xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**"มหาเธร์" พูดอย่างเท่ ยืนข้างจีน ในสงครามการค้า มาเลเซียจะยังคงใช้สินค้าของ "หัวเว่ย" ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แถมเสนอชาติเอเชียใช้ทองคำ รักษาเสถียรภาพแทนดอลลาร์ เลิกง้อสหรัฐฯ

ขณะที่การเมืองไทย "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพรรคร่วม ยังสาละวนใน แอนนิมอลฟาร์ม ตั้งรัฐบาลไม่ได้สักที และยังไม่รู้จะผ่าทางตันอย่างไร คำกล่าวของ "มหาเธร์ โมฮำหมัด" นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย วัย 93 ปี ในการประชุม "ฟิวเจอร์ ออฟเอเชีย" ที่กรุงโตเกียว ได้ถูกพูดถึงอย่างมาก ทั้งในแง่ วิชั่นตัวบุคคล และก้าวที่กล้าของมาเลเซีย ในสงครามการค้าสหรัฐฯ กับจีน ที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกได้รับผลกระทบทั่วหน้า
"มหาเธร์" ยอมรับถึงความกังวลด้านความมั่นคง แต่จะไม่ขัดขวางมาเลเซีย และ สำหรับ"หัวเว่ย" บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน ที่ถูกบีบอย่างหนัก มาเลเซีย จะพยายามใช้เทคโนโลยีของพวกเขาให้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะเชื่อว่า"หัวเว่ย" มีการเข้าถึง"งานวิจัย" มากกว่าของมาเลเซีย ทั้งหมด
หลังสหรัฐฯ ประเทศทำสงครามกับหัวเว่ย ซึ่งก็คือหัวใจของจีนยุคนี้ ทั้ง กูเกิ้ล และ บริษัทยักษ์ใหญ่ของหลายประเทศ ห้ามไม่ให้หัวเว่ย ทำงานเกี่ยวกับเครือข่ายอุปกรณ์เคลื่อนที่ในประเทศพวกเขา และหลายบริษัทปลีกตัวออกจากบริษัทนี้ หลังการแบนของสหรัฐฯ โดยอ้างความจำเป็นทางกฎหมาย ... การเลือกข้างอยู่กับหัวเว่ยของจีน จึงเป็นความกล้า เพราะ ข้อขัดแย้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และจีน เพิ่มกำแพงภาษีตอบโต้กัน พร้อมกับกล่าวหาอีกฝ่าย ว่ามีพฤติกรรม"การค้าที่ไม่เป็นธรรม" ซึ่งหลายประเทศมีปัญหาส่งออก ไทยก็โดนไปแล้วกว่า 20,000 ล้าน และอาจจะมากขึ้น แต่มาเลเซีย มองอีกแบบ...
"มหาเธร์" เห็นว่า ตอนนี้หลายชาติในเอเชียกำลังผลิตสินค้าที่สามารถแข่งขันได้ และไม่ควรข่มขู่คู่แข่งทางธุรกิจ
“แน่นอน ผมเข้าใจว่าหัวเว่ย มีความก้าวหน้าเหนือเทคโนโลยีของอเมริกาอย่างมาก สหรัฐฯ ต้องแข่งขันกับจีน จีนและสหรัฐฯ จะผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ”มหาเธร์ กล่าว
นอกจากการค้า ความที่"มหาเธร์" เป็นผู้ที่ได้รับการยอมรับเรื่องวิชั่นการเงิน ยังเสนอให้ใช้สกุลเงินร่วมชาติเอเชีย นัยก็คือ "เลิกง้อดอลลาร์สหรัฐ" สกุลเงินดังกล่าว อาจถูกใช้เพื่อการค้าในภูมิภาค แต่จะไม่มาแทนที่สกุลเงินประจำชาติสำหรับการใช้ในระดับประเทศ ... เอเชียตะวันออกควรพิจารณาสกุลเงินแลก เปลี่ยนในภูมิภาค ที่มีทองคำเป็นพื้นฐานเพื่อส่งเสริมการค้า และทำให้ภูมิภาคนี้เป็นอิสระจากการพึ่งพิงเงินดอลลาร์
“ในเวลานี้เราต้องพึ่งพิงเงินดอลลาร์ แต่เงินดอลลาร์ ก็ไม่ได้มีเสถียรภาพ ดังนั้น สกุลเงินที่เราเสนอ ควรมีทองคำเป็นพื้นฐาน เนื่องจากทองคำมี เสถียรภาพมากกว่า”
นั่นหมายถึง อัตราการแลกเปลี่ยนของสกุลเงินภูมิภาค จะสัมพันธ์กับสมรรถนะของแต่ละประเทศ และจะช่วยให้การค้าระดับภูมิภาคสอดประสานกัน ด้วยวิธีนี้ เราจะรู้ว่าเรามีหนี้สินมากเท่าใด เราจะรู้ว่าเราต้องจ่ายมากเท่าใดในสกุลเงินของเอเชียตะวันออก
นี่คือ มหาเธร์ บูรพาไม่แพ้ ผู้ชอบสวนตะวันตก

** เมื่อ"ลุงตู่" แนะนำให้อ่านหนังสือ Animal Farm ก็เลยกลายเป็นประเด็นฮอตในโซเชียลฯ อีกครั้ง ด้วยเพราะเรื่องนี้ มีเนื้อหาเสียดสีเผด็จการ บรรดาฝ่ายตรง ข้ามลุงตู่ ก็เลย คึกคัก ครื้นเครง กันไป

ขณะที่การเมืองว่าด้วยเรื่อง"ตั้งรัฐบาล" ยังแย่งชิง ต่อรองผลประโยชน์ไม่ลงตัว "ลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ก็ได้แนะนำให้ไปอ่านหนังสือ Animal Farm โดยบอกผ่านมาทาง "พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค" รองโฆษกรัฐบาล เผื่อจะได้ข้อคิดในการดำเนินชีวิตกันบ้าง
ปรากฏว่าในโลกโซเชียลฯ มีการพุดถึงเรื่องนี้กันมาก และคอมเมนต์ตีความกันไปต่างๆนานา แฮชแท็ก #AnimalFarm ติดเทรนด์ยอดนิยมในทวิตเตอร์ ประจำวันไปทันที ...หลายคนก็เสิร์ชหาในกูเกิ้ล เพื่ออยากรู้ว่า เนื้อหาของหนังสือเล่มนี้เขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร...
Animal Farm เป็นนวนิยาย "นายจอร์จ ออร์เวลล์" ชาวอังกฤษ ผู้มีแนวคิดสังคมนิยมประชาธิปไตย เป็นผู้เขียน เมื่อปี 2488 เพื่อสะท้อนถึงเหตุการณ์ปฏิวัติรัสเซีย และการครองอำนาจของ"โจเซฟ สตาลิน" ...หนังสือเล่มนี้ได้รับความนิยมอย่างท่วมท้น ได้รับการยกย่องจาก นิตยสารไทม์ ให้เป็นหนึ่งในนิยายภาษาอังกฤษ ที่ดีที่สุด 100 เรื่อง ในช่วงปี 2466–2548 รวมถึงอยู่ในอันดับที่ 31 ของรายชื่อนิยายที่ดีที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ของสำนักพิมพ์มอเดิร์นไลบรารี ความดังของหนังสือเล่มนี้ ถูกตีพิมพ์ และแปลออกมาในหลายๆภาษา รวมทั้งภาษาไทย ที่ตีพิมพ์มาแล้วถึง 8 ครั้ง
เนื้อเรื่องโดยย่อของ Animal Farm พูดถึงฟาร์มแห่งหนึ่ง ชื่อว่า "ไมเนอร์ ฟาร์ม" โดยเจ้าของฟาร์มแห่งนี้คือ ชาวไร่ขี้เมาผู้หนึ่งที่ทำปศุสัตว์ ใช้แรงงานสัตว์ในการหาเงินเลี้ยงชีพ ... อยู่มาวันหนึ่ง "หมูเฒ่า" ผู้ที่ใช้ชีวิตในฟาร์มมานาน และเป็นที่เคารพนับถือของสัตว์ทุกๆ ตัว ก็เล็งเห็นถึงความที่สัตว์ถูกกดขี่ ทั้งใช้แรงงาน แลกกับเศษอาหารอันน้อยนิด หมูเฒ่า จึงได้เริ่มความคิด "ปฏิวัติ" ขึ้น … ด้วยความที่หมูเฒ่าตัวนี้ เป็นที่นับถือของบรรดาสรรพสัตว์ เพราะมีอาวุโส เก่งในวาทศิลป์ ทำให้สัตว์อื่น ชื่นชมแนวคิด และคล้อยตาม
ต่อมาหมูเฒ่า ตายลง ความเปลี่ยนแปลงของเหล่าสรรพสัตว์ก็เริ่มเกิดขึ้น ตามแนวคิด "ก่อกบฎ" ที่ได้รับการปลูกฝังมา บรรดาสัตว์จึง ดื้อแพ่ง ไม่ยอมทำตามหน้าที่ ไก่ไม่ยอมวางไข่ ม้าไม่ยอมลากเลื่อน ทั้งยังมีการวางแผนก่อการยึดอำนาจแบบลับๆ จนในที่สุดสัตว์เหล่านี้ ก็สามารถปฏิวัติ ยึดครองฟาร์มแห่งนี้ มาเป็นของพวกมัน ชาวไร่เจ้าของฟาร์ม ต้องหนีเตลิด ... จากนั้น "ไมเนอร์ ฟาร์ม" ก็เปลี่ยนชื่อเป็น "แอนิมอล ฟาร์ม"
เมื่อยึดอำนาจสำเร็จ ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลปกครองฟาร์ม ได้แก่ หมู 2 ตัว ตัวหนึ่งชื่อ "นโปเลียน" อีกตัวชื่อ "สโนว์บอล" ซึ่งทั้งสอง มีแนวคิดรวมถึงนิสัยที่แตกต่างกัน "นโปเลียน" มีแนวคิดแบบรวบอำนาจ ส่วน "สโนว์บอล" มีจุดมุ่งหมาย อยากจะนำพาความสุข ความเจริญ เข้ามาสู่ฟาร์ม เพียงเท่านั้น…
หลังการปฏิวัติ "นโปเลียน" ได้ออกบัญญัติ 7 ข้อ เป็นธรรมนูญของฟาร์ม สัตว์ทุกตัวจะมีหน้าที่ แตกต่างกันออกไปโดยมี "หมู" เป็นผู้ปกครอง เพราะฉลาดมากกว่า ส่วน "ม้า" เป็นแรงงานหลัก เพราะมีกำลังมาก สัตว์ตัวเล็กตัวน้อย ก็มีหน้าที่แตกต่างกันไปตามแต่ถนัด...
ในช่วงแรกๆ สัตว์ดูมีความสุขมากกับการเป็นอิสระ ไม่ต้องมีผู้มาข่มเหง แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสัตว์ต้องทำงานมากขึ้น ทว่ากลับได้รับอาหารที่น้อยลงกว่าเดิม นั่นก็เป็นเพราะ "หมู" ที่เป็นผู้บริหารทรัพยากร แบ่งสันปันส่วนอย่างไม่เป็นธรรม…
หมู ได้แก้บัญญัติ 7 ประการ ให้ตอบสนองตัวเอง มีการโฆษณาชวนเชื่อ ครอบงำบรรดาสรรพสัตว์ ด้วยวาทศิลป์ของโฆษกส่วนตัวของ นโปเลียน ทำให้สัตว์อื่นๆ ที่ไม่ได้ฉลาดมากนัก หลงเชื่อคารม .. จนที่สุด หมูที่เดินสี่ขา ก็เริ่มเดินสองขา เริ่มใส่เสื้อผ้า เริ่มนอนเตียง เริ่มกินเหล้า เริ่มฆ่าสัตว์อื่น ซึ่งผิดกฎ 7 ข้อ ที่ตั้งกันไว้แต่ต้น หมู ทำตัวไม่ต่างจากคนที่เป็นเจ้าของฟาร์ม ... ขณะเดียวกันก็ใส่ร้ายป้ายสี "สโนว์บอล" ต่างๆ นานา จนทำให้อยู่ไม่ได้ ต้องหนีออกจากฟาร์มไป
นโปเลียน จึงกลายมาเป็นผู้ปกครอง"แอนิมอล ฟาร์ม" แต่เพียงผู้เดียว แต่ว่าชีวิตของสัตว์ก็ดูจะลำเค็ญขึ้นเรื่อยๆ จากการเอาเปรียบของนโปเลียน แต่ก็ไม่มีกล้าลุกขึ้นหือ เพราะไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็จะมีโฆษกฯ คอยแก้ต่างให้ตลอด ในที่สุด "นโปเลียน" กลายมาเป็นเผด็จการ ที่เหล่าสัตว์เห็นว่า ร้ายเสียยิ่งตอนที่มนุษย์ปกครองเสียอีก และยิ่งเขามีอำนาจ จนเหล่าสัตว์ไม่สามารถทำอะไรได้ ท้ายที่สุดเหล่าสัตว์ ก็พบว่าผู้ปกครองของตัวเองก็ไม่ได้ต่างไปจาก “คน”ที่มันได้ยึดอำนาจมา นั่นเลย จึงจำต้องรับชะตากรรมนี้ไปตลอดกาล จนกว่าจะตายจากโลกนี้ไป ...
ไม่ทราบว่า เจตนาที่ "ลุงตู่" แนะนำให้อ่านเรื่องนี้ด้วยเจตนาใด... เพื่อจะสอนให้รู้ว่า...ทุกคนย่อมเท่าเทียมกัน ...หรือเปรียบเทียบแบบนิทานอีสป เรื่อง "กบเลือกนาย" หรือ เรื่องความสามัคคี ... หรืออะไรก็สุดจะคาดเดา... แต่ฝ่ายตรงข้าม "ลุงตู่" ก็จับเรื่องนี้มา เยาะเย้ย เสียดสี มาเปรียบเทียบกับการรัฐประหาร และรัฐบาลคสช. ของ "ลุงตู่" ว่าไม่ได้ต่างจากหมูใน "แอนิมอล ฟาร์ม" เลย ...
อย่างเช่น "หมวดเจี๊ยบ" ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง ที่โพสต์เฟซบุ๊กว่า ... บางฉากบางตอนในหนังสือ Animal Farm นั้น ช่างคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ตอนทหารยึดอำนาจจากนายกฯหญิง เปี๊ยบ...
หรือ อย่าง น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือ "โบว์" แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ก็โพสต์ว่า ประเด็นที่อยากให้สื่อ ก็คงเป็นช่วงที่หลังจากพวกสัตว์ล้มล้างเผด็จการมนุษย์ได้แล้ว ก็กลับมาเจอการลุแก่อำนาจ จากพวกเดียวกันเอง ที่เคยคิดว่าจะมาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างให้ดีขึ้น ... แต่พอดี คุณประยุทธ์ อาจจะไม่ได้อ่านจริง รีบเอา มาพูด เลยไม่รู้เรื่อง แถมบอกว่า ไม่ใช่เรื่องการเมืองอีก .. เลยไปกันใหญ่...อย่างไรก็ดี ข้อคิดเบื้องต้นจากเรื่องนี้คือ การปกครองที่ดีพร้อมสมบูรณ์ไม่มีหรอก แต่เราต้องเรียนรู้และพัฒนาการเลือกกันไป ...สิ่งสำคัญที่สุดคือ การรักษาสิทธิในการเลือกนั้นไว้ อย่าให้พวก"ครึ่งหมูครึ่งคน" มาพรากไป
หรือ อย่าง" เสี่ยไก่" วัฒนา เมืองสุข ที่โพสต์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเผด็จการที่ไร้สาระที่สุดในบรรดาเผด็จการ ที่โลกเคยมีมา ให้ครม.อ่านจินดามณี แต่ตัวเอง ท่องนิราศภูเขาทองโชว์ ให้คนไทยอ่านหนังสือการปกครองของ สี จิ้นผิง บอกว่าสอดคล้องกับแนวทางปฏิรูปของไทย ล่าสุดให้อ่านหนังสือ Animal Farm ทั้งที่เป็นหนังสือเสียดสี ด่าแม่เผด็จการ ... ยิ่ง”เฮียชู” ชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ยิ่งครึกครื้น ถึงกับสร้างตัวละครการเมืองไทย ไปล้อกับกับเรื่องนี้ ได้อย่างเห็นภาพ ...
ร้อนถึง "พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค" คนต้นเรื่องต้องออกมาแก้ว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองไทย แต่"ลุงตู่" เห็นว่า ผู้เขียนถ่ายทอดเนื้อเรื่องได้ดี และน่าสนใจ ไม่อยากให้เชื่อมโยงทุกอย่างเป็นเรื่องการเมือง และอย่าตีความว่า การแนะนำให้อ่านหนังสือ เป็นการดูถูกผู้อื่น เพราะที่จริงการอ่านหนังสือจะช่วยสร้างหลักคิด สร้างปัญญา ไม่ใช่ ปัญหา สิ่งที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ คือ แม้คนเราจะอยากได้ทุกสิ่งที่ดีกว่า แต่ก็ไม่ใช่จะสมหวังทุกอย่าง และไม่มีใครทำให้คนอื่นพอใจได้ทั้งหมด ซึ่งเป็นกฎของธรรมชาติ มนุษย์ควรดูแลใส่ใจสิ่งที่อยู่รอบตัวให้ดี รวมถึงสัตว์เลี้ยงในฟาร์ม ก็ต้องทำให้มีความสุข ทุกชีวิตต้องช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน... โอเคนะ เข้าใจตรงกันนะ

-------------
รูป - มหาเธร์ โมฮำหมัด
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา - หนังสือ Animal Farm



กำลังโหลดความคิดเห็น