xs
xsm
sm
md
lg

เปลือยตัวตนล่อนจ้อน "ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ" จะไปต่อแบบไหน !?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

**จะเรียกว่ากรรมในอดีตามมาหลอกหลอนพวกเขาในแบบ "ไม่คาดคิด" จนทำให้ตั้งตัวไม่ทัน ลักษณะจึงไม่ต่างจาก "โป๊ะแตก" จนทำให้ต้องแก้ตัว หรือตั้งรับกันพัลวัน ใช่แล้ว กำลังกล่าวถึงหัวขบวนของพรรคอนาคตใหม่ ที่มี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรค และล่าสุดที่กำลังมาแรงก็คือ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค
อย่างไรก็ดี จะว่าไปแล้วสำหรับใครที่เคยเห็นการเคลื่อนไหวของคนพวกนี้มานานก็คงไม่ได้แปลกใจนักกับภาพที่ถูกเปิดโปงและเผยแพร่ แชร์กันในโลกโซเชียลฯ จนสร้างความเดือดดาล ช็อก คาดไม่ถึง หลากหลายอารมณ์ กับท่าทาง อากัปกิริยาที่แสดงออกมาแบบนั้น แม้ว่ากรณีของ พรรณิการ์ วาณิช จะเป็นภาพที่เกิดขึ้นในอดีตนานหลายปีแล้ว ตั้งแต่เพิ่งจบการศึกษามหาวิทยาลัยก็ตาม แต่อย่างหนึ่งที่สะท้อนทัศนคติ และตัวตนของเธอว่า "เป็นแบบนั้น" มาตั้งนานแล้ว
ขณะเดียวกันหากพิจารณากันรวมๆ พร้อมๆ กับ กรณีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ก่อนหน้านี้สังคมบางกลุ่มก็รับรู้กันมานานแล้วว่า เขาเป็น"นายทุน" คนสำคัญที่สนับสนุนนิตยสาร "ฟ้าเดียวกัน" ที่วิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็นแบบเจาะจงไปที่"สถาบันพระมหากษัตริย์"มาอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเคลื่อนไหวในทางสังคมในมุมของพวกเขา ซึ่งไม่ต่างจาก ปิยบุตร แสงกนกกุล ที่ก่อนหน้านี้หลายคนจดจำได้ก็คือ ร่วมเคลื่อนไหวกับกลุ่มที่เรียกว่า "นิติราษฎร์" พยายามผลักดันให้ยกเลิกหรือแก้ไข "มาตรา112" ที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมไปถึงการเดินสายอภิปรายทางวิชาการ หรือใช้สื่อโซเชียลฯ วิพากษ์วิจารณ์สถาบันฯอย่างเผ็ดร้อน
อย่างไรก็ดี การเคลื่อนไหวและการแสดงออกดังกล่าวส่วนใหญ่เกิดขึ้นในช่วงก่อนหน้าที่พวกเขาจะหันเหเข้ามาสู่วงการเมืองโดยตรง ยังไม่ได้เป็น ส.ส.ผู้ทรงเกียรติอย่างทุกวันนี้ แต่ก็อย่างว่าแหละ บางทีการการวิพากษ์วิจารณ์อยู่วงนอกมันมันปาก อาจดูเท่ ดูเก๋ เข้าใจว่านั่นเป็น"วิถีคนรุ่นใหม่" ส่วนคนอื่นที่ถูกวิจารณ์ อาจมองว่าเป็นพวกอนุรักษ์นิยม ล้าสมัย อะไรประมาณนี้
การอยู่วงนอก สถานะมันต่างกันกับในปัจจุบันนี้ที่ตัวเองกระโดดลงมาสู่สนามการเมือง เป็นนักการเมืองเต็มตัว เป็นส.ส. ทุกอย่างย่อมตรงกันข้าม กลายมาเป็น "ต้องถูกตรวจสอบ" อย่างละเอียด ไม่ต่างจากการเป็นเป้าถูกตรวจสอบเหมือนกับ "การถูกแก้ผ้ากลางตลาด" ใฝฝ้า ทั้งนอกในร่มผ้า จะถูกเปิดออกดูให้เห็นกันหมด
**ที่สำคัญสิ่งที่เห็นในวันนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำมาก่อนด้วยตัวเองทั้งสิ้น และปฏิเสธไม่ได้ก็คือ ในเมื่อพวกเขาเติบโตมากับโลกโซเชียลฯ แต่อีกด้านหนึ่ง หลักฐานที่ถูกขุดคุ้ย เปิดเผยให้เห็นตัวตนแท้จริงในวันนี้ ก็กำลังแพร่กระจายในโลกโซเชียลฯ กลับย้อนไปหาพวกเขานั่นแหละ
อย่างไรก็ดี เวลานี้สิ่งที่เขาคาดไม่ถึงก็คือ ทุกอย่างกำลังเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ และด้วยพฤติกรรมที่ "เล่นใหญ่" เกินตัวดังกล่าวในอดีตล้วนกลับมาสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อพวกเขา และกับพรรคอนาคตใหม่โดยรวมอย่างที่ตั้งตัวไม่ติด อย่างน้อยในกรณีทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ก็ย่อมทำให้อยู่ไม่เป็นสุข เพราะสังคมตั้งคำถาม เกิดแรงกดดันเข้ามาอย่างมหาศาล แบบที่ไม่เคยพบมาก่อนก็แล้วกัน
แต่ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่งเมื่อพิจารณาจากท่าทีล่าสุดของคนพวกนี้ ยังออกมาในเชิงที่ไม่แคร์ ยังมั่นใจในกระแสโซเชียลฯ อย่างที่ พรรณิการ์ วานิช แย้มให้ได้ยินในทำนองว่า "เรามีโชเชียลฯ เป็นเครื่องมือ แพ้ชนะตัดสินกันที่ว่า ใครสามารถใช้เครื่องมือชนิดนี้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางความคิดได้มากกว่ากัน" ในความหมายก็คือ จะสู้ต่อโดยจะปลุกความคิดของคนในสังคมผ่านทางสื่อโซเชียลฯ นั่นแหละ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่พวกเขาต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว
**สิ่งที่ต้องพิจารณากันก็คือ นาทีนี้พวกเขาได้เผยตัวตนออกมาให้สังคมภายนอกได้เห็นตัวตนชนิดที่เรียกว่า "เปลือยล่อนจ้อน" แล้ว ก็อาจจะเป็นได้ตามศัพท์แสงของฝ่ายซ้ายยุคก่อนที่เรียกว่ายังมี "สหายร่วมแนว" ร่วมเสี่ยงกันต่อไป แต่นั่นก็คงเหลือจำนวนที่ลดลงกว่าเดิม เพราะเชื่อว่าคนที่เคยรักและเคารพสถาบันฯ แต่ไม่เคยรู้ที่มาที่ไปของคนทั้งสามคนนี้มาก่อน อาจเคยหลงนิยมชมชอบ แต่นับจากนี้ไปเชื่อคงมีหลายคนที่ถอยห่าง ไม่กล้าเข้าใกล้ ดังนั้นในมุมที่ส่งสัญญาณกลับมาว่าจะ "ไปต่อ" นั้นจะไปแบบไหนกันแน่ !!
กำลังโหลดความคิดเห็น