นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยระหว่างการเป็นประธานพิธีมอบรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่น เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจำปี 2562 ว่า ครม. มีมติเห็นชอบ กำหนดให้วันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รำลึกถึงความสำคัญของข้าวที่คนไทยใช้เป็นพืชอาหารหลัก รวมทั้งเพื่อเชิดชูเกียรติชาวนา ที่ได้เสียสละปลูกข้าวให้คนไทยได้มีอาหารบริโภคอย่างสมบูรณ์ตลอดมา
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าวได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชาวนา จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวระดับประเทศ เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจาปี 2562 ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ในระหว่างวันที่ 5 -7 มิ.ย.62 ณ บริเวณกรมการข้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และพระราชวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงให้ความสำคัญต่อกิจการด้านข้าวมาโดยตลอด
"ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ได้ให้ความสำคัญกับชาวนามาโดยตลอด เพราะถือว่ากลุ่มคนที่อยู่ในอาชีพนี้ คือผู้ผลิตอาหารหลักและสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้รัฐจึงพยายามยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวนาให้ดีขึ้น โดยการสนับสนุนให้ทำการเกษตรสมัยใหม่ ใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ หรือนาแปลงใหญ่ แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ซึ่งโครงการเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและเป็นรากฐานที่มั่นคงยั่งยืนให้แก่พี่น้องชาวนาต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าวได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมทั้งชาวนา จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวระดับประเทศ เนื่องในวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ประจาปี 2562 ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ในระหว่างวันที่ 5 -7 มิ.ย.62 ณ บริเวณกรมการข้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และพระราชวงศ์ทุกพระองค์ ที่ทรงให้ความสำคัญต่อกิจการด้านข้าวมาโดยตลอด
"ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ได้ให้ความสำคัญกับชาวนามาโดยตลอด เพราะถือว่ากลุ่มคนที่อยู่ในอาชีพนี้ คือผู้ผลิตอาหารหลักและสร้างรายได้ให้กับประเทศปีละเป็นจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้รัฐจึงพยายามยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวนาให้ดีขึ้น โดยการสนับสนุนให้ทำการเกษตรสมัยใหม่ ใช้นวัตกรรมที่เหมาะสมเพื่อลดต้นทุนการผลิตและเพิ่มคุณภาพผลผลิต ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันแบบบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เช่น โครงการส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ หรือนาแปลงใหญ่ แผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ซึ่งโครงการเหล่านี้ช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งและเป็นรากฐานที่มั่นคงยั่งยืนให้แก่พี่น้องชาวนาต่อไป" นายกฤษฎา กล่าว