"สมคิด" มอบนโยบายกระทรวงอุตฯ เพิ่มบทบาทพัฒนาเกษตรแปรรูป เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรไทยให้ทุ่มทั้งกำลังคนและงบประมาณ บูรณาการกระทรวงเกษตรฯ ธ.ก.ส. ฯลฯ พร้อมเพิ่มประสิทธิภาคภาคธุรกิจ พัฒนาสตาร์ทอัพ รับเทคโนโลยีเปลี่ยน ด้าน"กสอ." รับลูกเล็งถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 26 มิ.ย.นี้ ดันเกษตรแปรรูปเชื่อมโยงท่องเที่ยว
วานนี้ (20 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเนื่องในโอกาสตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตฯ มุ่งเน้นโยบาย และงบประมาณในการปรับบทบาทเพิ่มการพัฒนาสินค้าเกษตรไปเพิ่มมูลค่าเป็นเกษตรอุตสาหกรรมให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ฯลฯ โดยต้องเป็นไปอย่างก้าวกระโดด เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจฐานราก
"เกษตรมีคนดูแลแล้ว แต่เกษตรอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีใครดูแลจริงจัง กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเข้ามาดูแล และเน้นให้มากขึ้น ใส่คน งบประมาณเพิ่มขึ้น พัฒนาทุกด้านให้เชื่อมโยงทั้งเงินทุน การตลาด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) ต้องเข้ามาดูการเชื่อมโยงกับสถาบันต่างๆ ที่มีอยู่โดยเฉพาะสถาบันอาหาร ต้องเข้ามาดูในจุดนี้ ถ้ายังทำกันแบบวันนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีต่อไปหรอก และแนวนโยบายนี้ เมื่อมีรัฐมนตรีคนใหม่ก็จะเดินตามนี้เลย"
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้มุ่งเน้นความร่วมมือกับเอกชนในการพัฒนาประสิทธิภาพการแข่งขันของภาคเอกชน ที่แม้ว่าผลการจัดอันดับความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย จากการจัดอันดับของ World Competitiveness Center (IMD) สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2562 จะอยู่อันดับที่ 25 ดีขึ้นจากปีที่แล้ว ที่ไทยอยู่อันดับที่ 30 แต่กลับพบว่า ในส่วนของประสิทธิภาพของภาคธุรกิจไทยไม่ดีนัก ดังนั้นชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ต้องปรับไปสู่นวัตกรรมและดิจิทัลมากขึ้น โดยบทบาทของสถาบันเพิ่มผลผลิต จะมีมากขึ้นต้องเพิ่มคนเข้ามาดูแล เช่นเดียวกับสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่เป็นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล รวมไปถึงการพัฒนวิสาหกิจขนาดกลาง และย่อม (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการใหม่(สตาร์ทอัพ) ที่ต้องทำร่วมกันอย่างจริงจังที่จะก้าวไปสู่นวัตกรรม
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรรม (กสอ.) กล่าวว่า วันที่ 26 มิ.ย.นี้ กสอ.เตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป โดยจะดึงสินค้าภาคเกษตรที่ได้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI 99 ราย หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในชุมชน และร่วมมือกับตลาดออนไลน์ บริษัทประชารัฐรักสามัคคี เอกชนรายใหญ่ ร่วมช่วยกันดูแลเกษตรกรแปรรูป และช่วยรับซื้อสินค้าจากชุมชน ให้เป็นหน่วยการผลิต ขณะที่รายใหญ่ช่วยส่งเสริมด้านการตลาด สถาบันอาหารช่วยปรับปรุงพัฒนาอาหารชุมชน ด้วยแผน 3x3 ปั้นจากเกษตรกรแปรรูปกว่า 55,000 ราย นักธุรกิจเกษตร 15,000 ราย และผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร 5,000 ราย นำไปสู่เกษตรแปรรูปเกษตรพันธุ์ใหม่ 2,500 ราย
วานนี้ (20 มิ.ย.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเนื่องในโอกาสตรวจเยี่ยมกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตฯ มุ่งเน้นโยบาย และงบประมาณในการปรับบทบาทเพิ่มการพัฒนาสินค้าเกษตรไปเพิ่มมูลค่าเป็นเกษตรอุตสาหกรรมให้มากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ฯลฯ โดยต้องเป็นไปอย่างก้าวกระโดด เพื่อการเติบโตของเศรษฐกิจฐานราก
"เกษตรมีคนดูแลแล้ว แต่เกษตรอุตสาหกรรมที่จะเพิ่มขึ้น ไม่มีใครดูแลจริงจัง กระทรวงอุตสาหกรรมต้องเข้ามาดูแล และเน้นให้มากขึ้น ใส่คน งบประมาณเพิ่มขึ้น พัฒนาทุกด้านให้เชื่อมโยงทั้งเงินทุน การตลาด กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม(กสอ.) ต้องเข้ามาดูการเชื่อมโยงกับสถาบันต่างๆ ที่มีอยู่โดยเฉพาะสถาบันอาหาร ต้องเข้ามาดูในจุดนี้ ถ้ายังทำกันแบบวันนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องมีต่อไปหรอก และแนวนโยบายนี้ เมื่อมีรัฐมนตรีคนใหม่ก็จะเดินตามนี้เลย"
นอกจากนี้ ยังมอบนโยบายให้มุ่งเน้นความร่วมมือกับเอกชนในการพัฒนาประสิทธิภาพการแข่งขันของภาคเอกชน ที่แม้ว่าผลการจัดอันดับความสามารถการแข่งขันของประเทศไทย จากการจัดอันดับของ World Competitiveness Center (IMD) สวิตเซอร์แลนด์ ประจำปี 2562 จะอยู่อันดับที่ 25 ดีขึ้นจากปีที่แล้ว ที่ไทยอยู่อันดับที่ 30 แต่กลับพบว่า ในส่วนของประสิทธิภาพของภาคธุรกิจไทยไม่ดีนัก ดังนั้นชี้ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมต้องเปลี่ยนไปในทิศทางที่ต้องปรับไปสู่นวัตกรรมและดิจิทัลมากขึ้น โดยบทบาทของสถาบันเพิ่มผลผลิต จะมีมากขึ้นต้องเพิ่มคนเข้ามาดูแล เช่นเดียวกับสถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ต้องมุ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ที่เป็นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล รวมไปถึงการพัฒนวิสาหกิจขนาดกลาง และย่อม (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการใหม่(สตาร์ทอัพ) ที่ต้องทำร่วมกันอย่างจริงจังที่จะก้าวไปสู่นวัตกรรม
นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรรม (กสอ.) กล่าวว่า วันที่ 26 มิ.ย.นี้ กสอ.เตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป โดยจะดึงสินค้าภาคเกษตรที่ได้สิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์หรือ GI 99 ราย หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (CIV) เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรแปรรูป เชื่อมโยงกับการท่องเที่ยวในชุมชน และร่วมมือกับตลาดออนไลน์ บริษัทประชารัฐรักสามัคคี เอกชนรายใหญ่ ร่วมช่วยกันดูแลเกษตรกรแปรรูป และช่วยรับซื้อสินค้าจากชุมชน ให้เป็นหน่วยการผลิต ขณะที่รายใหญ่ช่วยส่งเสริมด้านการตลาด สถาบันอาหารช่วยปรับปรุงพัฒนาอาหารชุมชน ด้วยแผน 3x3 ปั้นจากเกษตรกรแปรรูปกว่า 55,000 ราย นักธุรกิจเกษตร 15,000 ราย และผู้ประกอบการธุรกิจเกษตร 5,000 ราย นำไปสู่เกษตรแปรรูปเกษตรพันธุ์ใหม่ 2,500 ราย