ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก "หมอโด่ง" อดีตเลขานุการ "บุญทรง" ร มว.พาณิชย์ 72 ปี ส่วน "สุธี" คนสนิท "เสี่ยเปี๋ยง" โดน 32 ปี พร้อมชำระค่าเสียหายให้ก.คลัง 1.7 หมื่นล้าน พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5% ต่อปี จากคดีทุจริตระบายข้าว"จีทูจี" พร้อมมีคำสั่งให้ออกหมายจับเพื่อติดตามจับกุมทั้งสองที่ยังหลบหนีมาบังคับคดีตามคำพิพากษา
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (28มี.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะพิจารณารื้อคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในส่วนของ อดีตเลขานุการของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นจำเลยที่หลบหนีคดี ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และ นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญคดีนี้
อัยการสูงสุด โจทก์ ได้ยื่นคำร้องเมื่อปี 61 ขอให้ศาลนำคดีจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 16 ที่หลบหนีคดีไประหว่างการพิจารณา เมื่อปี 58 ซึ่งศาลได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองไว้ ขึ้นมาพิจารณาโดยไม่มีตัวจำเลย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ. 2560 มาตรา 28 วรรคสอง หลังจากที่ศาลเคยมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับเอกชนรวม 28 ราย คดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 และ คดีหมายเลขแดง อม.178/2560 โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก นายภูมิ กับพวกรวม 18 รายไว้แล้ว เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ซึ่งระหว่างการพิจารณากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย ได้ยื่นคำร้องขอให้ นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยด้วย
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ รวม 9 คน ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวน และรายงานของ คณะกรรมการป.ป.ช.แล้ว เห็นว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยเลขานุการ นายบุญทรง มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการ ซึ่งจำเลยที่ 3 ยังได้รับแต่งตั้งเป็น คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และ อนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็น เลขานุการ รมว.พาณิชย์ ซึ่งมีพฤติการณ์ว่า จำเลยที่ 3 กับพวก ร่วมกันวางแผนโดยแอบอ้างนำบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ จากประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ตามสัญญาซื้อขายข้าวโครงการจีทูจี กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม ที่มี นายสุธี คนสนิทของ เสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 กับพวก สนับสนุน ด้วยการนำ บริษัทค้าข้าวต่างประเทศ มาทำสัญญาซื้อข้าวโครงการจีทูจี กับกรมการค้าต่างประเทศ ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยไม่มีการส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศตามโครงการนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ ถือว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกทุจริตในการระบายข้าวโครงการจีทูจี ซึ่งศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้ร่วมกระทำความผิดไปแล้ว ส่วนนายสุธี คนสนิทของ เสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ได้ร่วมสนับสนุน จำเลยที่ 3 กับพวก กระทำความผิดดังกล่าวด้วย
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 รวม 4 กระทงๆ ละ 18 ปี จำคุกทั้งสิ้น 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ไว้เป็นเวลา 50 ปี ส่วนนายสุธี คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 จำคุก 4 กระทงๆ ละ 8 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 32 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชำระค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้กับกระทรวงการคลัง ผู้ร้องที่ 5 ด้วย เป็นเงิน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญาศาลฎีกาฯ
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับ เพื่อติดตามจับกุมตัว พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ จำเลยที่ 3 และ นายสุธี จำเลยที่ 16 ที่ยังหลบหนีคดีตั้งแต่แรกมาบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป
สำหรับคดีในส่วนของ นายภูมิ กับนายบุญทรง กับเอกชนนั้น ฝ่ายจำเลยที่ถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 4-48 ปี ก็ได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว เช่นเดียวกับฝ่ายอัยการสูงสุด ก็ได้ยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนของจำเลยกลุ่มเอกชน 8 ราย ที่ยกฟ้องด้วย โดยขณะนี้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว ขณะที่นายภูมิ กับ นายบุญทรง อดีตรมว.พาณิชย์ เสี่ยเปี๋ยง และ เอกชน รวม 18 ราย ที่ถูกตัดสินจำคุก ยังไม่มีใครได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างรอคำฟังพิพากษาอุทธรณ์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.62 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม. 282/2560 ที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องให้ศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินของ หมอโด่ง จำนวน 896,554,760.28 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดหมอโด่ง กับพวกทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และการระบายข้าว และมีมติว่าหมอโด่ง ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อหมอโด่งหลบหนีคดี ไม่มาพิสูจน์ ศาลจึงฟังพยานของอัยการสูงสุดและหลักฐานของป.ป.ช. แล้วพิพากษาให้ ยึดทรัพย์จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
------
เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (28มี.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง องค์คณะพิจารณารื้อคดีทุจริตระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในส่วนของ อดีตเลขานุการของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ซึ่งเป็นจำเลยที่หลบหนีคดี ได้มีคำพิพากษาในคดีที่ พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 3 และ นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ซึ่งเป็นคนสนิทของ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร หรือ เสี่ยเปี๋ยง นักธุรกิจค้าข้าวคนสำคัญคดีนี้
อัยการสูงสุด โจทก์ ได้ยื่นคำร้องเมื่อปี 61 ขอให้ศาลนำคดีจำเลยที่ 3 และจำเลยที่ 16 ที่หลบหนีคดีไประหว่างการพิจารณา เมื่อปี 58 ซึ่งศาลได้ออกหมายจับจำเลยทั้งสองไว้ ขึ้นมาพิจารณาโดยไม่มีตัวจำเลย ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (วิ อม.) พ.ศ. 2560 มาตรา 28 วรรคสอง หลังจากที่ศาลเคยมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบเป็นการชั่วคราว
ทั้งนี้ คดีดังกล่าวสืบเนื่องจากที่อัยการสูงสุดได้ยื่นฟ้อง นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ และ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ กับเอกชนรวม 28 ราย คดีหมายเลขดำ อม. 25/2558 และ คดีหมายเลขแดง อม.178/2560 โดยศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก นายภูมิ กับพวกรวม 18 รายไว้แล้ว เมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ซึ่งระหว่างการพิจารณากรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวม 5 ราย ได้ยื่นคำร้องขอให้ นายสุธี เชื่อมไธสง จำเลยที่ 16 ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยด้วย
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ รวม 9 คน ได้พิเคราะห์พยานหลักฐานตามทางไต่สวน และรายงานของ คณะกรรมการป.ป.ช.แล้ว เห็นว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้ช่วยเลขานุการ นายบุญทรง มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติราชการของสำนักงานรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ และเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าราชการ ซึ่งจำเลยที่ 3 ยังได้รับแต่งตั้งเป็น คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และ อนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว ต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็น เลขานุการ รมว.พาณิชย์ ซึ่งมีพฤติการณ์ว่า จำเลยที่ 3 กับพวก ร่วมกันวางแผนโดยแอบอ้างนำบริษัท กว่างตงฯ และบริษัท ห่ายหนานฯ จากประเทศจีน เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ตามสัญญาซื้อขายข้าวโครงการจีทูจี กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างไม่เป็นธรรม ที่มี นายสุธี คนสนิทของ เสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 กับพวก สนับสนุน ด้วยการนำ บริษัทค้าข้าวต่างประเทศ มาทำสัญญาซื้อข้าวโครงการจีทูจี กับกรมการค้าต่างประเทศ ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด โดยไม่มีการส่งออกข้าวไปยังต่างประเทศตามโครงการนั้น ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศ ถือว่า พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 ร่วมกับพวกทุจริตในการระบายข้าวโครงการจีทูจี ซึ่งศาลฎีกาฯได้มีคำพิพากษาจำคุกผู้ร่วมกระทำความผิดไปแล้ว ส่วนนายสุธี คนสนิทของ เสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 ได้ร่วมสนับสนุน จำเลยที่ 3 กับพวก กระทำความผิดดังกล่าวด้วย
องค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาฯ จึงพิพากษาให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ หรือ หมอโด่ง จำเลยที่ 3 รวม 4 กระทงๆ ละ 18 ปี จำคุกทั้งสิ้น 72 ปี แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) ให้จำคุก พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ ไว้เป็นเวลา 50 ปี ส่วนนายสุธี คนสนิทของเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 16 จำคุก 4 กระทงๆ ละ 8 ปี รวมจำคุกทั้งสิ้น 32 ปี และให้จำเลยที่ 16 ชำระค่าเสียหายในส่วนแพ่งให้กับกระทรวงการคลัง ผู้ร้องที่ 5 ด้วย เป็นเงิน 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับจากวันทำสัญญาศาลฎีกาฯ
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับ เพื่อติดตามจับกุมตัว พ.ต.นพ.ดร.วีระวุฒิ จำเลยที่ 3 และ นายสุธี จำเลยที่ 16 ที่ยังหลบหนีคดีตั้งแต่แรกมาบังคับคดีตามคำพิพากษาต่อไป
สำหรับคดีในส่วนของ นายภูมิ กับนายบุญทรง กับเอกชนนั้น ฝ่ายจำเลยที่ถูกตัดสินจำคุกตั้งแต่ 4-48 ปี ก็ได้ยื่นอุทธรณ์แล้ว เช่นเดียวกับฝ่ายอัยการสูงสุด ก็ได้ยื่นอุทธรณ์คดีในส่วนของจำเลยกลุ่มเอกชน 8 ราย ที่ยกฟ้องด้วย โดยขณะนี้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาได้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาแล้ว ขณะที่นายภูมิ กับ นายบุญทรง อดีตรมว.พาณิชย์ เสี่ยเปี๋ยง และ เอกชน รวม 18 ราย ที่ถูกตัดสินจำคุก ยังไม่มีใครได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งคดียังอยู่ระหว่างรอคำฟังพิพากษาอุทธรณ์
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.62 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อม. 282/2560 ที่อัยการสูงสุด ยื่นคำร้องให้ศาลพิพากษาให้ทรัพย์สินของ หมอโด่ง จำนวน 896,554,760.28 บาท ตกเป็นของแผ่นดิน สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดหมอโด่ง กับพวกทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวเปลือก และการระบายข้าว และมีมติว่าหมอโด่ง ร่ำรวยผิดปกติ เมื่อหมอโด่งหลบหนีคดี ไม่มาพิสูจน์ ศาลจึงฟังพยานของอัยการสูงสุดและหลักฐานของป.ป.ช. แล้วพิพากษาให้ ยึดทรัพย์จำนวนดังกล่าวพร้อมดอกผลตกเป็นของแผ่นดิน
------