“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
โลกมี “สิ่งเป็นกลาง” ถูก “คนดี” กับ “คนชั่ว”นำไปใช้?
“เงิน-เป็นกลาง”ใช้แลกเปลี่ยนสินค้าและใช้หนี้ได้ตามกฎหมาย! “เงินมหาศาล” ถ้าอยู่ในมือคนดี ย่อมถูกใช้เพื่อสร้างความดีให้ทั้งตนเองและชาติ ฯลฯ
แต่ถ้า“เงินมหาศาล”อยู่ในมือคนชั่ว ย่อมถูกใช้เพื่อทำความชั่วทุกมิติ เพื่อแสวงหาและกอบโกยประโยชน์ใส่ตนกับพวกพ้อง โดยไม่ไยดีว่าชาติจะเสียหายเพียงใด!
แหม..ทำให้นึกถึง “คนหน้าเหลี่ยม” ทันที! เพราะมีชีวิตน่าทึ่ง จาก “คนธรรมดา” กลายเป็น“อภิมหาเศรษฐี” เพราะใกล้ชิดกับ “นักการเมือง” จึงได้ผูกขาดสัมปทานของรัฐบางธุรกิจ ชีวิต “บิ๊กเหลี่ยม” จึงพลิกผันร่ำรวยเร็วราวปาฏิหาริย์..
ทว่า..กิเลสไม่รู้จักพอท่วมท้นหัวใจ แม้จะร่ำรวยเงินทองหลายหมื่นล้านบาทแล้ว “บิ๊กเหลี่ยม” ยังอยากรวยยิ่งขึ้น..ยิ่งขึ้น..ยิ่งขึ้น..ว้าว!..
ด้วย “มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม”นั้น-ฉลาดแกมโกง! จึงรู้ช่องทางจะรวยยิ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดว่า ต้องได้ “อำนาจรัฐ” มาไว้ในกำมือ เพราะ “อำนาจรัฐ-เป็นกลาง” ใครจะใช้ก็ได้นี่นา..
ว่าแล้ว..“บิ๊กเหลี่ยม” ก็กระโจนสู่สนามการเมือง ทุ่มเงินลุยธุรกิจการเมืองแบบเต็มตัว ด้วยการซื้อทุกอย่างที่จะทำให้ชนะการเลือกตั้ง จนได้ สส.ถล่มทลายเกินครึ่งสภา จน“มหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม”ได้เป็น“นายกฯมหาเศรษฐีหน้าเหลี่ยม”โดยพลัน..ว้าวๆๆ!..
ฟันธงเปรี้ยงได้เลยว่า..ถ้า“คนหน้าเหลี่ยม”เป็นแค่คนธรรมด๊าธรรมดา มิได้เป็นมหาเศรษฐีร่ำรวยเงินทองล้นฟ้าหลายหมื่นล้าน ชาตินี้ชาติหน้าชาติไหนๆ “คนหน้าเหลี่ยม”ก็ไม่มีโอกาสได้แอ้มตำแหน่ง“นายกฯ ชาติไทย” หรอก..จริงไหม?
และนี่เป็นบทพิสูจน์เรื่องจริงของชาติไทยที่ว่า ถ้า “อำนาจรัฐ” อยู่ในมือคนดีย่อมถูกใช้ทำดีให้ชาติ! แต่ถ้า “อำนาจรัฐ” อยู่ในมือคนชั่วย่อมถูกใช้ทำชั่วทำลายชาติบ้านเมือง!
เมื่อ “อำนาจรัฐ-เป็นกลาง” ตกไปอยู่ในกำมือ ของ “นายทุนสามานย์บิ๊กเหลี่ยม” อำนาจรัฐก็สำแดงฤทธิ์เดชในทางร้าย เพราะถูกใช้ไปกับการทำลาย ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน ด้วยประสิทธิผลสูงเกินความคาดหมาย
โดย “นายกฯ บิ๊กเหลี่ยม”ได้ใช้อำนาจรัฐ โกงชาติอย่างตะกละตะกรามไม่บันยะบันยัง จึงถูกสื่อมวลชน-ข้าราชการ-พลเมืองไทยผู้รักชาติ เปิดโปงแฉโพยจนเป็นเรื่องฉาวโฉ่ทั้งในและต่างประเทศ
“อำนาจรัฐ” ยังทำให้ “นายกฯ บิ๊กเหลี่ยม” เหิมเกริม ถึงกับบังอาจสนับสนุนขบวนการ“ล้มเจ้า” ทั้งลับและเปิดเผย จนรัฐบาล “บิ๊กเหลี่ยม” ถูกประชาชนขับไล่ และถูก “บิ๊กบัง” นำทหารทำรัฐประหารโค่นล้มลง
แต่ “บิ๊กบัง” เป็นเสมือน“สลัดอากาศ” ที่จี้เครื่องบินได้ โดยไม่ได้วางแผนการต่อเนื่องอย่างชาญฉลาด จึงไม่รู้จะทำเช่นไรกับเครื่องบินที่ยึดได้! ทำให้รัฐประหาร “บิ๊กบัง”ไม่มีการปราบคนโกงเท่าที่ควร ไม่มีการปฏิรูปชาติก่อนเลือกตั้งใดๆ ทั้งสิ้น แถม “บิ๊กบัง” ยังแก้ปัญหาแบบ “สุกเอาเผากิน” ด้วยวิธี “แก้ผ้าเอาหน้ารอด” เช่นเดียวกับนักรัฐประหารรุ่นพี่ๆ ที่ใช้การเลือกตั้ง(สกปรก)แก้ปัญหาชาติแบบเฉพาะหน้า..
รัฐประหารยุค “บิ๊กบัง” ที่ไร้การปฏิรูปชาติ จึงกลายเป็น “พิธีกรรม” ในการหยิบยื่นอำนาจรัฐ คืนกลับไปให้พรรคการเมืองเครือข่าย “บิ๊กเหลี่ยม” อย่างถูกต้องตามกฎหมายไปโดยปริยายอีกครั้ง
เพราะยังไร้การปฏิรูปชาติ ประชาชนส่วนใหญ่จึงไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ ในระบอบการเมืองประชาธิปไตยที่แท้จริง อีกทั้งไร้แหล่งข้อมูลในตัวนักการเมือง ว่าใครเป็นคนดีหรือเลว ฯลฯ
ดังนั้น การเลือกตั้งยุคหลัง “บิ๊กบัง”รัฐประหาร ทำให้ “บิ๊กเหลี่ยม” กับนักการเมืองเลว ยังใช้เงินซื้อเสียงได้อย่างสะดวกโยธิน แถมมีการใช้นโยบายประชานิยมล่อซื้อเสียง อีกทั้งยังใช้การโกงสารพัดวิธีโกยคะแนนเสียง จน“บิ๊กเหลี่ยม”ชนะเลือกตั้งเหนือคู่แข่งอย่างท่วมท้น(อีกแล้ว!)
คณะรัฐประหารรู้อยู่แก่ใจว่า เมื่อการเลือกตั้งในชาติไทยสกปรก จึงได้นักการเมืองเลว-ได้รัฐสภาเลว-ได้นายกฯเลว-ได้รัฐบาลเลว ที่ส่วนใหญ่มักคอร์รัปชั่นโกงชาติ นั่นคือความจริงของรัฐประหารซึ่งล้มเหลวมาตลอด เพราะไม่ปราบปรามขบวนการคอร์รัปชั่นโกงชาติจริงจัง! ไม่ลดความเหลื่อมล้ำในมิติสำคัญๆ เช่น การศึกษาและเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมให้ผู้มีรายได้น้อยและยากจน!
ที่สำคัญ..น่าเสียใจและน่าเสียดาย ที่ “ผู้นำ” และ“คณะรัฐประหาร” ไม่ทำการปฏิรูปชาติก่อนการเลือกตั้ง จึงไม่อาจทำให้การเมืองไทยดีขึ้น และไม่ได้ทำให้ชาติได้คนดีขึ้นบริหารบ้านเมือง อีกทั้งกีดกันคนชั่วมิให้มีอำนาจไม่ได้มาโดยตลอดไงล่ะ
การเมืองไทยและการเลือกตั้งไทย ในระบอบประชาธิปไตยเลือกตั้งกำมะลอ จึงเป็นเรื่อง“คนโง่เป็นเหยื่อของคนฉลาด” หรือ “คนส่วนใหญ่ตกเป็นเหยื่อนักการเมืองเลวซึ่งเป็นคนส่วนน้อย”ตลอดมา
“ฟรานซิส เบคอน” พูดไว้สั้นๆโดยมิได้ขยายความว่า “ความรู้นั้นเอง คือ อำนาจ”
อืม..มิสเตอร์ “เบคอน”ที่ชื่อน่ากินจุงเบยคนนี้ พูดดีพูดถูก-พูดอีกก็ถูกอีก เพียงแต่ “มิสเตอร์เบคอน” ยังพูดไม่ครบถ้วนกระบวนความ
ใช่เลย! ความรู้-ที่ยังไม่ถูกนำไปใช้ในทางปฏิบัติ ก็ยังเป็นแค่-ความรู้! ถือได้ว่า “ความรู้-เป็นกลาง” เพราะความรู้มหาศาลในโลก มีทั้งเรื่องดีน้อย-ดีมาก-ดีสุดๆ อ้อ..มีเรื่องเลวน้อย-เลวมาก-เลวสุดๆ ฯลฯ ด้วย แถมความรู้ในบางเรื่องบางราว ก็ยังมีทั้งเรื่องดีและเรื่องเลวผสมผสานกัน ดังนั้น “คน” จึงต้องสามารถพิเคราะห์แยกแยะรายละเอียด ก่อนที่จะนำเอาความรู้ไปใช้ด้วย
ดังนั้น ความรู้จะส่งผลดีผลเลวผลได้ผลเสีย ให้เกิดต่อชาติและประชาชนได้-ก็ขึ้นกับ “คน”นำไปใช้ปฏิบัติเท่านั้น
แน่นอน..“คนดี” ย่อมค้นคว้าหาความรู้ดีๆ มาใช้ทำคุณประโยชน์ให้ตัวเองและชาติกับประชาชนรวมทั้งมวลมนุษยชาติ ส่วน “คนเลว” ก็ค้นหาความรู้ทั้งดีและเลว เพื่อนำไปใช้กับการแสวงหากอบโกยผลประโยชน์ ให้ตนเองและพวกพ้อง โดยไม่สนใจว่าชาติกับประชาชนและมวลสรรพสิ่งในโลก จะเสียหายใหญ่หลวงสักปานใด
“คนดี” ต้องมีทั้งความรู้และใจอันแข็งแกร่ง จนความชั่วไม่อาจกล้ำกรายทำร้ายได้ ส่วน “คนชั่ว” ที่มีความรู้และจิตใจอันแข็งแกร่ง ความดีสารพัดก็กล้ำกรายไปทำลายไม่ได้เช่นกัน!
พระสงฆ์-ที่รู้แจ้งในธรรมขององค์พระศาสดา มีวัตรปฏิบัติถึง 227 ข้อ ถ้าใจมั่นคงเดินตามรอยพระศาสดา ย่อมเป็นพระสงฆ์อันควรค่าแก่การกราบไหว้ พุทธศาสนิกชนก็ย่อมได้พึ่งบุญในรสพระธรรม
แต่วันนี้..ในวงการพระสงฆ์ ได้ปรากฏสงฆ์ไม่ปฏิบัติตนเป็นสงฆ์ สงฆ์ปลอมต้มตุ๋นฆราวาส สมีมั่วสุรานารี ฯลฯ ที่สำคัญมีบรรดาสงฆ์บิดเบือนคำสอนพุทธศาสนา ใช้พุทธพาณิชย์หาเงินให้ตนเองและพวกพ้องเต็มไปหมด ฯลฯ
เฮ้อ..ขนาดพระสงฆ์ที่ต้องเป็นแบบอย่างดีที่สุดในสังคม ยังทำให้ผู้คนไม่อาจกราบไหว้ได้สนิทใจ เพราะไม่รู้ว่า..พระสงฆ์ตรงหน้าเป็นพระจริงหรือพระปลอม เป็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติตนครองจีวร เดินตามรอยขององค์พระศาสดาจริงหรือไม่? เหมาะควรแก่การกราบไหว้หรือไม่?
เฮ้อ..จนบางครั้งต้องใช้วิธี “คิดบวก” นึกเสียว่า..เรากราบผ้าเหลืองขององค์พระศาสดา มิใช่กราบตัว “คน”..คิดแบบนี้สบายใจว่ะ
การเมือง-ไร้การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง ก็ต้อง “คิดบวก”ว่า ชาติไทยยัง “โชคดี”ได้นายกฯคนใหม่แล้วนะจ๊ะ! เอาน่ะ..แม้มีเสียง “ปริ่มน้ำ”ในสภาหนุนนายกฯชื่อ “บิ๊กตู่” คนหน้าเดิมที่ฝีมือจะต้องแย่ลงกว่าเดิม แต่ก็ยังดีกว่าชาติไทยไร้นายกฯนะว้อย..ฮ่าฮ่าฮ่า..
ส่วน “นายกฯ บิ๊กตู่” ยังตั้งรัฐบาล “เป็ดง่อย”ไม่ได้นั้น เฮ้ย..บางชาติกว่าจะตั้งรัฐบาลได้ ก็ 2 ปี กว่าโน่นเลยนะเฟ้ย แหม..ผ่านไปแค่ 3 เดือนกว่าเท่านั้น อย่าทำใจเสาะเป็น“ยาหม่องลิงถือลูกท้อ” เลยน่า “นายกฯบิ๊กตู่” พูดแล้วไม่ทำ..เอ๊ย..พูดว่า..กลางเดือนกรกฏา..ตั้งรัฐบาลใหม่เรียบร้อยแน่นอน
แหม..ต้องเห็นใจ “บิ๊กตู่” เขาหน่อย เพราะกำลัง “คัดกรองโรคยี้ ”ในครม.“เป็ดง่อย” อยู่นะโว้ย..
อ้อ..เรื่องที่รัฐบาลใหม่ “บิ๊กตู่” จะอยู่ยั้งยืนยงนานแค่ไหน-อย่าถาม! แค่ได้เป็น “นายกฯ เลือกตั้ง” กับตั้งรัฐบาลใหม่ได้ “นายกฯ บิ๊กตู่ ”ก็ “แท็กซี่โอเค”แล้ว
ถ้ารัฐบาล “เป็ดง่อย”ไปไม่รอด “บิ๊กตู่” ก็ “ลาออก”หรือ “ยุบสภา” เลือกตั้งใหม่..จบข่าว?