xs
xsm
sm
md
lg

ความอุจาดในเกมชิงอำนาจ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"โสภณ องค์การณ์"

แผนสืบทอดอำนาจโดย “คณะ 3 ลุง” โดยมีกลุ่มลูกหาบหามหลากสายพันธุ์รับงานแลกผลประโยชน์ทำท่าว่าจะลงตัวยาก เมื่อการจัดสรรปันส่วนสิ่งที่คาดหวังตามสิทธิพึงได้พึงมีไม่ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก หรือเป็นไปอย่างไร้อุปสรรคแม้จะมีอำนาจคับแผ่นดินก็ตาม

เกมยื้อต่อรอง “เก้าอี้รัฐมนตรี” เป็นไปอย่างเต็มบ้อง ไม่มีใครต้องเกรงใจใคร เพราะนี่คือรูปแบบการเมืองประชาธิปไตยแบบ “น้ำเน่า” การเจรจาต่อรองต้องให้ลงตัว หรือให้ฝ่ายใดยอมรับสภาพจำยอมของการเป็นเบี้ยล่าง ถ้าอีกฝ่ายไม่ยอม พร้อมจะถึงขั้นแตกหัก

คนนั่งฝันหวานว่าจะได้เสวยสุขบนเก้าอี้แห่งอำนาจ บนกองทุกข์ของชาวบ้านอาจเริ่มรู้สึกตะหงิดๆ ในใจว่า เมื่ออะไรๆ ที่วางแผนไว้ไม่ง่ายตามที่คิด ถ้าเดินเกมผิดอาจชักนำพรรคพวกไปสู่จุดอับ มีโอกาสที่จะต้องกอดคอกันสู่อนาคตที่คาดเดาได้ยาก

วิกฤตศรัทธา เริ่มมีเข้มข้นก่อนการตั้งคณะเสนาบดีด้วยซ้ำ!

เพียงแค่นี้ชาวบ้านก็ได้รับรู้ซึ้ง เหมือนบรรยากาศเดิมๆ ว่านักการเมือง มาจากการลากตั้ง เลือกตั้ง หรือวิธีหักดิบยึดอำนาจอย่างไรก็ตาม มีความต้องการผลประโยชน์เพื่อส่วนตนและพวกพ้องเหมือนกัน ประชาชนมาภายหลังเสมอ ต้องรับวิบากกรรมตลอด

สภาพบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ คนบนแผ่นดินนี้ยังยอมทนรับสภาพ เพราะง่อยเปลี้ยจากการป้อนโครงการประชานิยมถมไม่เต็ม เหมือนสัตว์เลี้ยงจนเชื่อง ถึงเวลาต้องหากินเองก็ไปไม่เป็น ดังนั้น เกมชิงอำนาจ ผลประโยชน์ที่เล่นกันอยู่ จึงดูไม่ใช่เรื่องพิสดาร

เป็นเกมต่อรองเพื่ออำนาจ ให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ตั้งแต่ปี 2475

คณะ 3 ลุงที่เชื่อมั่นในอำนาจยังคิดว่าประชาชนไม่มีปัญญาหรือศักยภาพในการต่อรอง เรียกร้องอะไรทั้งนั้น เพราะการเลือกตั้งคือการให้ฉันทานุมัติให้นักการเมืองแสวงหาโอกาสผ่านเก้าอี้รัฐมนตรี มีงบประมาณก้อนใหญ่ไว้สำหรับสร้างความมั่งคั่ง

หลังจากประลองกำลังในสภาฯ เลือกนายกฯ ได้คนหน้าเดิม นั่งเก้าอี้มานานกว่า 5 ปี จากนั้นเกมการต่อรองยังไม่จบ มีทั้งการแก่งแย่งผลประโยชน์ในพรรคเดียวกัน ก็ยังมีต่อรองข้ามพรรค สุดแต่จะสรรหาคำอ้างมาเพื่อขอให้ได้เก้าอี้ที่ตัวเองคิดว่าต้องได้

เมื่อชาวบ้านได้เห็นโผที่ปรับเปลี่ยนตามกระแสการต่อรอง ก็คงปลง เชื่อว่าบ้านเมืองคงต้องติดอยู่ในบ่วงเวร บ่วงกรรมอีกนาน เห็นว่าที่เสนาบดีจองกระทรวงชิ้นปลามันแล้ว ไม่ต้องสงสัยว่าพวกนักเลือกตั้งมีเจตนา ตั้งใจอย่างไร ทำแบบไม่อายด้วย

ในสังคมการเมืองกำลังด้อยพัฒนา มีกระแสหน้าด้านเป็นตัวนำ ชื่อชั้นของเสนาบดีสำหรับหลายกระทรวงที่ยกมานำเสนอในโผ ทำให้ชาวบ้านคิดว่า รายชื่อนั้นเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของ “โจรพายเรือให้นั่ง” - “เป็นหัวหน้าโจร” หรืออะไรที่เลวร้ายกว่า

ไม่ใช่พายเรือให้โจรนั่งอีกต่อไป ซ้ำร้าย หัวหน้าอาจเป็นเพียง “เจว็ด” หรือผู้นำภายใต้พลังกำกับบงการโดยคณะสมุนซึ่งถือแต้มต่อในสภาพของคนกุมคะแนนเสียงเป็นแรงหนุนให้สืบทอดอำนาจ ดังนั้นทั้งหัวหน้าและสมุนต้องต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

ถ้าผลประโยชน์ขัดกันก็ต้องบรรลัยกันไปข้างหนึ่ง ตามแบบการเมืองน้ำเน่า!

พวกที่ไม่ยอมมองโลกสวย เห็นโผรายชื่อเสนาบดีต้องตบอบผาง อุทาน! “นี่เป็นคณะผู้บริหารประเทศหรือชุมโจรกันแน่” เมื่อได้รับรู้ว่าใครจะมา และมีประวัติชีวิตเป็นอย่างไร มีความฉาวโฉ่ รังสีอำมหิตของความเป็นกังฉินมีระดับทาบชั้นเซียนนั่นเลย

แล้วลุงนักรัฐประหาร อ้างความรักชาติ หมิ่นแคลนนักเลือกตั้งมาโดยตลอด ก็ถึงคราวต้องเอาอกเอาใจพวกที่ตนเองและพวกได้ทำรัฐประหารและขับไล่ให้หลุดจากวงจรอำนาจ เพราะพวกนั้นได้หาบหามให้คณะลุงได้อยู่ต่อ ผ่านการเลือกตั้งที่มีแต่ความอุจาด

“ท่านหัวหน้าคณะรัฐประหารยอมรับเป็นหัวหน้านักเลือกตั้งพวกนั้นหรือ ก็เห็นท่านด่านักการเมืองว่าเป็นตัวปัญหาของบ้านเมืองไม่ใช่เรอะ?” นี่คืออารมณ์ของชาวบ้านที่ซึ้งนานแล้วว่าถ้าเป็นนักการเมือง มาแบบไหนก็แล้วแต่ ทำอะไรก็ได้ ถ้าไม่ต้องรู้สึกอาย

จากผู้ทรงอำนาจคับแผ่นดิน มีกฎหมายพิเศษเป็นฐาน กำลังเผชิญการทดสอบด้านบารมีและกึ๋น ว่ามีเข้มข้น เป็นของจริงแค่ไหน เมื่อเห็นความพยศของนักเลือกตั้งในการต่อรองผลประโยชน์ และความเป็นผู้นำของจริงจะต้องไม่ยอมเรื่องพรรค์อย่างนี้

ถ้าเจ๋งจริง เป็นห้าวเป้งของแท้ ต้องไม่ยอมให้นักเลือกตั้งต่อรองผลประโยชน์ ต้องว้ากยิ่งกว่างิ้วพิโรธ ต้องตะคอกใส่นักต่อรองทั้งหลาย เสียงดังยิ่งกว่าตะคอกใส่ผู้สื่อข่าวและชาวบ้านอย่างที่ได้กระทำโชว์พวกสมุน ลูกขุนพลอยพยักทั้งหลาย แต่จะกล้าหรือ?

เห็นบางโผชื่อเสนาบดีแล้วชวนให้ร้อง “โอ้โห! มาแบบนี้ ไม่ต้องมีโจรก็ได้นี่หว่า!”

เมื่อการต่อรอง ใครต่างไม่ยอมใคร ก็ต้องได้รายชื่อคณะเสนาบดีแบบไม่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม ความรู้ ความสามารถ ถ้าต้องเค้นให้ดูดี น่าเชื่อถือ สร้างศรัทธาให้ชาวบ้านยอมรับ ก็คงต้องไปหาคนดีมีฝีมือจากนอกวงการมาเป็นรัฐมนตรี

แต่นักเลือกตั้งคงไม่ยอม และคนดีคงไม่อยากมาเกลือกกลั้ว เสื่อมเสียเกียรติภูมิกับคณะแบบนี้ ดูแล้วสภาวะ “ยี้” คงเข้มข้นไม่น้อย เพราะ “ยี้” ที่แย่งเก้าอี้กันอยู่คุ้นหน้าคุ้นตา มีประวัติฉาวโฉ่ จัดอยู่ในประเภทเขมือบหนัก ถอนทุน บวกกำไรเกินควรหลายเท่า

ในสังคมที่กระบวนการยุติธรรมน่าเชื่อถือทุกระดับ การตรวจสอบเข้มข้นไร้ระบบเส้นสายเครือข่ายเพื่อนพ้องน้องพี่ หลายคนคงไม่ได้ลอยหน้าลอยตาอยู่อย่างทุกวันนี้

ดังนั้น รัฐบาลคณะ 3 ลุงต้องเผชิญกับวิกฤตศรัทธา ความน่าเชื่อถือ ก่อนวันประกาศรายชื่อด้วยซ้ำ อยู่ได้ บริหารได้ แต่จะให้สังคมวิญญูชนยอมรับ คงฝันไป ที่อ้างว่าทุกฝ่ายต้องพร้อมเสียสละเพื่อให้บ้านเมืองก้าวต่อไปได้ คงเป็นวาทกรรมชวนไค่ฮาก

ถ้า “ทุกฝ่ายเห็นแก่ชาติบ้านเมือง” เป็นไปตามปากว่า คงไม่ง่องๆ แง่งๆ โฮ่งๆ ฮึ่มๆ แฮ่ๆ ให้ชาวบ้านรำคาญ อยากเอาน้ำร้อนราดอย่างที่เป็นอยู่ แต่นี่คือการเมืองน้ำเน่าแบบไทยๆ มีทั้งนักรัฐประหารแล้วรวย นักเลือกตั้งกังฉิน นักแสวงโชคชอบเฉพาะการลากตั้ง

ดูหน้าตา ความเป็นมาของพวกหน้าเก่า หน้าใหม่ หน้าเดิม น่าเบื่อ ก็คาดได้ว่าบ้านเมืองจะไปอย่างไร จะหวังอะไรมาก คงต้องฝันเฟื่อง วาดวิมานในอากาศเท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น