xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** “เชื่อแป้ง”เมื่อเส้นทางชีวิตตัวตนของ “นวลพรรณ ล่ำซำ”ที่มาลงตัวกับ “เชื่อเมืองไทยประกันภัย”

ในวันที่สภาฯวุ่นวาย กับเรื่องโหวตเลือก"ลุงตู่" พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง เป็นวันเดียวกันที่ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ CEO เมืองไทยประกันภัย ถือกฤษ์เปิดแคมเปญ "เชื่อแป้ง" ขึ้นเวทีทอล์กโชว์เป็นครั้งแรก พูดถึงชีวิตกับภารกิจ10 ปีที่ผ่านมา อย่างหมดเปลือก บอกทุกอย่างทำภายใต้ความตั้งใจและความเชื่อ
"มาดามแป้ง" ย้อนเส้นทางการทำงานในชีวิตที่ผ่านมาจนประสบความสำเร็จ กับบทบาทหน้าที่ ซึ่งมีความแตกต่างหลากหลายอย่างสิ้นเชิง โดยแฝงไปด้วยมุมมอง ความเชื่อในการทำงาน โดยเฉพาะช่วงชีวิตการทำงาน 10 ปี ซึ่งแฟนกีฬาจะรู้จักเธอดีในวงการฟุตบอลหญิง หรือภารกิจผู้นำทัพ “ชบาแก้ว” เป็นผู้จัดการทีม ทำทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย จากความรู้ความเข้าใจที่เริ่มต้นจาก"ศูนย์" ผ่านความเสียใจในจุดเริ่มต้นแต่ไม่ท้อถอย จนกลายเป็นบุคคลเบื้องหลังสำคัญที่นำพาทีมฟุตบอลหญิงไทยสร้างประวัติศาสตร์คว้าตั๋วไปเล่นในรายการแข่งขัน "ฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก" ถึงสองสมัยติดต่อกัน เมื่อ ปี 2015 ที่ประเทศแคนาดา และครั้งล่าสุด ปี 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งกำลังแข่งกันในเดือนนี้
ต้องยอมรับว่า โอกาสที่จะไปเล่นฟุตบอลโลกของทีมชาติไทยฝ่ายชายนั้น เป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน สำหรับทีมหญิงก็ยากเหมือนกัน แต่พอทำสำเร็จ ได้สร้างความภาคภูมิใจให้คนไทยทั้งประเทศ
หลังจากทีมชบาแก้ว "มาดามแป้ง" ที่ยังหลงไหลกีฬาฟุตบอลก็ตัดสินใจครั้งใหญ่ เข้ามาบริหารทีมฟุตบอลชายลีกอาชีพ ด้วยการนั่งตำแหน่งประธานสโมสรฟุตบอลอาชีพ “การท่าเรือ เอฟ.ซี.”กลายเป็นสีสัน และ แม่ทัพหญิงในการนำแข้งสิงห์เจ้าท่า ลงสู้ศึกไทยพรีเมียร์ลีก
ทว่า หนทางก็ไม่ได้ราบเรียบ ต้องพบเจอกับปัญหาอุปสรรคนานัปการที่แตกต่างในทุกฤดูกาล แต่ด้วยประสบการณ์ ความตั้งใจจริง และความเชื่อในการทำงานทุกด้าน ก็ทำให้เจตนารมณ์ในการมีส่วนร่วมพัฒนาวงการฟุตบอลของไทยเป็นที่ประจักษ์เช่นปัจจุบัน
นี่คือชีวิต และตัวตนของ "นวลพรรณ ล่ำซำ" ซึ่งเมื่ออยู่ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ก็เป็นเฉกเช่นเดียวกัน... การรีเฟรชภาพลักษณ์ของแบรนด์ “เมืองไทยประกันภัย”ครั้งใหญ่ ซึ่งถูกวางให้มีความทันสมัย สดใส อบอุ่น และเข้าถึงง่าย ผ่านตัวตนจริงๆ ของ "แป้ง-นวลพรรณ ล่ำซำ" ที่คนเชื่อมั่นในประสบการณ์จากการบริหารงานในหลากหลายวงการมานาน
แคมเปญ "Believe"เชื่อแป้ง เชื่อเมืองไทยประกันภัย จึงลงตัวไปด้วยกันด้วยประการฉะนี้

** โซเชียลฯประกบคู่ใหม่ ระหว่าง "ช่อ" พรรณิการ์ กับ"คุณหญิงหมอ" ว่าด้วยเรื่อง "สูททูโทน" ที่ไม่ถูกกาลเทศะ กับ "หัวม่วง" สร้างสีสันในวันโหวตเลือกนายกฯ

การประชุมรัฐสภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้ คอการเมืองส่วนหนึ่งที่นิยม "สีสันการเมือง" คงเฝ้ารอการอภิปรายของ "เอ๋" ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กับ "ช่อ" พรรณิการ์ วานิช ว่าจะมีการ พาดพิง ปะทะคารมกันหรือไม่ หลังจากก่อนหน้านั้นมีกระแสดรามา เรื่อง "อีช่อ" มาแล้ว
แต่ปรากฏว่าเกิดดรามาคู่ใหม่ในโลกโซเชียลฯ เมื่อ "หมอพรทิพย์" แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเกี่ยวกับบรรยากาศการประชุมรัฐสภาว่า... วันแรกในสภา รู้สึกได้อย่างหนึ่งว่านักกฎหมายเดินตามตัวบท หรือตัวหนังสือ ที่ต้องตีความอธิบายความ เนื้อหาอาจถูกตีความได้หลายอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้กฎหมาย จะว่าอะไรถูก อะไรผิด แต่ละครั้งค่อนข้างใช้เวลา ...นึกย้อนมาถึงวิชาแพทย์ เราถูกสอนว่าถ้าเห็นสัญญาณการเจ็บป่วย แม้เพียงเริ่มต้น แพทย์ต้องรีบรักษา ต้องหาทางป้องกัน ถ้ารอจนมีอาการชัดเจนครบถ้วนอาจรักษาไม่ทัน หรืออาจมีความเสียหายรุนแรง...มองมาที่เสื้อผ้า ส.ส.บางคน เสื้อผ้าที่ใส่ ใช่ชุดไว้ทุกข์หรือไม่ ธรรมเนียมของชุดไว้ทุกข์ คือ สีดำทั้งชุด การแต่งกายเช่นนี้ไม่ตรงธรรมเนียมปฏิบัติ หรือนี่ก็คือการตีความอย่างหนึ่ง # เก็บตกจากห้องประชุมรัฐสภา...
"หมอพรทิพย์" ได้โพสต์ภาพประกอบไปด้วย เป็นภาพ ส.ส.ชาย ที่ไม่ได้ผูกเนคไทสีดำ และภาพของ ส.ส.หญิง คือ "พรรณิการ์" ที่สวมชุดสูท "ทูโทน" สีขาวที่ด้านบนแล้วไล่โทนสีดำลงไปด้านล่าง ...ก็เลยเป็นเรื่องเป็นราวในโซเชียลฯ ขึ้นมาทันที ...
ขณะที่"ช่อ" พรรณิการ์ ออกมาชี้แจงเรื่องการแต่งกายที่ถูกวิจารณ์ในเชิงตำหนิ ว่า ชุดที่ส่วใส่มานั้น เป็นแจ็กเก็ตสูท โทนสีขาว-ดำ แบรนด์ "โพเอม" (POEM) คอลเลคชั่น Black & White OMBRE เหมาะสมกับกาลเทศะ ไม่ใช่ชุดที่ไม่สุภาพ เพราะรู้ว่า การแต่งกายที่ถูกกาลเทศะ เป็นเรื่องสำคัญ แต่แปลกใจที่ทำไม"คุณหญิงพรทิพย์" ถึงมาว่าชุดที่ใส่ ไม่ใช่ชุดขาวดำไว้ทุกข์ อาจเป็นไปได้ว่าเห็นจากในทีวี หรือในโซเชียลฯ จึงทำให้สีเพื้ยนไปเป็นสีน้ำเงิน...แต่ไม่ติดใจที่"คุณหญิง"โพสต์ไปเช่นนั้น เพราะ ความสำคัญของการประชุมรัฐสภา เพื่อโหวตเลือกนายกฯ อยู่ที่ การพิจารณาคุณสมบัติบุคคลที่เหมาะสม การแสดงวิสัยทัศน์ ไม่ใช่ให้ความสำคัญว่า จะใส่ชุดอะไรมาโหวต ...
เมื่อเรื่องราวของทั้งคู่ ถูกแชร์ในโซเชียล ...แน่นอนว่า "หมอพรทิพย์" โดนถล่มหนัก ทั้งเรื่องการเป็นส.ว. เพื่อมารับใช้เผด็จการสืบทอดอำนาจ เรื่อง"หัวม่วง" อันเป็นเอกลักษณ์... เพราะเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่า ในโลกโซเชียลฯ ใครไปแตะ "ช่อ" ได้ที่ไหน เพราะพรรคนี้เขามีทีม "จัดตั้ง" ไว้คอยตอบโต้ในโซเชียลฯโดยเฉพาะอยู่แล้ว เล่นเอา"คุณหญิงพรทิพย์" ต้องลบโพสต์ไป พร้อมออกมาชี้แจงถึงเรื่องการแต่งกาย ณ เวลานี้ว่า แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1. เพื่อไว้ทุกข์ประธานองคมนตรี 2. เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
... วาระนี้ ไม่ใช่การแต่งกายทั่วไป ส่วนแรกการไม่ใส่สีเหลือง มันก็บอกนัย ส่วนที่สอง ที่มีการกำหนดให้ไว้ทุกข์ และก็ไม่ไว้ทุกข์ หรือว่า แต่งแปลกหน่อย ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ... ฉะนั้น การแต่งกายเช่นนี้ เท่ากับการจะสื่อเจตนา หรือเหมือนว่า คุณจะบอกอะไรกับสังคมหรือไม่ ต้องคิดเอง หมอไม่ว่าอะไร...
อีกเรื่องคือ กระบวนการที่เอาคนเข้ามาถล่มในโซเชียลฯ ผู้ที่เล่นเฟซบุ๊ก แล้วถล่มด้านลบเนี่ย จริงๆ หมอมองว่า "เขาคือคนไม่กล้าค่ะ และยังเพาะบ่มนิสัยก้าวร้าว" ซึ่งเราไม่ไปตอบโต้อยู่แล้ว ...
ส่วนเรื่อง"สีผม" มันเป็นเรื่องคนละส่วน กับแนวทางเรื่องการไว้ทุกข์ เพราะเรื่องแต่งกายเป็นเรื่องที่เขาบังคับมากที่สุดอยู่แล้ว เรื่องสีผม ใครจะว่าอะไร ก็ไม่สนใจ คือมันคนละเรื่องกันเลย ...ถ้าหมอแคร์นะ หมอย้อมกลับไปนานแล้วค่ะ ... คนอย่างหมอ เป็นคนที่ตั้งใจรักษาธรรมะ และก็รักษาแผ่นดิน ฉะนั้นถ้าเรามองว่า บางสิ่งบางอย่าง มันจะไปรบกวน หรือมีเจตนาที่จะไปทำลายสถาบัน ทั้งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หมอมีความเห็นว่า เราต้องลุกขึ้นมาปกป้อง...
ต้องยอมรับว่า ดรามาเรื่อง "ชุดสูททูโทน" กับ "หัวม่วง" ของ 2 สุภาพสตรีผู้ทรงเกียรติ ฮอตกว่าการอภิปราย "คุณสมบัตินายกฯ" ในที่ประชุมสภา เยอะเลย

** เมื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ลาออกจาก ส.ส. ทำให้ "สุทัศน์ เงินหมื่น" อดีตขุนพลอีสาน ของประชาธิปัตย์ ที่ปัจจุบันบารมีถดถอย ตกไปอยู่ในลำดับที่ 21 ของบัญชีรายชื่อ ได้เป็นส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แบบส้มหล่น

การลาออกจากการเป็น ส.ส.ของ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ด้วยเหตุ "ลำบากใจ" ที่จะต้องโหวตให้ "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ตามมติของของที่ประชุมกรรมการบริหารฯ และส.ส.ของพรรค ทำให้ "สุทัศน์ เงินหมื่น" ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อ ลำดับ ที่ 21 ของพรรค ได้เลื่อนขึ้นมาเป็น ส.ส. โดยอัตโนมัติ
"สุทัศน์ เงินหมื่น" จบนิติศาสตร์บัณฑิต ม.ธรรมศาสตร์ แล้วยึดอาชีพทนายความ ก่อนสมัครรับเลือกตั้ง และได้เป็น ส.ส. มาตั้งแต่ ปี 2518 จากนั้นก็เป็นมาต่อเนื่องยาวนานหลายสมัย เคยดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีหลายกระทรวง เช่น รมช.สาธารณสุข รมช.เกษตรและสหกรณ์ รมช.มหาดไทย และ รมว.ยุติธรรม
ได้รับความไว้วางใจจากพรรค ให้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่ ภาคอีสานใต้ หลายจังหวัด อาทิ อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ยโสธร ศรีสะเกษฯ จนได้รับฉายาเป็น "ขุนพลอีสาน" ของพรรค ของพรรคประชาธิปัตย์
ในการเลือกตั้ง ปี 2544 นายสุทัศน์ ย้ายไปลงสมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนในพื้นที่ได้ให้ลูกชาย "อภิวัฒน์ เงินหมื่น" ลงสมัครแทน ซึ่งก็ได้รับการเลือกตั้งเป็นส.ส. ต่อมาการเลือกตั้ง ปี 2550 "สุทัศน์" ต้องรับผิดชอบดูแลการเลือกตั้งของ พรรคประชาธิปัตย์ ในภาคอีสานตอนบน รวม 10 จังหวัด แต่บรรดาลูกทีม ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เนื่องจากช่วงนั้น กระแส "ทักษิณ ชินวัตร" ในภาคอีสานมาแรงมาก แต่ตัวเขาก็สามารถรอดมาได้ ซึ่งผลจากการเลือกตั้งครั้งนั้น ทำให้ "บารมี" ของเขาลดลงไปมาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ พรรคประชาธิปัตย์ จัดตั้ง "ครม.เงา" ขึ้นเป็นครั้งแรก นายสุทัศน์ ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรค ให้ทำหน้าที่ รองนายกรัฐมนตรีเงา ดูแลตรวจสอบ กระทรวงยุติธรรม แรงงาน และ สาธารณสุข ต่อมาในการเลือกตั้ง พ.ศ. 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ และได้รับเลือกตั้งเป็นส.ส.อีกสมัย
กระทั่งในการเลือกตั้ง 24 มี.ค.62 ที่ผ่านมา "สุทัศน์" ได้รับการจัดให้อยู่ในลำดับที่ 21 ของผู้สมัคร ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ ตามหลัง "จิตภัสร์ ตั๊น กฤดากร" ซึ่งอยู่ในลำดับ ที่ 20 และเพิ่งได้รับการรับรองให้เป็น ส.ส.ไปก่อนหน้านี้ หลังการเลือกตั้งใหม่ ที่ เขต 8 เชียงใหม่ และ เมื่อ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" ประกาศลาออก "สุทัศน์" จึงได้เป็น ส.ส.ส้มหล่นคนล่าสุด

รูป –นวลพรรณ ล่ำซำ
-พรรณิการ์ วานิช - " แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์
-สุทัศน์ เงินหมื่น



กำลังโหลดความคิดเห็น