วานนี้ (20 พ.ค.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอบคุณสมาชิกพรรค ทุกระดับ ทุกสถานะ รวมทั้งพี่น้องประชาชนทั่วไป ที่เป็นกำลังใจและสนับสนุนตน ในการเลือกหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 15 พ.ค.ที่ผ่านมา
มีผู้ใหญ่หลายท่าน กรุณาโพสต์ข้อความสนับสนุนตน เช่น ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ที่รู้จักกันมากว่า 30 ปี คุณชัย ราชวัตร ที่ไม่เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน เพียงแค่ชื่นชมในผลงาน และจุดยืนของท่านผ่านสื่อเท่านั้น หลังสุดคือ“ท่านใหม่”ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่ตนไม่เคยรู้จักกับท่านมาก่อน แต่ท่านคงเห็นด้วยกับแนวทางที่ตนเสนอว่า ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน และต้องธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในช่วงของการหาคะแนนเสียงนั้น ตนได้เห็น ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมากมาย หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนหลายๆ คนและเพิ่งจะประจักษ์ด้วยตัวเองว่า ผู้ใหญ่บางคนที่ตนเคยเคารพนับถือมาเกือบ 30 ปี ที่เคยเชื่อว่าดี แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงภาพลวงตา ใครไม่ยอมอยู่ในอาณัติ หรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเมื่อใด ก็กลายเป็นคนที่ต้องถูกพิฆาต แผ่บารมีต่อต้าน วาดภาพให้เป็นคนไม่ดี เป็นคนของคนนั้น คนนี้ เพื่อให้ดูไม่ดีในสายตาเพื่อน บารมีมากล้นที่ควรจะวางตัวเป็นกลาง เพื่อสร้างเอกภาพ กลายเป็นตัวตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น
แต่ก็น่าชื่นใจที่ยังมีผู้ใหญ่อีกหลายคน ที่ตนไม่เคยสนิทสนมด้วย กลับกลายเป็นนักสู้ใจเด็ด ที่ไม่ยอมสยบให้กับอำนาจบารมีที่มากล้นอย่างที่ตนไม่เคยคาดคิดมาก่อน สิ่งเหล่านี้ ทำให้ตนและทีมงาน ซึ่งเป็นเพียงสมาชิกพรรคตัวเล็กๆ ฮึดสู้ สู้ทั้งที่รู้ว่ากำลังเผชิญกับอะไร และจะเผชิญกับอะไรต่อไปในอนาคต
เมื่อผลการเลือกหัวหน้าพรรคออกมา ตนได้รับกำลังใจอย่างมากมาย และพยายามปลอบว่า"ไม่ต้องเสียใจ"
ขอกราบเรียนตรงๆ ณ ที่นี้ว่า ตนไม่มีความรู้สึกเสียใจใดๆ เลย ตรงกันข้าม ยังติดต่อให้กำลังใจเพื่อนๆ ทุกวัน ว่าอย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อถอย และอย่าเสียใจ เพราะเราทำได้ดีที่สุดแล้ว พลังเล็กๆที่มาจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราและเพื่อนๆในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในวันข้างหน้า
"ผมบอกเพื่อนๆว่า เราควรดีใจและภูมิใจอย่างยิ่ง ที่สมาชิกพรรคตัวเล็กๆ อย่างพวกเราและเพื่อนๆ ที่ร่วมทำงานกันมาเพียงแค่หกวัน กลับได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนส.ส. ถึง 20 เสียง น้อยกว่าทีมผู้ชนะเพียง 5 เสียงเท่านั้น พวกเขาต่างหากที่ควรจะต้องเสียใจ และหมดกำลังใจ เพราะแสดงให้เห็นว่า พลังแห่งอำนาจบารมีที่สั่งสมร่วมกันมาหลายสิบปีนั้น บัดนี้เริ่มเสื่อมถอยลงแล้ว สามารถสนับสนุนเอาชนะพลังเล็กๆ ของพวกเราที่ทำงานกันมาเพียงแค่หกวัน ได้เพียงแค่ 5 คะแนน ในส่วนของส.ส. 52 คน และเพียงแค่ 50 คะแนน ในส่วนขององค์ประชุมอื่นประมาณ 250 คน"
บารมีอันมากล้น ชนะพวกเราได้เพียงเท่านั้นเองจริงๆ !!! มันบ่งชี้ถึงความเสื่อมถอยของพวกเขา ใช่หรือไม่ ??? และไม่แน่ กลุ่มบารมีมากล้นนี้ อาจแตกคอกันในเรื่องการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาลก็อาจเป็นได้ ซึ่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกปัญหาหนึ่งต่อไป
"ขอเวลาให้หายเหนื่อยก่อนครับ ผมจะเล่าเรื่องการเลือกหัวหน้าของพรรค ที่ไม่มีเจ้าของ และเบื้องหลังการทำงานของผม และเพื่อนๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงวันเลือกหัวหน้าเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 62 ว่าพวกเราทำงานอย่างไร ต้องเผชิญอุปสรรค และต้องต่อสู้กับอะไรอย่างไร แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ"
มีผู้ใหญ่หลายท่าน กรุณาโพสต์ข้อความสนับสนุนตน เช่น ท่านชูชาติ ศรีแสง อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา ที่รู้จักกันมากว่า 30 ปี คุณชัย ราชวัตร ที่ไม่เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวมาก่อน เพียงแค่ชื่นชมในผลงาน และจุดยืนของท่านผ่านสื่อเท่านั้น หลังสุดคือ“ท่านใหม่”ม.จ.จุลเจิม ยุคล ที่ตนไม่เคยรู้จักกับท่านมาก่อน แต่ท่านคงเห็นด้วยกับแนวทางที่ตนเสนอว่า ประโยชน์ของชาติต้องมาก่อน และต้องธำรงไว้ซึ่งชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ในช่วงของการหาคะแนนเสียงนั้น ตนได้เห็น ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นมากมาย หลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เรียนรู้ตัวตนที่แท้จริงของคนหลายๆ คนและเพิ่งจะประจักษ์ด้วยตัวเองว่า ผู้ใหญ่บางคนที่ตนเคยเคารพนับถือมาเกือบ 30 ปี ที่เคยเชื่อว่าดี แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงภาพลวงตา ใครไม่ยอมอยู่ในอาณัติ หรืออยู่ฝ่ายตรงข้ามกันเมื่อใด ก็กลายเป็นคนที่ต้องถูกพิฆาต แผ่บารมีต่อต้าน วาดภาพให้เป็นคนไม่ดี เป็นคนของคนนั้น คนนี้ เพื่อให้ดูไม่ดีในสายตาเพื่อน บารมีมากล้นที่ควรจะวางตัวเป็นกลาง เพื่อสร้างเอกภาพ กลายเป็นตัวตอกลิ่มให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น
แต่ก็น่าชื่นใจที่ยังมีผู้ใหญ่อีกหลายคน ที่ตนไม่เคยสนิทสนมด้วย กลับกลายเป็นนักสู้ใจเด็ด ที่ไม่ยอมสยบให้กับอำนาจบารมีที่มากล้นอย่างที่ตนไม่เคยคาดคิดมาก่อน สิ่งเหล่านี้ ทำให้ตนและทีมงาน ซึ่งเป็นเพียงสมาชิกพรรคตัวเล็กๆ ฮึดสู้ สู้ทั้งที่รู้ว่ากำลังเผชิญกับอะไร และจะเผชิญกับอะไรต่อไปในอนาคต
เมื่อผลการเลือกหัวหน้าพรรคออกมา ตนได้รับกำลังใจอย่างมากมาย และพยายามปลอบว่า"ไม่ต้องเสียใจ"
ขอกราบเรียนตรงๆ ณ ที่นี้ว่า ตนไม่มีความรู้สึกเสียใจใดๆ เลย ตรงกันข้าม ยังติดต่อให้กำลังใจเพื่อนๆ ทุกวัน ว่าอย่าหมดกำลังใจ อย่าท้อถอย และอย่าเสียใจ เพราะเราทำได้ดีที่สุดแล้ว พลังเล็กๆที่มาจากหัวใจที่ยิ่งใหญ่ของพวกเราและเพื่อนๆในครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในวันข้างหน้า
"ผมบอกเพื่อนๆว่า เราควรดีใจและภูมิใจอย่างยิ่ง ที่สมาชิกพรรคตัวเล็กๆ อย่างพวกเราและเพื่อนๆ ที่ร่วมทำงานกันมาเพียงแค่หกวัน กลับได้รับเสียงสนับสนุนจากเพื่อนส.ส. ถึง 20 เสียง น้อยกว่าทีมผู้ชนะเพียง 5 เสียงเท่านั้น พวกเขาต่างหากที่ควรจะต้องเสียใจ และหมดกำลังใจ เพราะแสดงให้เห็นว่า พลังแห่งอำนาจบารมีที่สั่งสมร่วมกันมาหลายสิบปีนั้น บัดนี้เริ่มเสื่อมถอยลงแล้ว สามารถสนับสนุนเอาชนะพลังเล็กๆ ของพวกเราที่ทำงานกันมาเพียงแค่หกวัน ได้เพียงแค่ 5 คะแนน ในส่วนของส.ส. 52 คน และเพียงแค่ 50 คะแนน ในส่วนขององค์ประชุมอื่นประมาณ 250 คน"
บารมีอันมากล้น ชนะพวกเราได้เพียงเท่านั้นเองจริงๆ !!! มันบ่งชี้ถึงความเสื่อมถอยของพวกเขา ใช่หรือไม่ ??? และไม่แน่ กลุ่มบารมีมากล้นนี้ อาจแตกคอกันในเรื่องการร่วม หรือไม่ร่วมรัฐบาลก็อาจเป็นได้ ซึ่งก็จะเป็นจุดเริ่มต้นของอีกปัญหาหนึ่งต่อไป
"ขอเวลาให้หายเหนื่อยก่อนครับ ผมจะเล่าเรื่องการเลือกหัวหน้าของพรรค ที่ไม่มีเจ้าของ และเบื้องหลังการทำงานของผม และเพื่อนๆ ตั้งแต่ต้นจนถึงวันเลือกหัวหน้าเมื่อวันที่ 15 พ.ค. 62 ว่าพวกเราทำงานอย่างไร ต้องเผชิญอุปสรรค และต้องต่อสู้กับอะไรอย่างไร แล้วจะเล่าให้ฟังนะครับ"