วานนี้ (11มิ.ย.) นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ได้ยื่นหนังสือลาออกสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แล้ว เนื่องจากมองว่า พรรคฯถูกขับเคลื่อนไปในทิศทางที่เห็นต่างกับตนเอง โดยก่อนที่จะยื่นหนังสือลาออก ก็ได้ตัดสินใจมาหลายวันแล้ว และ ได้แจ้งต่อผู้ใหญ่ในพรรค ทั้งทางวาจา และหนังสือถึง โดยยื่นให้ผู้ใหญ่ในพรรคกว่า 10 คน ถึงมุมมองและอุดมการณ์ ในฐานะนักเสรีประชาธิปไตย
สำหรับเนื้อหาในหนังสือ ได้กล่าวถึง 3 เรื่อง คือ ทำไมพรรคถึงแพ้ - การปฏิรูปพรรค และ แนวทางทางการเมือง โดยเสนอว่า ไม่ให้ไปร่วมกับเพื่อไทย และพลังประชารัฐ ซึ่งผู้ใหญ่ที่รับหนังสือแล้ว ก็มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยบ้าง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสามเหตุหลักที่ตัดสินใจลาออก เพราะพรรคฯไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และถึงแม้จะลาออกจากพรรคแล้ว ก็จะไม่หนีไปไหน ยังสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะเป็นเพื่อนกัน โดยส่วนตัวจะยังคงทำงานขับเคลื่อนแนวคิดเสรีประชาธิปไตยต่อไป เพื่อให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ ไม่เอากับประชานิยม เผด็จการ และ การทุจริตประพฤติมิชอบ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ สมาชิกพรรคทยอยลาออก ก็ได้เชิญทุกคนที่มีแนวคิดเดียวกัน มาร่วมกลุ่มพลังที่ 3 ทางการเมือง ที่มีธรรมาภิบาลกำกับ โดยมีการพูดคุยกับกลุ่ม เอ็นจีโอ และ นักวิชาการ ส่วนการตั้งพรรคการเมือง ยอมรับว่าเป็นไปได้ แต่มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเริ่มต้นวันนี้ คือการหาแนวร่วมกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน โดยขณะนี้ยังไม่มีการชักชวน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้มาร่วม แต่ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย อดีตกลุ่มนิวเดม โดยขณะนี้ส่วนตัวก็มีรายชื่อไว้หมดแล้ว นอกจากนี้นายกษิต ยังปฏิเสธไม่ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นหากมาชักชวน เพราะทางกลุ่มสามารถขับเคลื่อนทางการเมืองได้ แม้จะไม่มีส.ส. ก็ตาม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายกษิต ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ตนไม่ประสงค์ที่จะเห็นใครลาออกจากพรรค แต่ก็ต้องเคารพความเห็นแต่ละคน ที่มีความเห็นเฉพาะตัว แต่ก็ยังมีผู้ปรารถนาจะมาทำงานร่วมกับพรรคอีกหลายคน โดยจะทยอยเรียนให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่า แนวทางที่พรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ โดยไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ในการหาเสียง เป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว นายจุรินทร์ กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าว เป็นมติพรรค และเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ ซึ่งต้องเคารพกัน และต้องฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาทั้งปวง ที่จะเกิดขึ้น แต่เรามั่นใจว่า เมื่อได้ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะมีผลกระทบทั้งทางบวก ทางลบ เพราะมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ การพิสูจน์ ด้วยการสร้างผลงานในรัฐบาล ให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้พรรคเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรคปชป.ชุดใหม่ ได้เริ่มทยอยปรับปรุงห้องทำงาน ในอาคารควง อภัยวงศ์ ซึ่งเดิมเป็นสถานที่ทำงานของนายอภิสิทธิ์ โดยมีการปรับปรุงห้องแถลงข่าวรวมถึงห้องทำงานของสื่อมวลชน และได้มีการลอกสติ๊กเกอร์ภาพนายอภิสิทธิ์ ในอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งติดไว้บริเวณกระจกด้านหน้าอาคาร รวมทั้ง พิมพ์เขียวประเทศไทย ออกด้วย
สำหรับเนื้อหาในหนังสือ ได้กล่าวถึง 3 เรื่อง คือ ทำไมพรรคถึงแพ้ - การปฏิรูปพรรค และ แนวทางทางการเมือง โดยเสนอว่า ไม่ให้ไปร่วมกับเพื่อไทย และพลังประชารัฐ ซึ่งผู้ใหญ่ที่รับหนังสือแล้ว ก็มีโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยบ้าง
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าสามเหตุหลักที่ตัดสินใจลาออก เพราะพรรคฯไปร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และถึงแม้จะลาออกจากพรรคแล้ว ก็จะไม่หนีไปไหน ยังสามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะเป็นเพื่อนกัน โดยส่วนตัวจะยังคงทำงานขับเคลื่อนแนวคิดเสรีประชาธิปไตยต่อไป เพื่อให้มีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบ ไม่เอากับประชานิยม เผด็จการ และ การทุจริตประพฤติมิชอบ
ส่วนที่ก่อนหน้านี้ สมาชิกพรรคทยอยลาออก ก็ได้เชิญทุกคนที่มีแนวคิดเดียวกัน มาร่วมกลุ่มพลังที่ 3 ทางการเมือง ที่มีธรรมาภิบาลกำกับ โดยมีการพูดคุยกับกลุ่ม เอ็นจีโอ และ นักวิชาการ ส่วนการตั้งพรรคการเมือง ยอมรับว่าเป็นไปได้ แต่มองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการเริ่มต้นวันนี้ คือการหาแนวร่วมกลุ่มคนที่มีแนวคิดเดียวกัน โดยขณะนี้ยังไม่มีการชักชวน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้มาร่วม แต่ยอมรับว่า ได้มีการพูดคุยกับ นายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย อดีตกลุ่มนิวเดม โดยขณะนี้ส่วนตัวก็มีรายชื่อไว้หมดแล้ว นอกจากนี้นายกษิต ยังปฏิเสธไม่ไปร่วมงานกับพรรคการเมืองอื่นหากมาชักชวน เพราะทางกลุ่มสามารถขับเคลื่อนทางการเมืองได้ แม้จะไม่มีส.ส. ก็ตาม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายกษิต ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ตนไม่ประสงค์ที่จะเห็นใครลาออกจากพรรค แต่ก็ต้องเคารพความเห็นแต่ละคน ที่มีความเห็นเฉพาะตัว แต่ก็ยังมีผู้ปรารถนาจะมาทำงานร่วมกับพรรคอีกหลายคน โดยจะทยอยเรียนให้ทราบต่อไป
เมื่อถามว่าขณะนี้ยังมั่นใจหรือไม่ว่า แนวทางที่พรรคตัดสินใจร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ โดยไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้ในการหาเสียง เป็นทิศทางที่ถูกต้องแล้ว นายจุรินทร์ กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าว เป็นมติพรรค และเป็นความเห็นของคนส่วนใหญ่ ซึ่งต้องเคารพกัน และต้องฟันฝ่าอุปสรรคปัญหาทั้งปวง ที่จะเกิดขึ้น แต่เรามั่นใจว่า เมื่อได้ตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่งไปแล้ว จะมีผลกระทบทั้งทางบวก ทางลบ เพราะมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่สิ่งที่ต้องทำต่อไปคือ การพิสูจน์ ด้วยการสร้างผลงานในรัฐบาล ให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้พรรคเป็นที่ยอมรับมากขึ้นในอนาคต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารพรรคปชป.ชุดใหม่ ได้เริ่มทยอยปรับปรุงห้องทำงาน ในอาคารควง อภัยวงศ์ ซึ่งเดิมเป็นสถานที่ทำงานของนายอภิสิทธิ์ โดยมีการปรับปรุงห้องแถลงข่าวรวมถึงห้องทำงานของสื่อมวลชน และได้มีการลอกสติ๊กเกอร์ภาพนายอภิสิทธิ์ ในอิริยาบถต่าง ๆ ซึ่งติดไว้บริเวณกระจกด้านหน้าอาคาร รวมทั้ง พิมพ์เขียวประเทศไทย ออกด้วย