ผู้จัดการรายวัน 360 - "อ.เดชา" ห่วงผลการพิจารณา "สูตรน้ำมันกัญชา" เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิม วันนี้ (16 พ.ค.) ระบุหากไม่ผ่านเกณฑ์จะกระทบผู้ป่วยที่มาลงทะเบียนแล้วกว่า 2 หมื่นคน แต่หากเข้าเกณฑ์อาจดันเป็นตำรับที่ 17 สามารถจ่ายได้ทันที ขณะที่งานวิจัยร่วมจุฬาฯ ยังไม่ผ่าน คกก.จริยธรรมวิจัยในคน ส่วนยอดผู้ป่วยลงทะเบียนขอใช้ "กัญชา" ผ่านเน็ต 2 วันทะลุ 5 พันราย
วานนี้ (15 พ.ค.) นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแจก "น้ำมันกัญชา" ของ อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ว่า การใช้ยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมทางการแพทย์ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ 1.ยาภายใต้การกำกับดูแลของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ ตำรับยาที่มีอยู่ในตำรายาดั้งเดิม ที่ประกาศออกมาแล้ว 16 ตำรับ และตำรับยาของหมอพื้นบ้าน ซึ่งน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา น่าจะเข้าในส่วนนี้มากกว่า โดยวันที่ 16 พ.ค. กรมการแพทย์แผนไทยฯ จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา จัดเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมหรือไม่
"เรื่องนี้ อ.เดชา ค่อนข้างเป็นกังวล เพราะเท่าที่ประเมินมีคนที่มาลงชื่อเพื่อขอรับน้ำมันกัญชากับทางมูลนิธิฯ ประมาณ 20,000 กว่าคนแล้ว หากกรมฯ ไม่รับรองตำรับยานี้ก็จะมีปัญหาทันที ทำให้ไม่สามารถแจกยาได้ แต่หากพิจารณาว่าเข้าข่ายตามเกณฑ์ของกรมฯ และเป็นตำรับยาที่ 17 อ.เดชา ในฐานะหมอพื้นบ้านก็จะสามารถจ่ายน้ำมันกัญชานี้ได้" นายวิฑูรย์ กล่าว
ส่วนแบบที่ 2.การใช้ยากัญชาผ่านโครงการวิจัย ซึ่งการวิจัยน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนี้ยื่นเสนอคณะกรรมการจริยธรรมในการวิจัยในคนไปแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการอนุมัติ และจะต้องผ่านการอนุมัติโครงการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงการเปิดรับลงทะเบียนผู้ป่วยใช้กัญชาทางการแพทย์ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเปิดรับลงทะเบียนระหว่างวันที่ 13-21 พ.ค. 2562 ว่า ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. ถึงช่วงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. มีการเข้าสู่เว็บไซต์เพื่อรอลงทะเบียนแล้ว 25,713 ราย โดยกดยืนยันข้อมูลแล้ว 5,037 ราย
วานนี้ (15 พ.ค.) นายวิฑูรย์ เลี่ยนจำรูญ ผู้อำนวยการมูลนิธิชีววิถี กล่าวถึงความคืบหน้าในการแจก "น้ำมันกัญชา" ของ อ.เดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญ จ.สุพรรณบุรี ว่า การใช้ยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมทางการแพทย์ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ 1.ยาภายใต้การกำกับดูแลของกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ ตำรับยาที่มีอยู่ในตำรายาดั้งเดิม ที่ประกาศออกมาแล้ว 16 ตำรับ และตำรับยาของหมอพื้นบ้าน ซึ่งน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา น่าจะเข้าในส่วนนี้มากกว่า โดยวันที่ 16 พ.ค. กรมการแพทย์แผนไทยฯ จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาน้ำมันกัญชาสูตร อ.เดชา จัดเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมหรือไม่
"เรื่องนี้ อ.เดชา ค่อนข้างเป็นกังวล เพราะเท่าที่ประเมินมีคนที่มาลงชื่อเพื่อขอรับน้ำมันกัญชากับทางมูลนิธิฯ ประมาณ 20,000 กว่าคนแล้ว หากกรมฯ ไม่รับรองตำรับยานี้ก็จะมีปัญหาทันที ทำให้ไม่สามารถแจกยาได้ แต่หากพิจารณาว่าเข้าข่ายตามเกณฑ์ของกรมฯ และเป็นตำรับยาที่ 17 อ.เดชา ในฐานะหมอพื้นบ้านก็จะสามารถจ่ายน้ำมันกัญชานี้ได้" นายวิฑูรย์ กล่าว
ส่วนแบบที่ 2.การใช้ยากัญชาผ่านโครงการวิจัย ซึ่งการวิจัยน้ำมันกัญชาของ อ.เดชา ร่วมกับคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะนี้ยื่นเสนอคณะกรรมการจริยธรรมในการวิจัยในคนไปแล้ว แต่ยังไม่ผ่านการอนุมัติ และจะต้องผ่านการอนุมัติโครงการวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ด้วย
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวถึงการเปิดรับลงทะเบียนผู้ป่วยใช้กัญชาทางการแพทย์ทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งเปิดรับลงทะเบียนระหว่างวันที่ 13-21 พ.ค. 2562 ว่า ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ค. ถึงช่วงเวลา 12.00 น. ของวันที่ 15 พ.ค. มีการเข้าสู่เว็บไซต์เพื่อรอลงทะเบียนแล้ว 25,713 ราย โดยกดยืนยันข้อมูลแล้ว 5,037 ราย