ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและวิทยาการข้อมูล
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผู้อำนวยการหลักสูตรปรัชญาดุษฎีบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต
สาขาวิชาการวิเคราะห์ธุรกิจและวิทยาการข้อมูล
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมเกิดและเติบโตมาในยุคที่เรียกว่ายุคเซเวนตี้ ถ้าถามผมว่าบรรยากาศในยุคที่ผมเกิดมานั้นคล้ายคลึงกับภาพยนตร์เรื่องใดมากที่สุดก็ต้องตอบว่าภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน ในยุคนั้นบ้านเมืองยังมีบรรยากาศการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์และยังมีพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่สีชมพูอยู่ทั่วไป
ผมเติบโตมาในต่างจังหวัดที่มีพื้นที่สีแดงเหล่านั้น และมีภัยจากการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ นายกรัฐมนตรีคนแรกในความทรงจำของผมคือ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ซึ่งท่านมักจะแทนตัวเองด้วยคำว่าป๋าและเรียกคนรอบข้างว่าลูก ๆ
ในสมัยที่ป๋าเปรมเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นเกิดวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่เรียกว่าวิกฤตพลังงาน ในขณะเดียวกันประเทศไทยก็มีประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงจนกระทั่งไม่มีเงินคงคลังเหลือพอที่จะจ่ายเงินเดือนข้าราชการ จนจนป๋าเปรมนั้นต้องวิ่งหาเงินเพื่อมาจ่ายเงินเดือนข้าราชการให้ได้
ผมเกิดมาในยุคที่ประเทศไทยยังไม่เจริญก้าวหน้านัก ไม่พัฒนานัก บ้านที่เกิดก็เป็นบ้านห้องแถวไม้ 3 ชั้นที่เราเช่าเขาอยู่ในตลาดในต่างจังหวัด ตอนเย็น ๆ ยังสามารถเห็นค้างคาวบินออกมาจากใต้หลังคาสังกะสีเป็นสายนับร้อยตัวได้
ผมยังจำได้ว่าประเทศเรามีปัญหาเรื่องพลังงานและมีวิกฤตพลังงาน ประเทศไทยเราไม่สามารถผลิตน้ำมันใช้เองได้ ขณะนั้นทั่วโลกเกิดวิกฤตพลังงานเช่นเดียวกัน ดังนั้นในตอนเย็นหลัง 6 โมงเย็นจนถึงประมาณ สองทุ่มจะไม่มีสถานีโทรทัศน์ช่องใดที่เผยแพร่ออกอากาศเลยเพื่อต้องการประหยัดใช้ไฟฟ้าและพลังงาน ผิดกับสมัยนี้ที่มีโทรทัศน์เยอะช่องจนไม่รู้จะดูช่องไหน ผมเกิดมาที่บ้านผมมีโทรทัศน์แค่สองช่องคือช่องเจ็ดและช่องของกรมประชาสัมพันธ์ การได้เข้ามากรุงเทพแล้วได้ดูการ์ตูนช่องสามหรือช่องเก้า เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขมากสำหรับเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง
ในขณะนั้นประเทศไทยยังมีโครงสร้างพื้นฐานเป็นเกษตรกรรมอยู่มาก ตอนเย็น ๆ ผมจะได้ยินรายการวิทยุหรือโทรทัศน์ประกาศราคากลางสินค้าเกษตร ขึ้นต้นเข้ารายการด้วยเพลงที่ว่า “กสิกรแข็งขันเป็นกระดูกสันหลังของชาติ ไทยจะเรืองอํานาจเพราะไทยเป็นชาติกสิกรรม อันชีวิตของกสิกรนั้น ต่างยึดถือความขยันหมั่นหนักหนา ทนทำงานอยู่ระหว่างกลางดินฟ้า ถึงแดดกล้าฝนพรำก็ทำไป” ซึ่งเป็นการประกาศราคาพืชผักชนิดต่าง ๆ
ผมเติบโตมาในสมัยซึ่งนายกรัฐมนตรีคือพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ พยายามปลูกฝังค่านิยมผ่านคำขวัญวันเด็กในทุกๆปี ซึ่งล้วนแล้วแต่เน้นไปที่คุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความกตัญญู ความอดทน การประหยัด การทำงานหนัก การเสียสละเพื่อส่วนรวม และความจงรักภักดี ป๋าเปรมพูดอยู่เสมอว่า ประเทศเราเป็นประเทศด้อยพัฒนาและยังยากจนอยู่ พวกเราจึงต้องช่วยกันซื่อสัตย์ ประหยัด ขยันและอดทนทำงานหนัก เพื่อให้ประเทศเราอยู่รอดได้
ป๋าพาประเทศไทยผ่านวิกฤตพลังงานและวิกฤตเศรษฐกิจมาได้อย่างยากลำบาก ในขณะนั้นเกิดการขุดค้นพบแหล่งน้ำมันดิบที่อำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร ทำให้คนไทยตื่นเต้นกันมากและต่อมาก็มีการขุดค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติที่อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของผม และมีการขุดค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติจำนวนมากมายในอ่าวไทย เช่นเดียวกัน ผมจำได้ว่าการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเกิดขึ้นในสมัยที่ป๋าเปรมเป็นนายกปีนี้แหละครับ เพราะว่าเรามีปัญหาพลังงานและต้องพึ่งพิงบริษัทน้ำมันต่างชาติมากจนเกินไป ป๋าตั้งการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตพลังงาน และลดการพึ่งพิงพลังงานจากต่างชาติ ทำให้เราพึ่งพาตนเองได้ ในขณะเดียวกัน ปตท. ก็มีหน้าที่ที่จะต้องพยุงราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติไม่ให้ขึ้นรวดเร็วเกินไปจนเกิดผลกระทบเดือดร้อนต่อประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินเฟ้อและค่าครองชีพ เป็นยุคที่เรียกว่า โชติช่วงชัชวาล
ผมจำได้ว่าป๋าเป็นคนที่บุกเบิกโครงการพัฒนาเศรษฐกิจพวกนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในภาคตะวันออก และการต่อท่อก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ขึ้นมาเพื่อผลิตเม็ดพลาสติกและปิโตรเคมีต่าง ๆ ทำให้เกิดการขยายท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบัง และเกิดนิคมอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากมาย ประเทศเราเริ่มพัฒนาตนเองเป็นประเทศอุตสาหกรรมมากขึ้นในสมัยที่ป๋าเป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวกันว่าเราเป็นเสือตัวที่ห้าของเอเชีย เป็นประเทศ NICS แต่สุดท้ายเราก็สะดุด เศรษฐกิจไทยมาบูมสุดหลังจากป๋าลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก่อนจะเกิดฟองสบู่แตก
เหตุการณ์หนึ่งซึ่งผมจำได้ไม่เคยลืมเลือนคือ การยุติการก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในประเทศไทยซึ่งแท้จริงแล้วอาจจะมีผู้ที่มีส่วนร่วมและอยู่เบื้องหลังยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหาร หรือคำสั่งที่ 66/2523 ผมจำได้ว่าพ่อเล่าให้ฟังว่าลุงคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของเรา เป็นนักศึกษาแพทย์มหาวิทยาลัยมหิดลก็หลบเข้าป่าไปร่วมอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ แถวสุราษฎร์ธานีในเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 และออกจากป่ามาเพื่อกลับมาเรียนหนังสือจนจบแพทย์ในช่วงเวลาดังกล่าวนั้นเอง
ผมจำได้ว่าป๋ามีส่วนสำคัญยิ่งในการรับใช้พระราชวงศ์และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการก่อตั้งสำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หรือ กปร.
ผมจำได้ว่าสมัยผมเป็นเด็กอยู่ มีความพยายามจะปฏิวัติรัฐประหารอยู่บ่อย ๆ โดยที่พยายามจะโค่นล้มอำนาจเอาป๋าออกจากตำแหน่ง จำได้ว่าป๋าเคยกราบบังคมทูลเชิญ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง คราวเกิดเหตุการณ์กบฏครั้งหนึ่งไปประทับในค่ายทหารที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อถวายความปลอดภัย ทำให้รัฐบาลยังคงอยู่ได้ ไม่พ่ายแพ้กลุ่มยังเติร์ก
อีกเหตุการณ์หนึ่งที่จำได้แม่นยำเช่นกัน คือการลดค่าเงินบาท จำได้ว่าขุนคลังแก้ว สมหมาย ฮุนตระกูล เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ป๋าเป็นนายกรัฐมนตรี ความสะอาดของป๋าและนายสมหมาย ฮุนตระกูล ทำให้ข่าวการลดค่าเงินบาท ไม่มีคนได้ผลประโยชน์จากการลอบซื้อและเก็งกำไรเงินตราต่างประเทศในรอบนั้น แต่ที่จำได้แม่นยำคือ จำได้ว่าผู้บัญชาการทหารบก พลเอก อาทิตย์ กำลังเอก มาแถลงไม่เห็นด้วยกับป๋าและรัฐบาล ในเรื่องการลดค่าเงินบาทดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลและไม่มั่นใจ ตัวช่วยสำคัญที่ออกมาอธิบายให้ประชาชนเข้าใจความจำเป็นของการลดค่าเงินบาท เพราะอธิบายเศรษฐศาสตร์ให้เข้าใจได้ง่ายที่สุด ให้ชาวบ้านเข้าใจได้และเชื่อถือ คือ ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งผมจำได้ว่า ไม่ค่อยจะถูกชะตากันกับป๋ามากนัก แต่คุณชายคึกฤทธิ์ก็ออกมาอธิบายช่วยป๋าเพราะเห็นแก่ประเทศไทยเป็นสำคัญเหนืออื่นใด นี่คือผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองสมัยนั้นที่แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากันแต่ก็เห็นแก่บ้านเมืองเป็นหลักก่อน ไม่นานก็มีการปลดผู้บัญชาการทหารบกและอาทิตย์ก็อัสดงลงไป ผลงานลดค่าเงินบาทของป๋าสมัยนั้นถือว่าเป็นคุณูปการกับเศรษฐกิจของประเทศไทย ทำให้เศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งมากจนมาเกิดฟองสบู่แตกเพราะความโลภมากเกินไปของทุนไทยในภายหลังอีกหลายรัฐบาลในปี 2540
ผมจำได้ว่าป๋าเป็นนายกรัฐมนตรี สามสมัย แปดปี และมีนักวิชาการออกมาต่อต้านการเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบของรัฐบาลป๋าเปรม ป๋าแถลงสั้น ๆ ว่า ผมพอแล้วลูก และก้าวลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างสง่างาม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าแต่งตั้งเป็นองคมนตรี ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษอาวุโส และป๋ายังได้ทำหน้าที่ปลดชนวนความขัดแย้งในบ้านเมือง ทำงานถวายพระเจ้าแผ่นดินด้วยการเป็นประธานองคมนตรีถึงสองแผ่นดิน
จนถึงทุกวันนี้ ผมยังไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหน มีฝีมือในการบริหารราชการแผ่นดิน และรู้จักใช้คนเก่งได้ดีเท่ากับป๋า ผมประทับใจมากที่ป๋าเชิญอาจารย์มหาวิทยาลัยมาสอนหนังสือให้เมื่อต้องบริหารด้านเศรษฐกิจโดยที่ป๋าเองไม่มีความรู้มาก่อน คนที่เป็นนายกรัฐมนตรี ยอมนั่งเรียนหนังสือเพื่อที่จะบริหารประเทศได้ตามหลักวิชาการที่ควรจะเป็น นับว่าเป็นผู้มีความไฝ่รู้และรู้จักใช้คนเป็นเป็นอย่างยิ่ง
ต้นรัชกาลปัจจุบัน ป๋าทำหน้าที่ถวายเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และทำหน้าที่ถวายในงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแม้ว่าจะเริ่มสังเกตเห็นได้ว่าสุขภาพป๋าเริ่มไม่ค่อยอำนวยแล้ว แต่ก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมมากสำหรับผู้มีอายุเกือบร้อยปีเช่นป๋า
บัดนี้ป๋าได้กราบบังคมทูลลาถึงแก่อสัญกรรมแล้วอย่างสงบ
กราบลาป๋า นายกรัฐมนตรีคนแรกในความทรงจำและในดวงใจ ป๋าเหนื่อยและทำงานให้แผ่นดินมานานมากแล้ว สมกับที่ป๋าพูดเสมอว่า เกิดเป็นคนต้องตอบแทนคุณแผ่นดิน