xs
xsm
sm
md
lg

“ปากบอกรักป๋าเปรม” แต่ “ไม่ทำตามป๋าเปรม”!

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

“ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ดี ต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน ต้องรู้จักการปิดทองหลังพระ ต้องรู้ว่า ประโยชน์ของบ้านเมือง คือ สิ่งที่คนในชาติต้องการ ต้องรู้จักการตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน”

นั่นเป็นคำพูดของอดีต “คนธรรมดาสามัญ-เปรม ติณสูลานนท์” ที่เปี่ยมจิตสำนึกแห่งการ “ต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน” จากข้าราชการทหารชั้นผู้น้อย ที่ทุ่มเททั้งร่างกายและจิตใจอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทำงานรับใช้ชาติกับประชาชนอย่างจริงจัง แม้ในพื้นที่กันดารมากด้วยภยันตราย..

ชีวิตข้าราชการทหารของ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ จนกระทั่งได้เป็น“ผู้บัญชาการทหารบก”และเป็นถึง“นายกรัฐมนตรีคนที่ 16” ของชาติไทยนานถึง 3 สมัย

ที่สำคัญ..จากผลงานทำเพื่อชาติและประชาชน ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อหน้าที่ ทำให้“พล.อ.เปรม”ได้รับตำแหน่งเป็น“รัฐบุรุษ” อีกทั้งการยืนหยัดปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ มิรู้เหน็ดเหนื่อยต่อเนื่องยาวนาน..

ทำให้ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ได้รับเกียรติสูงสุดของชีวิต เพราะได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็น“ประธานองคมนตรี” ของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” และ “ในหลวงรัชกาลที่ 10” จนถึงแก่อสัญกรรมด้วยวัย 99 ปี ในวันที่ 26 พฤษภาคม 2562

ถ้อยคำอมตะ“ต้องทดแทนบุญคุณแผ่นดิน”ของ“พล.อ.เปรม”นั้น มิใช่“วาทกรรมพูดพล่อย”และมิใช่“วาทกรรมสร้างภาพ” ด้วย“พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ได้ทุ่มเททั้ง“กาย-วาจา-ใจ” ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ปรากฏเป็นผลงานมากมาย ยังความมั่นคงให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ประชาชน จนอรรถาธิบายไม่ได้ครบถ้วน..

เพียงแค่เรื่องเดียวในยุครัฐบาล“พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ที่ทำให้ “ไทยหยุดฆ่าไทย” นับพันคนต่อปีได้อย่างเหลือเชื่อ จากการออกนโยบาย 66/2523 ที่ใช้การเมืองนำการทหารจนยุติสงครามภายในชาติ ระหว่างรัฐบาลไทยกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยลงได้ ถือเป็นคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อชาติ

เพราะหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ทำให้นักศึกษาและประชาชนจำนวนมาก ละทิ้งหนทางต่อสู้อย่างสันติ หันไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ไทยในเขตป่าเขา ต่อสู้กับอำนาจรัฐด้วยอาวุธ ส่งผลให้กองทัพปลดแอกแห่งประเทศไทยเข้มแข็งยิ่งขึ้น จน“การเมืองที่หลั่งเลือด”ส่งผลให้ทั้งสองฝ่าย ต้องบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก

นโยบาย 66/2523 ของรัฐบาล “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ได้เปิดโอกาสให้ชาวคอมมิวนิสต์ทั้งในป่าและในเมือง ยุติการต่อสู้ด้วยอาวุธ หันกลับมาสู่หนทางสันติ ทำให้อดีตคอมมิวนิสต์ทั้งหลายสามารถดำเนินชีวิตได้โดยอิสระ บ้างได้ทำงานเป็นอาจารย์นักวิชาการอยู่ในมหาวิทยาลัยต่างๆ บ้างได้ทำงานในวงการสื่อมวลชนสาขาต่างๆ บ้างได้เป็นนักธุรกิจร่ำรวยเงินทองนับพันล้าน ฯลฯ

ส่วนอีกจำนวนมิใช่น้อย ได้เข้าไปอยู่ในพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อทำงานการเมืองในระบบรัฐสภา จนอดีตคอมมิวนิสต์หลายคน ได้เป็นทั้ง “ส.ส.-รัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี” เรียกว่า..บางพรรคมีอดีตคอมมิวนิสต์ที่รักและไม่รักสถาบันพระมหากษัตริย์ กระจายอยู่ทั่วทุกอณูของการเมืองไทย โดยเฉพาะในพรรค “บิ๊กเหลี่ยม” มีนักการเมืองอดีตคอมมิวนิสต์ล้มเจ้ามากเป็นพิเศษ ถึงขนาด “พวกล้มเจ้า” บางคนได้เป็นถึง “รมต.” ในรัฐบาลเครือข่าย “บิ๊กเหลี่ยม” ด้วยซ้ำ

ประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย บอกชัดแจ้งว่า ยุครัฐบาล “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ได้ปิดฉากการเมืองรุนแรงของพรรคคอมมิวนิสต์ทั่วเขตป่าเขาที่ใช้อาวุธต่อสู้ โดยใช้นโยบายการเมืองนำการทหาร 66/2523 ยุติสงครามในชาติลงได้

ทว่า..การเมืองประชาธิปไตยทุนสามานย์ยุค “บิ๊กเหลี่ยม” กลับใช้ความรุนแรงถึงขั้นเผาบ้านเมือง และใช้อาวุธสงครามเข่นฆ่าทหารและประชาชนมากมาย

แถม “บิ๊กเหลี่ยม” ยังใช้สื่อในอิทธิพลของตน “โฆษณาชวนเชื่อ”โกหกประชาชนอย่างหน้าด้านๆ โยนความผิดว่า“ทหารฆ่าประชาชน”

ยุค “บิ๊กเหลี่ยม”กับเครือข่ายเป็นรัฐบาล มีการใช้อำนาจโกงชาติและล้มเจ้าอย่างโจ่งแจ้ง จนผู้รักชาติได้ชุมนุมยาวนานขับไล่รัฐบาลโกงชาติเครือข่าย “บิ๊กเหลี่ยม ”ถึงสองครั้ง โดยประชาชนมือเปล่าถูกรัฐบาลเครือข่าย “บิ๊กเหลี่ยม” เข่นฆ่าบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย จนทหารจำต้องออกมาทำรัฐประหารถึง 2 ครา

ทว่า..เมื่อ“บิ๊กเหลี่ยม”กับเครือข่ายต้องเป็น“ฝ่ายค้าน” กลับเผาบ้านเมืองและใช้อาวุธสงคราม เข่นฆ่าทหารกับประชาชนอย่างโจ๋งครึ่ม เพื่อหวังจะ“ทวงคืนอำนาจรัฐ”จากรัฐบาล“มาร์ก-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”ที่มาจากสภา

“คำพูด”อันทรงคุณค่าของ“ป๋าเปรม” มีมากมายเกินกว่าจะนำมาลงได้ครบถ้วน จึงขอยกบางคำพูดมาลงไว้ ณ ที่นี้ ดังเรื่องของการ“ต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน” ซึ่ง“ป๋าเปรม”ยึดถือความกตัญญูต่อแผ่นดินถิ่นเกิด เป็นสิ่งสำคัญยิ่งในชีวิต เช่น

“คนไม่ดี ประกอบอาชีพไม่สุจริตธุรกิจผิดกฎหมาย ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อประโยชน์ส่วนตน ถ้าเขาสำนึกได้ แล้วหันมาประกอบอาชีพสุจริต จะเป็นการตอบแทนบุญคุณที่น่าสรรเสริญอย่างยิ่ง”

“รัฐบาลที่ดีจะใช้การปกครองที่ดี เพื่อตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เพื่อให้เกิดความสุขในแผ่นดิน”

“การตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน คือ การประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดี เป็นสถาบันที่ดี เป็นตัวอย่างที่ดี มุ่งกระทำแต่ความดีเพื่อประโยชน์ของแผ่นดิน”

“ผมมีความเห็นส่วนตัวว่า การตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เพื่อสร้างถิ่นไทยให้ใสสะอาดให้สัมฤทธิ์ผลนั้น ต้องเข้าใจและกระทำหลายอย่าง เพราะการจะทำถิ่นไทยให้สะอาด มีปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย ทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ที่ผมพูดหมายความว่า ต้องมีการปฏิบัติพร้อมกันทั้งกายและทั้งใจ”

“ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลไปอย่างไร วิชาการจะสูงส่งเพียงใดนั้น คนคือพวกเรา ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้ประเทศไทยใสสะอาด หรือไม่ใสสะอาด”

“คนเราจะอายุยืนต้องรู้จักคำว่า พอ พอในที่นี้คือ พองาม พอควร พอกิน พอใช้ พอใจ สิ่งเหล่านี้ถ้าเรามีก็น่าจะทำให้เราอายุยืน”

“จิตวิญญาณเป็นพลังสำคัญที่จะช่วยจรรโลง เชิดชูความเป็นคนไทย คนไทยจะแก้ปัญหาใหญ่น้อยทั้งหลาย ไม่ว่าปัญหาการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงได้ง่าย สะดวก และหวังผลสำเร็จได้จริง”

ส่วนการคอร์รัปชั่นนั้น “ป๋าเปรม” ถือเป็นเรื่องทำลายชาติอย่างร้ายแรง เช่น

“ต้องเริ่มที่ตัวเรา ตัวเราต้องโปร่งใสก่อน ถึงจะไปทำให้ประเทศโปร่งใสได้ ต้องประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดี ผู้บังคับบัญชาต้องประพฤติปฏิบัติเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้ใต้บังคับบัญชา มีคุณธรรมและจริยธรรม ซึ่งถ้าเขาเข้าใจได้ โดยมีคุณธรรมและจริยธรรมก็จะไม่โกง”

“ต้องหยุดและเลิกระบบอุปถัมภ์ นำระบบคุณธรรมมาใช้แทน ต้องไม่ช่วยเหลือคนโกง ไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เป็นพ่อแม่ ลูกเมีย ญาติ”

“ต้องเรียกคนที่ทุจริต หรือร่วมมือกับคนทุจริตว่า เป็นผู้ทรยศต่อชาติ และต้องเลิกคบค้าสมาคมกับคนพวกนี้ ไม่ยกย่องนับถือ”

“ต้องไม่ปล่อยให้คนโกงลอยนวล ดำเนินการตามกฎหมายอย่างไม่เกรงกลัว รวมถึงช่วยกันประจานคนโกงและองค์กรโกงทุกวิถีทาง”

“ควรจะพูดสิ่งเลวร้ายที่กัดกร่อนประเทศในขณะนี้ คือ การปล้นชาติให้คนได้ยินและเข้าใจบ่อยๆ เพื่อที่เขาจะได้เข้าใจว่า คอร์รัปชั่นทำให้ประเทศเกิดความเสียหายอย่างไรบ้าง และ 10 กระบวนการในการจัดการกับคนปล้นชาติ ต้องรวดเร็ว รุนแรง และเด็ดขาด ต้องรวดเร็วตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ กฎหมายระเบียบต่างๆ ต้องไม่เป็นอุปสรรค”

“คำพูด” ที่ “ประธานองคมนตรีสองแผ่นดิน” ของ “ป๋าเปรม-พล.อ.เปรม ”ได้ทิ้งไว้เป็นมรดกต่อแผ่นดินนั้น บรรดา“ผู้นำชาติ” ที่อ้างว่ารักเคารพ“ป๋าเปรม” ทั้งมาจากเลือกตั้งและรัฐประหาร ล้วนละเลยมิได้ทำตาม “คำพูดป๋าเปรม” แม้แต่น้อย(ว่ะ)

ดูได้จากการเมืองไทยวันนี้..เต็มไปด้วยคนโกงชาติยั้วเยี้ยไปหมด..จริงไหม..?


กำลังโหลดความคิดเห็น