ข่าวปนคน คนปนข่าว
**เจ้าข้าเอ้ยยยย... "อีช่อ" ไม่ใช่แม่มด หยุดไล่ล่าได้แล้ว! เชื่อกันมั้ย? "ปิยะบุตร" ขอร้อง ร้อนแทนลูกพรรค ตีกันตำรวจอย่าใช้ความรู้สึกทำคดี สะพัด "ช่อ" ขออยู่พม่ายาว เลื่อนกำหนดกลับ
สังคมได้ติดตามเรื่องของ"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ จะเข้าใจได้ง่ายๆเพราะไม่มีอะไรซับซ้อน...โลกโซเซียลฯ ตามภาพถ่ายที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของ"ช่อ"เอานำมาตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ ...ทุกคนลงความเห็นภาพสวมชุดครุยถ่ายเล่นกับเพื่อนโดยกระทำกิริยาส่อไปทางลบ หลู่พระบรมฉายาลักษณ์ ... ยังมีอีกหลายโพสต์ของ"ช่อ" ก็มีลักษณะทำนองเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องลึกลับ เพราะช่อก็เปิดเผย เพิ่งจะมาปิดกั้นการเข้าถึงก็ตอนที่เป็นกระแส
งานนี้ว่ากันตรงไปตรงมา ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการอย่างไม่ลำบาก ความผิดนั้นสำเร็จ ถามความเห็นคนที่ได้เห็นภาพ ไม่ต้องเป็นฝ่ายที่ขัดแย้งทางการเมืองหรือความคิดกันก็ได้ ...แบบแฟร์ๆ ดูว่า คิดอย่างไรกับ"ช่อ" ... คำตอบมีอยู่แล้วในตัวภาพ และต้องรับผิดตั้งแต่วินาที ที่"ช่อ"กดโพสต์เพื่อเผยแพร่
ไม่ใข่เรื่องล่าแม่มงแม่มด ที่ไหนอะไรเลย
คนเขาเรียกร้องกับ"ช่อ"ว่า กล้าทำก็ควรกล้ารับ แต่กลับตั้งป้อมแถไปวันๆ แถมมี "ติ่งส้มหวาน" ผสมโรงเชียร์เย้วๆไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่ในโลกโซเซียลฯเสมือนจริงของพวกเขา ... เรื่องกำลังพีค แต่แม่มดตอนนี้ "ช่อ" พรรณิการ์ ยังอยู่ระหว่างร่วมประชุมกับพรรคการเมือง และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 9- 12 มิ.ย. โดยมีกระแสข่าวสะพัดเลื่อนกำหนดกลับไทยจากเดิมวันที่ 12 มิ.ย.
เรียกว่าอยู่ยาวแค่ไหนไม่มีใครรู้ ทางนี้ปล่อยให้ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รับมือ ซึ่งเมื่อวานได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า "เช้านี้ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในประเทศไทยทั้ง The Bangkok Post และ The Nation พร้อมใจกันพูดถึงประเด็นการล่าแม่มด ต่อกรณีของ พรรณิการ์ วานิช โฆษก # พรรคอนาคตใหม่ ... บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันนี้ ใช้ชื่อเรื่อง ว่า 'Witch-hunts must end' หรือ 'การล่าแม่มดต้องยุติลงได้แล้ว'
ตอนหนึ่งของบทบรรณาธิการกล่าวว่า “ตำรวจต้องจัดการกับกรณีนี้ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง และต้องไม่นำความรู้สึก และจุดยืนทางการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วยการล่าแม่มด และกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบันฯ มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับความขัดแย้งทางการเมืองที่เรื้อรังของประเทศมากขึ้นไปอีก และไม่ได้นำเสนอทางออกใดๆ เลย" เรื่องตีกันและตีกินนี่เขาว่าเป็นของถนัดของเลขาฯส้มหวาน แต่ตำรวจไม่ได้คิดอย่างนั้นนะสิ ...
ล่าสุดตำรวจ สั่งการให้ ศปอส.ตร. , บก.ปอท. และตำรวจสันติบาล เร่งตรวจสอบการแชร์ภาพในอดีตของ"ช่อ" ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และช่องทางอื่นๆ ซึ่งทาง บก.ปอท. มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นหลัก ... เบื้องต้น ผบก.ปอท. สั่งการให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบประวัติย้อนหลัง และคาดว่าเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นจะรายงานให้ผู้บังคับยัญชาทราบโดยเร็ว ตำรวจยืนยันว่าการทำงานนี้ จะพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้
"ปิยะบุตร" เป็นอาจารย์กฎหมาย ย่อมรู้ดีคดีบุคคลการเมืองใดตามความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ซึ่งจะมีอายุความ 20 ปี กระบวนการยุติธรรมมีเวลาให้เต็มที่ ไม่ต้องร้อนใจหากไม่ได้ทำอะไรผิด และต้องรู้อยู่ว่า กรณี"ช่อ" ตั้งค่าเฟซบุ๊กเป็นส่วนตัวหลังจากถูกขุด"โป๊ะแตก" เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการนำสืบ เพราะก่อนหน้านี้ ตำรวจได้เก็บข้อมูลไว้บางส่วนแล้ว
งานนี้เขาไม่ได้ไล่ล่าแม่มด แต่ไล่ล่าความจริงกันต่างหาก.
** "ลุงตู่"จัดครม.เที่ยวนี้ มีปัญหาหนักอก ตรงที่จะพา "รัฐมนตรีข้าวนอกนา" ฝ่าด่านระบบโควตาของพรรคการเมือง ที่ใช้วิธีนับหัวส.ส. แลกเก้าอี้ และตัด "รมต.เต้าหู้ยี้" ที่พรรคการเมืองส่งมาออกไปได้อย่างไร เพราะ ครั้งนี้ไม่เหมือนจัด ครม.เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ถึงวันนี้ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยสมบูรณ์แล้ว จากนี้ก็มาถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งในทางการเมืองถือว่า "สำคัญที่สุด" เพราะการเมืองเป็นเรื่องของ การให้ได้มา การรักษา และการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งผู้ใช้อำนาจนอกจากนายกรัฐมนตรี ก็คือ รัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงต่างๆ
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า การดึงพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาลนั้น มีเจรจาต่อรองถึงโควต้ากระทรวงต่างๆ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยฯ ที่จะได้รับ กันอย่างดุเดือด เข้มข้น โดยมีตัวเลข ส.ส.มาเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน พรรคไหนมี ส.ส.มาก ก็ยิ่งต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีมาก อย่างเช่นการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ มีส.ส.อยู่ 50 ต้นๆ แต่ได้ไปถึง 8 เก้าอี้รัฐมนตรี เฉลี่ยแล้ว ส.ส.6-7 คน ต่อ 1 เก้าอี้ ... ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ตั้งรัฐบาลได้ยาก การต่อรองยิ่งเข้มข้น เพราะพรรคร่วมต้องการกระทรวง เกรด เอ เกรด บี ... นี่คือการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไทย ที่เป็นมาทุกยุคทุกสมัย
เกรดของกระทรวงที่แบ่งเป็น A-B-C นั้น ก็ยึดถือตามอำนาจการอนุมัติ การขออนุญาต และ ขนาดของโครงการ และงบประมาณของกระทรวงนั้นๆ อย่างเช่นครั้งนี้ กระทรวงเกรด เอ ที่พรรคการเมืองต้องการ ก็มี กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง เป็นต้น
การเคลียร์ตำแหน่งรัฐมนตรี การจัดวางตัวบุคคลที่จะอยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จึงเป็น "งานหิน" สำหรับ "ลุงตู่" ที่ต่างกันลิบลับ กับการตั้ง ครม.หลังการรัฐประหาร เพราะแต่ละพรรคยึดตัวเลข ส.ส. มาแปรเป็นเก้าอี้รัฐมนตรี แล้วแต่ละพรรค ก็มีหลายกลุ่มก๊วน หลายภาค ใครเป็น"หัวหน้ากลุ่ม" เป็น"ถุงเงิน" ที่พาส.ส.เข้ามาได้มาก ก็จะส่งคนในกลุ่มเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ... แม้แต่พรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่เว้น... ดังนั้น การตั้งคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส. มานั่งตำแหน่งรัฐมนตรี หรือที่เรียกกันว่า "รัฐมนตรีข้าวนอกนา" จึงฝ่าด่าน ที่เป็นเหมือนกติกานี้ไปได้ยาก โดยเฉพาะผู้ที่จะติดตาม "ลุงตู่" มาจากครม.ชุดที่แล้ว...ถ้า "ไม่แข็งจริง" ก็หลุดเข้ามายาก
ดังนั้น จึงเห็นภาพ "พี่น้อง 3 ป." ออกงานร่วมกัน ที่สโมสรทหารบกเมื่อเช้าวานนี้ โดย "ลุงตู่" เปิดงานโครงการสร้างการรับรู้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศแล้ว ก็ปิดห้องคุยกับ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ "ลุงป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จากนั้น เมื่อกลับถึงทำเนียบรัฐบาล ก็มี "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มารอเข้าพบอยู่ก่อนแล้ว ...ตรงนี้มันเหมือนเป็นสัญญาณบอกอะไรบางอย่าง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า "ลุงตู่" จะนั่งควบกลาโหม ... ขนาด"วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ มือกฎหมายคนสำคัญของรัฐบาลลุงตู่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ใครๆ เชื่อว่า "ได้ไปต่อแน่" ยังบอกว่า ยังไม่ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมครม.ชุดใหม่ แล้วอย่างนี้ "นายทหาร" คนอื่นๆ ที่เคยร่วมครม. ยิ่งห่างไกล ...มิพักต้องพูดถึงคนนอก อย่าง "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.ต่างประเทศ ว่าจะได้ไปต่อ ... นี่ว่ากันเฉพาะโควตาสาย"ลุงตู่" เองยังน่าหนักใจถึงเพียงนี้ แล้วในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำรัฐบาลที่มีสารพัดกลุ่มก๊วน จะวุ่นวายขนาดไหน ...
คราวนี้ลองไปดูการจัดวางตัวบุคคลของ "เสี่ยหนู" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้โควตามา 8 เก้าอี้ กันบ้างว่าเขาคัดกันอย่างไร ตามข่าวว่ามีการเคาะออกมาลงตัวแล้ว โดย "เสี่ยหนู" เป็นรองนายกฯควบ รมว.สาธารณสุข ได้ผลักดัน"กัญชาเสรี" ด้วยตัวเอง ต่อมา "นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ" เลขาธิการพรรค จาก "ถิ่นเซาะกราว" เนวินบุรี ได้นั่ง รมว.คมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ สามี"นางนาที รัชกิจประการ" แม่ทัพภาคใต้ ที่นำส.ส.เขตป้ายพรรคภูมิใจไทยถึง 8 ที่นั่ง จะได้ตำแหน่ง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ไปอุ้มชู ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ 4 กระทรวง นายทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำพรรคสายเซาะกราว ได้เป็นรมช.มหาดไทย ส่วน"เจ้าพ่ออุทัย" นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ที่คว้า ส.ส.มาได้ 3 ที่นั่ง คือ จ.อุทัยธานี 2 ที่นั่ง และนครสวรรค์ 1 นั่ง ถูกว่างตัวเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วนลูกสาวนายสุนทร วิลาวัลย์ "น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์" ที่นำทัพได้ส.ส.ยกจังหวัดปราจีนบุรี มา 3 ที่นั่ง จะได้เป็น รมช.ศึกษาธิการ ส่วนอีกคนที่จะได้เป็น รมช. คือนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำภาคอีสาน ที่เป็นประธานบริหาร บริษัท แป้งมันเอี่ยมเฮง จำกัด กวาด ส.ส .นครราชสีมา ได้ถึง 3 ที่นั่ง ก็ขึ้นแท่นรมช.เช่นกัน ...
ส่วนที่ประชาธิปัตย์ 8 เก้าอี้รัฐมนตรี เช่นกัน โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค จะนั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พาณิชย์ ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นั่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคสายใต้ เป็นรมช.มหาดไทย ตามรายงานข่าวบอกว่า เหลืออีก 4 ตำแหน่ง ที่ยังไม่นิ่ง คือ รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ รมช.สาธารณสุข รมช. คมนาคม และ รมช.ศึกษาธิการ ในจำนวนนี้ เป็นโควตาของภาคใต้ 2 เก้าอี้ ภาคเหนือ 1 เก้าอี้ อีสาน 1 เก้าอี้ และภาคกลาง 1 เก้าอี้
ดูที่ภาคใต้ก่อน แคนดิเดต ได้แก่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าภาคใต้ แต่นำทัพในถิ่นตัวเองพ่ายยับ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา สาย กปปส. ยังมี นายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง และ นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่วนภาคเหนือ 1 ตำแหน่ง มีการเสนอชื่อ 3 คน คือ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าภาคเหนือ
สำหรับสายอีสาน มีชื่อ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค และนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไชยยศ จิระเมธากร รองหัวหน้าภาคอีสาน ชิงกัน ขณะที่ภาคกลางมี ส.ส. 8 คน แต่ได้โควต้า รมต.1 ตำแหน่ง ชื่อ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค และ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ดูจะเด่นกว่าใคร
ในจำนวนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค ที่จะเสนอชื่อใคร ต่อที่ประชุมร่วม กก.บห. และส.ส.ของพรรค เป็นผู้ชี้ขาด
เมื่อแต่ละพรรคเคาะลงตัวแล้ว ก็จะเสนอชื่อให้ "ลุงตู่" ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้พิจารณา ตัดสินใจขั้นสุดท้าย เพราะต้องเป็นผู้ลงนามในการนำชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ดังนั้น "โผครม." ที่ว่านิ่งๆ นั้น อาจจะยังไม่นิ่งก็ได้ จนกว่าจะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว รัฐบาลเริ่มบริหารประเทศแล้ว ก็ใช่ว่าแรงกระเพื่อมจะหมดไปเสียทีเดียว ถ้า"ลุงตู่" เกิดไปเสนอชื่อรัฐมนตรี ที่ขัดกับระบบโควต้าของพรรคการเมือง อาจจะด้วยเพราะกลัว "เสียงยี้" จะตามมา หรือเหตุผลอื่นใด ก็แล้วแต่ ดังนั้น จึงมีกระแสข่าวว่า ครั้งนี้ "ลุงตู่"จะเป็นนายกฯ ควบรมว.กลาโหมเสียเอง
รูป -พรรณิการ์ วานิช
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา – จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ –อนุทิน ชาญวีรกูล –ชาดา ไทยเศรษฐ์ –วิษณุ เครืองาม
**เจ้าข้าเอ้ยยยย... "อีช่อ" ไม่ใช่แม่มด หยุดไล่ล่าได้แล้ว! เชื่อกันมั้ย? "ปิยะบุตร" ขอร้อง ร้อนแทนลูกพรรค ตีกันตำรวจอย่าใช้ความรู้สึกทำคดี สะพัด "ช่อ" ขออยู่พม่ายาว เลื่อนกำหนดกลับ
สังคมได้ติดตามเรื่องของ"ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคอนาคตใหม่ จะเข้าใจได้ง่ายๆเพราะไม่มีอะไรซับซ้อน...โลกโซเซียลฯ ตามภาพถ่ายที่โพสต์ในเฟซบุ๊กของ"ช่อ"เอานำมาตั้งคำถาม วิพากษ์วิจารณ์กันว่า เป็นการกระทำที่เหมาะสมหรือไม่ ...ทุกคนลงความเห็นภาพสวมชุดครุยถ่ายเล่นกับเพื่อนโดยกระทำกิริยาส่อไปทางลบ หลู่พระบรมฉายาลักษณ์ ... ยังมีอีกหลายโพสต์ของ"ช่อ" ก็มีลักษณะทำนองเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องลึกลับ เพราะช่อก็เปิดเผย เพิ่งจะมาปิดกั้นการเข้าถึงก็ตอนที่เป็นกระแส
งานนี้ว่ากันตรงไปตรงมา ฝ่ายเจ้าหน้าที่บ้านเมืองดำเนินการอย่างไม่ลำบาก ความผิดนั้นสำเร็จ ถามความเห็นคนที่ได้เห็นภาพ ไม่ต้องเป็นฝ่ายที่ขัดแย้งทางการเมืองหรือความคิดกันก็ได้ ...แบบแฟร์ๆ ดูว่า คิดอย่างไรกับ"ช่อ" ... คำตอบมีอยู่แล้วในตัวภาพ และต้องรับผิดตั้งแต่วินาที ที่"ช่อ"กดโพสต์เพื่อเผยแพร่
ไม่ใข่เรื่องล่าแม่มงแม่มด ที่ไหนอะไรเลย
คนเขาเรียกร้องกับ"ช่อ"ว่า กล้าทำก็ควรกล้ารับ แต่กลับตั้งป้อมแถไปวันๆ แถมมี "ติ่งส้มหวาน" ผสมโรงเชียร์เย้วๆไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีอยู่ในโลกโซเซียลฯเสมือนจริงของพวกเขา ... เรื่องกำลังพีค แต่แม่มดตอนนี้ "ช่อ" พรรณิการ์ ยังอยู่ระหว่างร่วมประชุมกับพรรคการเมือง และตัวแทนองค์กรระหว่างประเทศ ที่เมืองย่างกุ้ง ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 9- 12 มิ.ย. โดยมีกระแสข่าวสะพัดเลื่อนกำหนดกลับไทยจากเดิมวันที่ 12 มิ.ย.
เรียกว่าอยู่ยาวแค่ไหนไม่มีใครรู้ ทางนี้ปล่อยให้ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รับมือ ซึ่งเมื่อวานได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Piyabutr Saengkanokkul - ปิยบุตร แสงกนกกุล ระบุว่า "เช้านี้ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษในประเทศไทยทั้ง The Bangkok Post และ The Nation พร้อมใจกันพูดถึงประเด็นการล่าแม่มด ต่อกรณีของ พรรณิการ์ วานิช โฆษก # พรรคอนาคตใหม่ ... บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ฉบับวันนี้ ใช้ชื่อเรื่อง ว่า 'Witch-hunts must end' หรือ 'การล่าแม่มดต้องยุติลงได้แล้ว'
ตอนหนึ่งของบทบรรณาธิการกล่าวว่า “ตำรวจต้องจัดการกับกรณีนี้ด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง และต้องไม่นำความรู้สึก และจุดยืนทางการเมืองมาเกี่ยวข้องด้วยการล่าแม่มด และกล่าวหาว่าต่อต้านสถาบันฯ มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับความขัดแย้งทางการเมืองที่เรื้อรังของประเทศมากขึ้นไปอีก และไม่ได้นำเสนอทางออกใดๆ เลย" เรื่องตีกันและตีกินนี่เขาว่าเป็นของถนัดของเลขาฯส้มหวาน แต่ตำรวจไม่ได้คิดอย่างนั้นนะสิ ...
ล่าสุดตำรวจ สั่งการให้ ศปอส.ตร. , บก.ปอท. และตำรวจสันติบาล เร่งตรวจสอบการแชร์ภาพในอดีตของ"ช่อ" ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และช่องทางอื่นๆ ซึ่งทาง บก.ปอท. มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เป็นหลัก ... เบื้องต้น ผบก.ปอท. สั่งการให้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาตรวจสอบประวัติย้อนหลัง และคาดว่าเมื่อการตรวจสอบเสร็จสิ้นจะรายงานให้ผู้บังคับยัญชาทราบโดยเร็ว ตำรวจยืนยันว่าการทำงานนี้ จะพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ โปร่งใส เป็นธรรม และตรวจสอบได้
"ปิยะบุตร" เป็นอาจารย์กฎหมาย ย่อมรู้ดีคดีบุคคลการเมืองใดตามความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 ซึ่งจะมีอายุความ 20 ปี กระบวนการยุติธรรมมีเวลาให้เต็มที่ ไม่ต้องร้อนใจหากไม่ได้ทำอะไรผิด และต้องรู้อยู่ว่า กรณี"ช่อ" ตั้งค่าเฟซบุ๊กเป็นส่วนตัวหลังจากถูกขุด"โป๊ะแตก" เรื่องนี้ไม่มีปัญหาเรื่องการนำสืบ เพราะก่อนหน้านี้ ตำรวจได้เก็บข้อมูลไว้บางส่วนแล้ว
งานนี้เขาไม่ได้ไล่ล่าแม่มด แต่ไล่ล่าความจริงกันต่างหาก.
** "ลุงตู่"จัดครม.เที่ยวนี้ มีปัญหาหนักอก ตรงที่จะพา "รัฐมนตรีข้าวนอกนา" ฝ่าด่านระบบโควตาของพรรคการเมือง ที่ใช้วิธีนับหัวส.ส. แลกเก้าอี้ และตัด "รมต.เต้าหู้ยี้" ที่พรรคการเมืองส่งมาออกไปได้อย่างไร เพราะ ครั้งนี้ไม่เหมือนจัด ครม.เมื่อ 5 ปีที่แล้ว
ถึงวันนี้ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ที่มาตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยสมบูรณ์แล้ว จากนี้ก็มาถึงเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี ซึ่งในทางการเมืองถือว่า "สำคัญที่สุด" เพราะการเมืองเป็นเรื่องของ การให้ได้มา การรักษา และการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งผู้ใช้อำนาจนอกจากนายกรัฐมนตรี ก็คือ รัฐมนตรี ที่กำกับดูแลกระทรวงต่างๆ
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า การดึงพรรคการเมืองเข้าร่วมรัฐบาลนั้น มีเจรจาต่อรองถึงโควต้ากระทรวงต่างๆ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ รัฐมนตรีช่วยฯ ที่จะได้รับ กันอย่างดุเดือด เข้มข้น โดยมีตัวเลข ส.ส.มาเป็นเกณฑ์ในการตัดสิน พรรคไหนมี ส.ส.มาก ก็ยิ่งต้องการตำแหน่งรัฐมนตรีมาก อย่างเช่นการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทย และประชาธิปัตย์ มีส.ส.อยู่ 50 ต้นๆ แต่ได้ไปถึง 8 เก้าอี้รัฐมนตรี เฉลี่ยแล้ว ส.ส.6-7 คน ต่อ 1 เก้าอี้ ... ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ตั้งรัฐบาลได้ยาก การต่อรองยิ่งเข้มข้น เพราะพรรคร่วมต้องการกระทรวง เกรด เอ เกรด บี ... นี่คือการเมืองในระบอบประชาธิปไตยไทย ที่เป็นมาทุกยุคทุกสมัย
เกรดของกระทรวงที่แบ่งเป็น A-B-C นั้น ก็ยึดถือตามอำนาจการอนุมัติ การขออนุญาต และ ขนาดของโครงการ และงบประมาณของกระทรวงนั้นๆ อย่างเช่นครั้งนี้ กระทรวงเกรด เอ ที่พรรคการเมืองต้องการ ก็มี กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพลังงาน กระทรวงการคลัง เป็นต้น
การเคลียร์ตำแหน่งรัฐมนตรี การจัดวางตัวบุคคลที่จะอยู่ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ จึงเป็น "งานหิน" สำหรับ "ลุงตู่" ที่ต่างกันลิบลับ กับการตั้ง ครม.หลังการรัฐประหาร เพราะแต่ละพรรคยึดตัวเลข ส.ส. มาแปรเป็นเก้าอี้รัฐมนตรี แล้วแต่ละพรรค ก็มีหลายกลุ่มก๊วน หลายภาค ใครเป็น"หัวหน้ากลุ่ม" เป็น"ถุงเงิน" ที่พาส.ส.เข้ามาได้มาก ก็จะส่งคนในกลุ่มเข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ... แม้แต่พรรคพลังประชารัฐ ก็ไม่เว้น... ดังนั้น การตั้งคนที่ไม่ได้เป็น ส.ส. มานั่งตำแหน่งรัฐมนตรี หรือที่เรียกกันว่า "รัฐมนตรีข้าวนอกนา" จึงฝ่าด่าน ที่เป็นเหมือนกติกานี้ไปได้ยาก โดยเฉพาะผู้ที่จะติดตาม "ลุงตู่" มาจากครม.ชุดที่แล้ว...ถ้า "ไม่แข็งจริง" ก็หลุดเข้ามายาก
ดังนั้น จึงเห็นภาพ "พี่น้อง 3 ป." ออกงานร่วมกัน ที่สโมสรทหารบกเมื่อเช้าวานนี้ โดย "ลุงตู่" เปิดงานโครงการสร้างการรับรู้การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศแล้ว ก็ปิดห้องคุยกับ "ลุงป้อม" พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และ "ลุงป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา จากนั้น เมื่อกลับถึงทำเนียบรัฐบาล ก็มี "บิ๊กแดง" พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. มารอเข้าพบอยู่ก่อนแล้ว ...ตรงนี้มันเหมือนเป็นสัญญาณบอกอะไรบางอย่าง ท่ามกลางกระแสข่าวว่า "ลุงตู่" จะนั่งควบกลาโหม ... ขนาด"วิษณุ เครืองาม" รองนายกฯ มือกฎหมายคนสำคัญของรัฐบาลลุงตู่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาที่ใครๆ เชื่อว่า "ได้ไปต่อแน่" ยังบอกว่า ยังไม่ได้รับการทาบทามให้เข้าร่วมครม.ชุดใหม่ แล้วอย่างนี้ "นายทหาร" คนอื่นๆ ที่เคยร่วมครม. ยิ่งห่างไกล ...มิพักต้องพูดถึงคนนอก อย่าง "ดอน ปรมัตถ์วินัย" รมว.ต่างประเทศ ว่าจะได้ไปต่อ ... นี่ว่ากันเฉพาะโควตาสาย"ลุงตู่" เองยังน่าหนักใจถึงเพียงนี้ แล้วในพรรคพลังประชารัฐที่เป็นแกนนำรัฐบาลที่มีสารพัดกลุ่มก๊วน จะวุ่นวายขนาดไหน ...
คราวนี้ลองไปดูการจัดวางตัวบุคคลของ "เสี่ยหนู" หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ได้โควตามา 8 เก้าอี้ กันบ้างว่าเขาคัดกันอย่างไร ตามข่าวว่ามีการเคาะออกมาลงตัวแล้ว โดย "เสี่ยหนู" เป็นรองนายกฯควบ รมว.สาธารณสุข ได้ผลักดัน"กัญชาเสรี" ด้วยตัวเอง ต่อมา "นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ" เลขาธิการพรรค จาก "ถิ่นเซาะกราว" เนวินบุรี ได้นั่ง รมว.คมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ สามี"นางนาที รัชกิจประการ" แม่ทัพภาคใต้ ที่นำส.ส.เขตป้ายพรรคภูมิใจไทยถึง 8 ที่นั่ง จะได้ตำแหน่ง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ไปอุ้มชู ส่วนรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ 4 กระทรวง นายทรงศักดิ์ ทองศรี ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำพรรคสายเซาะกราว ได้เป็นรมช.มหาดไทย ส่วน"เจ้าพ่ออุทัย" นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี ที่คว้า ส.ส.มาได้ 3 ที่นั่ง คือ จ.อุทัยธานี 2 ที่นั่ง และนครสวรรค์ 1 นั่ง ถูกว่างตัวเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ ส่วนลูกสาวนายสุนทร วิลาวัลย์ "น.ส.กนกวรรณ วิลาวัลย์" ที่นำทัพได้ส.ส.ยกจังหวัดปราจีนบุรี มา 3 ที่นั่ง จะได้เป็น รมช.ศึกษาธิการ ส่วนอีกคนที่จะได้เป็น รมช. คือนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล ส.ส.บัญชีรายชื่อ แกนนำภาคอีสาน ที่เป็นประธานบริหาร บริษัท แป้งมันเอี่ยมเฮง จำกัด กวาด ส.ส .นครราชสีมา ได้ถึง 3 ที่นั่ง ก็ขึ้นแท่นรมช.เช่นกัน ...
ส่วนที่ประชาธิปัตย์ 8 เก้าอี้รัฐมนตรี เช่นกัน โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค จะนั่งรองนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.พาณิชย์ ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นั่ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคสายใต้ เป็นรมช.มหาดไทย ตามรายงานข่าวบอกว่า เหลืออีก 4 ตำแหน่ง ที่ยังไม่นิ่ง คือ รมว.พัฒนาสังคม และความมั่นคงของมนุษย์ รมช.สาธารณสุข รมช. คมนาคม และ รมช.ศึกษาธิการ ในจำนวนนี้ เป็นโควตาของภาคใต้ 2 เก้าอี้ ภาคเหนือ 1 เก้าอี้ อีสาน 1 เก้าอี้ และภาคกลาง 1 เก้าอี้
ดูที่ภาคใต้ก่อน แคนดิเดต ได้แก่ นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าภาคใต้ แต่นำทัพในถิ่นตัวเองพ่ายยับ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช หลายสมัย นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา สาย กปปส. ยังมี นายวิรัช ร่มเย็น อดีต ส.ส.ระนอง นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง และ นายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ส่วนภาคเหนือ 1 ตำแหน่ง มีการเสนอชื่อ 3 คน คือ นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าภาคเหนือ
สำหรับสายอีสาน มีชื่อ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรค และนายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไชยยศ จิระเมธากร รองหัวหน้าภาคอีสาน ชิงกัน ขณะที่ภาคกลางมี ส.ส. 8 คน แต่ได้โควต้า รมต.1 ตำแหน่ง ชื่อ นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรค และ นายมนตรี ปาน้อยนนท์ ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ ดูจะเด่นกว่าใคร
ในจำนวนนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่า นายจุรินทร์ หัวหน้าพรรค ที่จะเสนอชื่อใคร ต่อที่ประชุมร่วม กก.บห. และส.ส.ของพรรค เป็นผู้ชี้ขาด
เมื่อแต่ละพรรคเคาะลงตัวแล้ว ก็จะเสนอชื่อให้ "ลุงตู่" ในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้พิจารณา ตัดสินใจขั้นสุดท้าย เพราะต้องเป็นผู้ลงนามในการนำชื่อคณะรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ ดังนั้น "โผครม." ที่ว่านิ่งๆ นั้น อาจจะยังไม่นิ่งก็ได้ จนกว่าจะมีการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และเมื่อมีการโปรดเกล้าฯ แล้ว รัฐบาลเริ่มบริหารประเทศแล้ว ก็ใช่ว่าแรงกระเพื่อมจะหมดไปเสียทีเดียว ถ้า"ลุงตู่" เกิดไปเสนอชื่อรัฐมนตรี ที่ขัดกับระบบโควต้าของพรรคการเมือง อาจจะด้วยเพราะกลัว "เสียงยี้" จะตามมา หรือเหตุผลอื่นใด ก็แล้วแต่ ดังนั้น จึงมีกระแสข่าวว่า ครั้งนี้ "ลุงตู่"จะเป็นนายกฯ ควบรมว.กลาโหมเสียเอง
รูป -พรรณิการ์ วานิช
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา – จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ –อนุทิน ชาญวีรกูล –ชาดา ไทยเศรษฐ์ –วิษณุ เครืองาม