พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ชี้แจงกรณีพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการจังหวัดพัทยา ไม่สามารถนำตัว นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน อดีต ผู้สมัคร ส.ส.พรคคพลังประชารัฐ มาฟ้องต่อศาลจังหวัดพัทยา ในคดีเกิดเหตุความวุ่นวายในการชุมนุมระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่เมืองพัทยา เมื่อปี 2552 จนคดีขาดอายุความ ว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2552 แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ได้รับคำร้องทุกข์ เมื่อเดือนมี.ค. 58 หลังจากได้รับเรื่องร้องทุกข์แล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน และสามารถส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ ในการสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมด 7 ราย ซึ่ง 1 ในนั้นคือ นายสุภรณ์ เมื่อเดือนส.ค.60 ซึ่งก็ถือว่า การดำเนินการอยู่ในกรอบของระยะเวลา
หลังจากที่มีการส่งสำนวนให้ทางพนักงานอัยการแล้วนั้น ทางพนักงานอัยการก็ได้สั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น จากนั้น ทางพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนอีกครั้ง เมื่อเดือนม.ค.61 ซึ่งก็ไม่ได้มีการประสานอะไรมา กระทั่งเมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 ทางอัยการได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ทำการติดตามตัวนายสุภรณ์ เพื่อสั่งฟ้อง และได้มีการออกหมายจับ ในวันที่ 4 เม.ย.62 ซึ่งคดีจะขาดอายุความ ในวันที่ 11 เม.ย.62 ตำรวจจึงมีเวลาเพียงแค่ 7 วัน ในการติดตามตัว ก็ต้องไปดูระยะเวลา และความเหมาะสม ซึ่งไทม์ไลน์ก็อยู่ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปล่อยปละละเลยและเชื่อว่าทุกฝ่ายทำเต็มที่แล้ว แต่เรื่องนี้ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองพัทยา ว่า ในพื้นที่มีคดีความจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการติดตามตัว นายสุภรณ์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่มีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดพัทยา วันที่ 1 ส.ค.60 คดีหมดอายุความ วันที่ 11 เม.ย.62 ระหว่างการนัดนายสุภรณ์ ส่งฟ้องศาล นายสุภรณ์ อ้างว่าติดปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. อัยการ ก็ให้มาพบ วันที่ 2 เม.ย.62 นายสุภรณ์ อ้างว่าป่วย อัยการจึงมีหนังสือถึงผู้กำกับ สภ.พัทยา และผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 ให้ติดตามตัวนายสุภรณ์ มาให้พนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องศาล ภายในวันที่ 5 เม.ย.62 ซึ่งวันที่ 4 เม.ย.62 พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายจับนายสุภรณ์ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวนายสุภรณ์ได้ เป็นสาเหตุที่ส่งฟ้องไม่ทัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่อัยการรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน มีเวลาติดตามตัว และส่งฟ้องเพียง 1 ปีเศษ ขณะที่พนักงานสอบสวน ใช้เวลานานถึง 8 ปี ในการทำสำนวนเพื่อส่งมาให้อัยการ
หลังจากที่มีการส่งสำนวนให้ทางพนักงานอัยการแล้วนั้น ทางพนักงานอัยการก็ได้สั่งให้มีการสอบสวนเพิ่มเติมในหลายประเด็น จากนั้น ทางพนักงานสอบสวน ได้ส่งสำนวนอีกครั้ง เมื่อเดือนม.ค.61 ซึ่งก็ไม่ได้มีการประสานอะไรมา กระทั่งเมื่อวันที่ 3 เม.ย.62 ทางอัยการได้ประสานทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ทำการติดตามตัวนายสุภรณ์ เพื่อสั่งฟ้อง และได้มีการออกหมายจับ ในวันที่ 4 เม.ย.62 ซึ่งคดีจะขาดอายุความ ในวันที่ 11 เม.ย.62 ตำรวจจึงมีเวลาเพียงแค่ 7 วัน ในการติดตามตัว ก็ต้องไปดูระยะเวลา และความเหมาะสม ซึ่งไทม์ไลน์ก็อยู่ในกรอบระยะเวลาที่กำหนด ยืนยันว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ได้ปล่อยปละละเลยและเชื่อว่าทุกฝ่ายทำเต็มที่แล้ว แต่เรื่องนี้ได้รับรายงานจาก สภ.เมืองพัทยา ว่า ในพื้นที่มีคดีความจำนวนมาก จึงทำให้เกิดความล่าช้าในการติดตามตัว นายสุภรณ์ ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่มีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด จะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ชี้แจงถึงเรื่องนี้ว่า พนักงานสอบสวน ส่งสำนวนให้อัยการจังหวัดพัทยา วันที่ 1 ส.ค.60 คดีหมดอายุความ วันที่ 11 เม.ย.62 ระหว่างการนัดนายสุภรณ์ ส่งฟ้องศาล นายสุภรณ์ อ้างว่าติดปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. อัยการ ก็ให้มาพบ วันที่ 2 เม.ย.62 นายสุภรณ์ อ้างว่าป่วย อัยการจึงมีหนังสือถึงผู้กำกับ สภ.พัทยา และผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 2 ให้ติดตามตัวนายสุภรณ์ มาให้พนักงานอัยการเพื่อส่งฟ้องศาล ภายในวันที่ 5 เม.ย.62 ซึ่งวันที่ 4 เม.ย.62 พนักงานสอบสวน ได้ออกหมายจับนายสุภรณ์ แต่สุดท้ายแล้วเจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามจับกุมตัวนายสุภรณ์ได้ เป็นสาเหตุที่ส่งฟ้องไม่ทัน
ทั้งนี้ ตั้งแต่อัยการรับสำนวนจากพนักงานสอบสวน มีเวลาติดตามตัว และส่งฟ้องเพียง 1 ปีเศษ ขณะที่พนักงานสอบสวน ใช้เวลานานถึง 8 ปี ในการทำสำนวนเพื่อส่งมาให้อัยการ