ไทยพาณิชย์ ปิดดีลขายประกันชีวิตให้กลุ่ม FWD ของตระกูลลี มหาเศรษฐีแห่งฮ่องกง คาดมูลค่าสูงถึงกว่า 9 หมื่นล้านบาท เตรียมแถลงความร่วมมือยิ่งใหญ่สุดในเอเชียอาคเนย์วันนี้ หลังเคลื่อนไหวทำ MOU ขายผ่านช่องทางแบงก์ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา พร้อมเงื่อนไขเจรจาซื้อหุ้นแต่เพียงเจ้าเดียว คาดไทยพาณิชย์ ทำกำไรอื้อ หากขายเกลี้ยง 65.97 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 99.20%
หลังจากมีกระแสข่าวการควบรวมกิจการของ กลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี (FWD Group Financial Services Pte.Ltd.)ที่จะเข้าซื้อกิจการ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIFE)ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ล่าสุด ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เตรียมจัดงานแถลงข่าวในวันนี้ (1 ก.ค.) โดยระบุว่า จะเป็นการแถลงข่าวกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และเสริมขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย พร้อมกับการประกาศความร่วมมือทางพันธมิตรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์
ทั้งนี้ จากกระแสข่าวข้างต้น คาดว่าจะเป็นการทำข้อตกลงการซื้อขายหุ้นของ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ อย่าง Bloomberg ได้รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า กลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี ซึ่งมี ริชาร์ด ลี ลูกชายของ ลี กาชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง เป็นผู้ดูแลธุรกิจด้านการเงินประกันชีวิต ได้ทำข้อตกลงซื้อ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยราคาที่ตกกันกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ น่าจะสูงถึงกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว
สำหรับความเคลื่อนไหวการควบรวมกิจการในครั้งนี้ มีข่าวออกมาเป็นระยะ และมีความเป็นไปได้มากขึ้น เมื่อในช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่า ธนาคารได้ทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจเกี่ยวกับแผนความร่วมมือในธุรกิจประกันชีวิต กับกลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี โดยจะเป็นความร่วมมือระยะยาว เกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) ในประเทศไทย และแผนความร่วมมือดังกล่าว จะรวมถึงการที่กลุ่มเอฟดับบลิวดี จะเข้า “ซื้อหุ้น”ซึ่งธนาคารถืออยู่ในบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFEซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร ด้านธุรกิจประกันชีวิต
ทั้งนี้ ธนาคาร และเอฟดับบลิวดี จะเข้าเจรจาต่อรองข้อกำหนด และเงื่อนไขของสัญญาที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือดังกล่าวต่อไป โดยต่างฝ่ายจะทำการเจรจากับอีกฝ่ายแต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ดี การเข้าทำสัญญาดังกล่าว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของแต่ละฝ่ายก่อน
ขณะที่ น.ส.ปรมาศิริ มโนลม้าย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต (FWD)ออกมากล่าวในวันเดียวกันว่า กลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU)เกี่ยวกับแผนความร่วมมือในธุรกิจประกันชีวิต โดยจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ผ่านธนาคารพาณิชย์ (แบงก์แอสชัวรันซ์) ในประเทศไทย และการที่กลุ่มเอฟดับบลิวดี จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย
ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่เอฟดับบลิวดี จะสามารถเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตไทย เพิ่มมากขึ้น แต่ข้อตกลงนี้ยังไม่มีผลผูกพันเกี่ยวกับแผนความร่วมมือ และยังไม่มีการซื้อกิจการใดๆ ในขั้นตอนนี้
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งให้แก่ลูกค้า พร้อมระบุว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จะทำการขายธุรกิจประกันชีวิตออกจนหมด โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ต้องการขายหุ้นทั้งสิ้น 65.97 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 99.20% ของหุ้นทั้งหมด ในขณะที่ต้นทุนเพียงหุ้นละ 190 บาทต่อหุ้น โดยตั้งสมมุติฐานว่า หากขายหุ้นออกไปที่ 1.5-2 เท่า BV จะทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์ บันทึกกำไรพิเศษจากการขายระหว่าง 3.3 หมื่นล้านบาท ถึง 4.8 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น EPSระหว่าง 10-14 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตามทาง ธนาคาไทยพาณิชย์ ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่มีการเสนอข่าวเรื่องการขาย SCBLIFE เกลี้ยง ไม่เหลือสักหุ้นเดียว ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอเรียนย้ำว่า ธนาคาร ยังมิได้มีการเข้าทำสัญญาซึ่งมีผลผูกพันเกี่ยวกับแผนความร่วมมือ ตามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจกับ กลุ่มเอฟดับบลิวดี ซึ่งธนาคารได้ลงนาม และแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 มี.ค.62 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธนาคารจะมีการแจ้งประกาศข้อมูลเพิ่มเติมภายในระยะเวลาอันสมควร โดยจะเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
หลังจากมีกระแสข่าวการควบรวมกิจการของ กลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี (FWD Group Financial Services Pte.Ltd.)ที่จะเข้าซื้อกิจการ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต (SCBLIFE)ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ล่าสุด ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้เตรียมจัดงานแถลงข่าวในวันนี้ (1 ก.ค.) โดยระบุว่า จะเป็นการแถลงข่าวกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง และเสริมขีดความสามารถในการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย พร้อมกับการประกาศความร่วมมือทางพันธมิตรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียอาคเนย์
ทั้งนี้ จากกระแสข่าวข้างต้น คาดว่าจะเป็นการทำข้อตกลงการซื้อขายหุ้นของ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต ที่เป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักข่าวต่างประเทศ อย่าง Bloomberg ได้รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า กลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี ซึ่งมี ริชาร์ด ลี ลูกชายของ ลี กาชิง มหาเศรษฐีชาวฮ่องกง เป็นผู้ดูแลธุรกิจด้านการเงินประกันชีวิต ได้ทำข้อตกลงซื้อ บริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยราคาที่ตกกันกับทางธนาคารไทยพาณิชย์ น่าจะสูงถึงกว่า 3,000 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว
สำหรับความเคลื่อนไหวการควบรวมกิจการในครั้งนี้ มีข่าวออกมาเป็นระยะ และมีความเป็นไปได้มากขึ้น เมื่อในช่วงเดือนมี.ค. ที่ผ่านมา ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ได้มีการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่า ธนาคารได้ทำบันทึกข้อตกลงความเข้าใจเกี่ยวกับแผนความร่วมมือในธุรกิจประกันชีวิต กับกลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี โดยจะเป็นความร่วมมือระยะยาว เกี่ยวกับการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตผ่านธนาคาร (แบงก์แอสชัวรันซ์) ในประเทศไทย และแผนความร่วมมือดังกล่าว จะรวมถึงการที่กลุ่มเอฟดับบลิวดี จะเข้า “ซื้อหุ้น”ซึ่งธนาคารถืออยู่ในบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCBLIFEซึ่งเป็นบริษัทย่อยของธนาคาร ด้านธุรกิจประกันชีวิต
ทั้งนี้ ธนาคาร และเอฟดับบลิวดี จะเข้าเจรจาต่อรองข้อกำหนด และเงื่อนไขของสัญญาที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือดังกล่าวต่อไป โดยต่างฝ่ายจะทำการเจรจากับอีกฝ่ายแต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ดี การเข้าทำสัญญาดังกล่าว จะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการของแต่ละฝ่ายก่อน
ขณะที่ น.ส.ปรมาศิริ มโนลม้าย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอฟดับบลิวดี ประกันชีวิต (FWD)ออกมากล่าวในวันเดียวกันว่า กลุ่มบริษัท เอฟดับบลิวดี และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจ (MOU)เกี่ยวกับแผนความร่วมมือในธุรกิจประกันชีวิต โดยจะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ผ่านธนาคารพาณิชย์ (แบงก์แอสชัวรันซ์) ในประเทศไทย และการที่กลุ่มเอฟดับบลิวดี จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท ไทยพาณิชย์ประกันชีวิต เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย
ความร่วมมือในครั้งนี้ ถือเป็นโอกาสอันดีที่เอฟดับบลิวดี จะสามารถเติบโตในธุรกิจประกันชีวิตไทย เพิ่มมากขึ้น แต่ข้อตกลงนี้ยังไม่มีผลผูกพันเกี่ยวกับแผนความร่วมมือ และยังไม่มีการซื้อกิจการใดๆ ในขั้นตอนนี้
นอกจากนี้ ในช่วงที่ผ่านมา ยังมีบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งให้แก่ลูกค้า พร้อมระบุว่า ธนาคารไทยพาณิชย์ จะทำการขายธุรกิจประกันชีวิตออกจนหมด โดยธนาคารไทยพาณิชย์ ต้องการขายหุ้นทั้งสิ้น 65.97 ล้านหุ้น หรือ คิดเป็น 99.20% ของหุ้นทั้งหมด ในขณะที่ต้นทุนเพียงหุ้นละ 190 บาทต่อหุ้น โดยตั้งสมมุติฐานว่า หากขายหุ้นออกไปที่ 1.5-2 เท่า BV จะทำให้ธนาคารไทยพาณิชย์ บันทึกกำไรพิเศษจากการขายระหว่าง 3.3 หมื่นล้านบาท ถึง 4.8 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น EPSระหว่าง 10-14 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ตามทาง ธนาคาไทยพาณิชย์ ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่มีการเสนอข่าวเรื่องการขาย SCBLIFE เกลี้ยง ไม่เหลือสักหุ้นเดียว ธนาคารไทยพาณิชย์ ขอเรียนย้ำว่า ธนาคาร ยังมิได้มีการเข้าทำสัญญาซึ่งมีผลผูกพันเกี่ยวกับแผนความร่วมมือ ตามบันทึกข้อตกลงความเข้าใจกับ กลุ่มเอฟดับบลิวดี ซึ่งธนาคารได้ลงนาม และแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 22 มี.ค.62 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ธนาคารจะมีการแจ้งประกาศข้อมูลเพิ่มเติมภายในระยะเวลาอันสมควร โดยจะเป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป