วานนี้ (3ก.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักษาชาติ เข้ายื่นคำร้องถึงนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ตรวจสอบว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ปิดบัญชีและจัดทำงบการเงินตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง โดยถูกต้องครบถ้วนแล้วหรือไม่ และขอให้นายทะเบียนประกาศให้ประชาชนรับทราบ โดยนายเรืองไกร กล่าวว่า หลังจากได้รับหนังสือชี้แจงจากนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ยกคำร้องใน 5 เรื่อง ที่ตนร้อง บางส่วนตนก็เห็นด้วย บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย เพราะในบางคำตอบยังไม่สะเด็ดน้ำ โดยเฉพาะใน 2 เรื่อง คือ กรณีโต๊ะจีนระดมทุน และเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ซึ่งในเรื่องโต๊ะจีน มีข้อน่าสังเกตว่า หลังการจัดโต๊ะจีนในวันที่ 19 ธ.ค. 61 แล้ว พรรคพลังประชารัฐได้จัดทำบัญชี ปิดบัญชี และรายงานงบการเงิน ส่งให้นายทะเบียนพรรคการเมืองโดยถูกต้องครบถ้วนตามกฎหมายแล้วหรือไม่ เพราะตามกฎหมายต้องทำให้แล้วเสร็จ และแจ้งนายทะเบียนพรรคการเมืองภายในวันที่ 30 เม.ย. 62 แต่นี่ต้นเดือนก.ค.แล้ว ถ้าไม่มีการรายงานมา ต้องเสียค่าปรับ และเอาผิดกรรมการบริหารพรรคตามกม. จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันติดตามเรื่องการปิดบัญชี ว่าจะมีการรายงานเรื่องโต๊ะจีน มาด้วยหรือไม่ ว่ามีหน่วยงานไหนบริจาค หรือมีค่าใช้จ่ายเท่าใด
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึง กระแสข่าวเรื่องการจ่ายเงิน 500-600 ล้านบาท ในกับหัวหน้ากลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเงินดังกล่าว มีการลงในบัญชีของพรรคหรือไม่ จึงอยากรบกวนนายทะเบียนพรรคการเมือง เปิดเผยบัญชีของพรรคพลังประชารัฐด้วย เพื่อที่ตนจะได้ช่วยตรวจสอบ หากอะไรถูกต้อง ก็จะได้ช่วยยืนยัน เชื่อว่าน่าจะมีอะไรในกอไผ่
"ขออภัยนายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ อยากใช้ชี้แจงข้อมูล ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ส่งเอกสารตั้งแต่การตั้งพรรคจนปิดบัญชี ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใดรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งด้วย"
ส่วนกรณีการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.นั้น นายทะเบียนพรรคการเมือง ตอบมาแบบไม่ฟันธง เพราะทุกพรรคการเมือง ก็เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ ตามาตรา 88 กับ มาตรา 89 ทั้งสิ้น เชื่อว่าประเด็นนี้ จะมีปัญหาตามมา เพราะขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯ และอยู่ระหว่างนำชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติติดตัวอยู่ โดยตนจะนำคำวินิจฉัยของศาลปกครอง กกต. และศาลรธน. มาประมวล โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่รัฐ คดีอื่นๆ และจะไปตรวจสอบการใช้งบประมาณช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ของกระทรวงกลาโหม รวมถึงการแจ้งความจับผู้ผ่าฝืน ที่ไปแจ้งความในนามคสช. ได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาที่ไม่จบ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป
นายเรืองไกร ยังกล่าวถึง กระแสข่าวเรื่องการจ่ายเงิน 500-600 ล้านบาท ในกับหัวหน้ากลุ่มต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ เกี่ยวกับเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งเงินดังกล่าว มีการลงในบัญชีของพรรคหรือไม่ จึงอยากรบกวนนายทะเบียนพรรคการเมือง เปิดเผยบัญชีของพรรคพลังประชารัฐด้วย เพื่อที่ตนจะได้ช่วยตรวจสอบ หากอะไรถูกต้อง ก็จะได้ช่วยยืนยัน เชื่อว่าน่าจะมีอะไรในกอไผ่
"ขออภัยนายอุตตม และ นายสนธิรัตน์ อยากใช้ชี้แจงข้อมูล ถ้าเป็นไปได้ อยากให้ส่งเอกสารตั้งแต่การตั้งพรรคจนปิดบัญชี ว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าใดรวมถึงค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งด้วย"
ส่วนกรณีการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.นั้น นายทะเบียนพรรคการเมือง ตอบมาแบบไม่ฟันธง เพราะทุกพรรคการเมือง ก็เสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯ ตามาตรา 88 กับ มาตรา 89 ทั้งสิ้น เชื่อว่าประเด็นนี้ จะมีปัญหาตามมา เพราะขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับโปรดเกล้าฯ และอยู่ระหว่างนำชื่อครม.ขึ้นทูลเกล้าฯ ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติติดตัวอยู่ โดยตนจะนำคำวินิจฉัยของศาลปกครอง กกต. และศาลรธน. มาประมวล โดยเฉพาะคำวินิจฉัยของเจ้าหน้าที่รัฐ คดีอื่นๆ และจะไปตรวจสอบการใช้งบประมาณช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ของกระทรวงกลาโหม รวมถึงการแจ้งความจับผู้ผ่าฝืน ที่ไปแจ้งความในนามคสช. ได้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือไม่ เชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหาที่ไม่จบ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ ต่อไป