพรรคคนหนึ่ง ...
"พ.อ. เศรษฐพงศ์" เคยเป็นรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และประธานกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ลาออกมาเล่นการเมือง หลังจากได้รับการชักชวนจาก "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เมื่อเดือนตุลาคม 2561
การเข้ามาสู่การเมืองครั้งนี้ พรรคภูมิใจ ไทยมอบหมายให้ดูด้านนโยบายดิจิทัล ให้เชื่อมโยงกับนโยบายอื่นๆ ของพรรค ซึ่งในความเห็นของตัวเขาแล้ว ทุกอย่างต่อจากนี้ ต้องผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล อย่างเช่น การเรียนการสอนระดับมหาวิทยาลัยในอนาคต จะต้องเป็นไปในแบบออนไลน์ ซึ่งนโยบายของพรรคในด้านการปฏิรูปการศึกษา ที่บอกว่า นักเรียนไม่ต้องมาเรียนทุกวัน อาจจะมาทำเวิร์กชอปที่โรงเรียน เรียนทฤษฎีกับครู อาจารย์บ้าง ที่เหลือก็ศึกษาทางออนไลน์ อยู่กับบ้านก็ได้ ...ก็มาจากความคิดของ"พ.อ. เศรษฐพงศ์" คนนี้เอง
----------------

รูป –ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า (ภาพวันวาน กับวันนี้ )
-นาที รัชกิจประการ - “พ.อ. เศรษฐพงศ์ มะลิสุวรรณ”




กำลังโหลดความคิดเห็น