xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าไปได้คงอยู่ยาวได้ยาก...

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


"โสภณ องค์การณ์"

การเมืองระบบพิลึกพิลั่นด้วยกลไกจากรัฐธรรมนูญฉบับลุงหมวกและคณะ ออกแบบเฉพาะให้บางพรรคการเมืองเป็นสะพานและแคร่หาบหาม “คณะ 3 ลุง” ให้สืบทอดยาวอำนาจ กำลังแพร่พิษร้าย สร้างปัญหาให้บ้านเมืองจนแทบจะไร้ทางออก และยังอาจเป็นต้นตอของวิกฤติรอบใหม่อีกด้วย

ยังไม่ทันไรก็มีข่าวลือปล่อยกันว่อน ว่าจะประกาศ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” ทำให้คนถามกันวุ่นว่า “ใคร” ฉุกเฉิน จากอะไร หรือเป็นเพราะใครจะสูญเสีย อำนาจ หรือต่อรองผลประโยชน์ไม่ลงตัว จนถึงขั้นฉุกเฉินเช่นนั้นหรือ

การเจรจาต่อรองจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีตามสิทธิพึงได้พึงมีโอกาสเพื่อแบ่งสันปันส่วนผลประโยชน์จากทรัพย์สินแผ่นดินยังมีต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศของความไม่แน่นอนและยังสร้างความหงุดหงิดให้คณะ 3 ลุงซึ่งห่วงว่า ถ้ามีภาวะแปรปรวนอาจนำไปสู่การพลิกผันทำให้หมดสภาพ ที่จะอยู่ต่อไปได้

ยิ่งสำหรับพวกที่มีอะไรค้างคาอยู่กอบโกยไม่หมดก็ยิ่งทำให้เกิดอารมณ์หงุดหงิดได้ เป็นภาวะฉุกเฉินส่วนตัว

บรรยากาศของการต่อรองความเชี่ยวกรากและความเขี้ยวจัดของนักการเมือง ทำให้กลุ่มตัวแทนคณะ 3 ลุงซึ่งกระดูกยังไม่ติดเบอร์ถึงกับรู้สึกท้อและพูดทำนองเปรยๆ ว่าถ้าตกลงกันไม่ได้ก็จะดันทุรังเดินหน้าตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เหมือนกับเป็นเกมเพื่อเร่งบีบให้พรรคอื่นรีบยอมรับข้อเสนอต่อรองโดยเร็ว

ปัญหาปัจจุบันของการไม่ลงตัวนอกจากการหวงเก้าอี้รัฐมนตรีสำคัญในพรรคหาม 3 ลุงแล้ว การจับมืออย่างเหนียวแน่นระหว่างเสี่ยหนูค่ายบุรีรัมย์ และค่ายสะตอยังทำให้พรรคแกนนำของสี่กุมารอ้วนพีขาดอำนาจต่อรองอย่างแรงแม้จะอาศัยบารมี 3 ลุงก็ตาม

สภาพความเป็นจริงกลับปรากฏว่าสองในสามลุงได้กลายเป็นปัญหาและเงื่อนไขที่ฝ่ายร่วมเจรจาไม่ต้องการเพราะถูกมองว่าเป็นทั้งตัวถ่วงและจุดด้อย เสี่ยงต่อข้อครหา ว่ามีพฤติกรรมไม่น่าไว้วางใจในภารกิจจัดซื้อจัดจ้างทำโครงการต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับงบลงทุนก้อนใหญ่และผลประโยชน์เกี่ยวพันกับเพื่อนพ้องน้องพี่ร่วมสถาบัน

นั่นเป็นเพราะแกนนำก็มีสามก๊กใหญ่คือ ก๊กสามลุง ก๊กสี่กุมารอ้วนพีและก๊ก 3 มีดซุย อดีตสมุนเหลี่ยม

ทั้งสามก๊ก ต่างถือว่าตัวเองมีสิทธิ์ พึงได้พึงมี ตามผลงานในการได้ ส.ส. มา ดังนั้นจะต้องได้เก้าอี้ในกระทรวงที่ต้องการ เป็นกลุ่มผลประโยชน์ทั้งนั้นแหละ

เมื่อทุกก๊กและพรรคที่จะเข้าร่วมมีความต้องการทับซ้อนกัน ก็ต้องต่อรองในแบบใครไม่ยอมใคร ลากยาวยืดเยื้อ ถกกันหลายรอบและโชว์เขี้ยวกันทั้งๆ ที่ดูแล้วแต่ละพรรคก็ไม่ได้เสียงข้างมากเพราะคณะลุงหมวกวางกับดักกลไกและหมกเม็ดไว้นั่นเอง

แต่ค่ายสะตอได้คว้าพุงปลามันไปส่วนหนึ่งแล้วสร้างแต้มต่อได้อย่างมาก นั่นคือเก้าอี้ประธานสภาและคนที่นั่งเก้าอี้นี้ก็คือนายหัวชวนซึ่งคนในวงการเมืองมีความเห็นตรงกันว่าเป็นคนที่ “เล่นยาก” คุยก็ยากและฉายาใบมีดโกนอาบน้ำผึ้งก็ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยหรือบังเอิญ แต่เป็นเพราะฝีมือพิสูจน์ให้เห็นหลายครั้ง และยังไม่มีวี่แววว่าจะ สิ้นคมไปตามกาลเวลา

และน่าจะทำให้คณะ 3 ลุงมีปัญหาอะไรที่เคยง่ายก็จะไม่ง่ายอีกต่อไป

การที่นายหัวชวนไปนั่งเก้าอี้ประธานสภาก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความเขี้ยวจัดของค่ายเก่าแก่ ผ่านร้อนหนาวมามากกว่า 70 ปีนั้นเป็นอย่างไร

ผลการเลือกตั้งค่ายนายหัวชวนถูกหยามว่าพ่ายแพ้ยับเยิน แต่ฝีมือในการจัดวางกลเกมต่างๆ พิสูจน์ให้เห็นว่าฝีมือยังไม่ตก ความจัดจ้านยังคงเส้นคงวา ไม่อย่างนั้นพรรคแกนนำและก๊กต่างๆ คงไม่ปวดหัวเพราะการต่อรองอย่างที่ได้เจอมา

แม้จะตั้งรัฐบาลได้ก็ใช่ว่าจะมีความมั่นคงเพราะเสียงปริ่มน้ำพรรคแกนนำหามสามลุงไม่มีอำนาจต่อรองเท่าที่ควรและยังเสี่ยงกับการถูกทรยศเพราะเห็นได้ชัดว่าพวกที่มาเพราะเงินหรือแรงบีบคั้น ก็สามารถเอาคืนด้วยการตีจากไปเช่นกัน

ผู้นำรัฐบาลใหม่เมื่อไม่มีกฎหมายมาตรา 44 พิเศษพร้อมอำนาจเด็ดขาดเป็นตัวช่วยก็เท่ากับว่าเป็นยักษ์ไม่มีกระบองและยิ่งอยู่ในสภาพเหมือนเป็ดง่อยก็จะโดนลองของในสภา พร้อมถ้อยคำเหน็บแนมแบบเจ็บปวดเป็นการยั่วต่อมโทสะซึ่งฝ่ายแค้นในสภารอวันที่จะเอาคืนอยู่

นี่ยังไม่เริ่มต้นของการเป็นรัฐบาลเท่านั้นและอีกไม่กี่วันจะเป็นการลองของเมื่อสภาลงคะแนนเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีการป่วนแค่ไหนส.ส. ทั้งเก่าและใหม่ก็เห็นจากการลองงานวันเลือกประธานสภาแล้ว

ความหวังว่าจะมีรัฐบาลพร้อมเสถียรภาพ คงเป็นไปได้ยากและยิ่งมีปัญหาสารพัดทั้งในประเทศและต่างประเทศรออยู่ บรรดานักลงทุนนักธุรกิจทั้งหลายคงจะไม่มีความเชื่อมั่น

ถ้า 3 ลุง ยังอยู่รอดได้ก็คงจะเป็นระยะหนึ่งเท่านั้น ส่วนใครจะได้หรือใครจะเสียก็ต้องดูว่ารัฐบาลจะอยู่ได้นานแค่ไหน ประชาชนคงหวังได้ยากเพราะโอกาสสำหรับชาวบ้านกลุ่มรายได้น้อยที่จะลืมตาอ้าปากมีชีวิตที่มั่นคงไม่เกิดขึ้นได้ง่ายเพราะโครงสร้างของเศรษฐกิจถูกควบคุมโดยระบบทุนใหญ่หมดแล้ว ไม่ใช่รัฐบาลเท่านั้นที่จะเป็นเป็ดง่อย ประเทศไทยก็จะขาดโอกาสเดินไปบนพื้นฐานที่แข็งแกร่งเพราะรัฐธรรมนูญและกฎกติกาต่างๆ ที่ยอกย้อนซับซ้อนซ่อนเงื่อนเขียนโดยคณะลุงหมวกนั่นเอง ปิดโอกาสการพัฒนาให้แข็งแกร่ง

ผลสุดท้ายประเทศนี้ก็จะไม่มีใครแอ่นอกรับผิดชอบความเสียหายเหมือนที่เคยเป็นมา นี่คือผลของวงจรอุบาทว์ที่หวนคืนมาซ้ำรอยเดิมอีกรอบ และยังไม่รู้ว่าจะจบสิ้นเมื่อไหร่

เป็นเวรและกรรมของประเทศไทยจริงๆ แต่คนที่สั่งให้ลุงหมวกออกแบบกฎกติกาก็กำลังรับผลกรรมส่วนหนึ่งในขณะนี้แล้ว

ยังจะตามมาอีกเยอะหลังจากวันที่สิ้นอำนาจ


กำลังโหลดความคิดเห็น