แม้ยังมีข้อถกเถียงภายในของสมาชิกพรรค แต่ชื่อของประชาธิปัตย์ ถูกนำไปบรรจุเป็นอีกหนึ่งในพรรคการเมืองที่จะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย แม้ ส.ส.ของพรรคบางส่วนจากทั้งหมด 52 คน จะแสดงจุดยืนต่อต้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาสืบทอดอำนาจก็ตาม
ทางเลือกทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์มีไม่มาก เพราะการจับมือกับพรรคเพื่อไทย ประตูถูกปิดตาย ตราบใดที่พรรคเพื่อไทยยังไม่ก้าวออกจากเงาของนายทักษิณ ชินวัตร และการเป็นฝ่ายค้านอิสระ สมาชิกส่วนใหญ่น่าจะไม่เอาด้วย
แต่การจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ ส.ส.ประชาธิปัตย์จำนวนมากคงพร้อมตามแห่ และคงเตรียมหาข้อแก้ตัวกับประชาชนไว้แล้ว
การร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ย่อมดีกว่าการย้ายขั้วไปร่วมกับพรรคเพื่อไทย และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ประกาศไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี ได้พ้นจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคไปแล้ว ทำให้ประชาธิปัตย์ตัดสินใจง่ายขึ้น
แต่ทำอย่างไรจึงร่วมกับพรรคพลังประชารัฐอย่างสง่างาม มีศักดิ์ศรี มีข้ออ้างที่สมเหตุสมผล และประชาชนให้การสนับสนุน
การเจรจาจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ยังไม่ลงตัว เนื่องจากการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ โดยพรรคภูมิใจไทย ซึ่งชูนโยบายสนับสนุนการปลูกกัญชาเสรี จนประชาชนส่วนหนึ่งเทคะแนนเสียงให้ และควรพอใจในโควตากระทรวงสาธารณสุข แต่กลับมีข่าวว่า พรรคภูมิใจไทยต่อรองขอกระทรวงคมนาคม
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ มีข่าวว่า อยากดูแลด้านเศรษฐกิจ ทั้งๆ ที่ประชาธิปัตย์ล้มเหลวในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจมาตลอด ตั้งแต่รัฐบาลนายชวน หลีกภัย จนถึงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์
รัฐบาลชุดใหม่ถูกคาดหมายว่า จะอยู่ได้ไม่นาน ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ต้องประเมินว่า ภายในระยะเวลาสั้นๆ จะสร้างผลงานอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรม มากกว่าเน้นต่อรองขอดูแลรายกระทรวง โดยเฉพาะกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญ
เพราะภายใต้รัฐบาลอายุสั้น พรรคประชาธิปัตย์คงไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่หมักหมมมานับสิบๆ ปีในหลายรัฐบาลได้ การเข้าร่วมรัฐบาลครั้งนี้ ประชาธิปัตย์ก็จะไร้ผลงานตามเคย
ภายในเวลาที่จำกัด ประชาธิปัตย์ควรประเมินว่า จะสร้างผลงานอะไรให้เป็นที่ประจักษ์และถูกจดจำได้บ้าง
เพราะว่ากันโดยข้อเท็จจริงแล้ว ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลมานับสมัยไม่ถ้วน ทั้งเป็นพรรคร่วมและเป็นแกนนำในการจัดตั้ง แต่ไม่เคยมีผลงานที่ถูกพูดถึงหรือนำไปอ้างอิงได้แม้แต่น้อย
ผิดจากรัฐบาลนายทักษิณ ซึ่งอย่างน้อยผลงาน 30 บาทรักษาทุกโรคยังถูกพูดถึงอยู่ และสามารถสร้างจุดขายให้พรรคเพื่อไทยจนถึงวันนี้
ความเป็นพรรคการเมืองที่พยายามนำเสนอจุดขายด้านอุดมการณ์ เต็มไปด้วย ส.ส.ฝีปากกล้า แต่ไม่มีผลงานในเชิงปฏิบัติ ทำให้มวลชนเกิดความเบื่อหน่าย คะแนนนิยมตกวูบ โดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า
พรรคประชาธิปัตย์ต้องทบทวนตัวเองครั้งใหญ่ ต้องปรับตัวใหม่ เพราะถ้ายังหากินกับบุญเก่า การเลือกตั้งครั้งต่อไป อาจถูกมวลชนลงโทษ และกลายเป็นเพียงพรรคการเมืองขนาดจิ๋ว ถูกพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่อย่างพรรคอนาคตใหม่บดขยี้จนอับอายขายขี้หน้าซ้ำสอง
แทนที่จะต่อรองขอคุมกระทรวง เปลี่ยนมาเป็นต่อรองขอดำเนินนโยบายด้านใดด้านหนึ่งดีกว่าไหม จะได้โควตากระทรวงไหนบ้างไม่สำคัญ แต่ขอให้ประชาธิปัตย์ได้ดำเนินนโยบายเรื่องใดเรื่องหนึ่งเท่านั้น และทำนโยบายให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมสักครั้ง
การปฏิรูปตำรวจ เป็นหนึ่งในนโยบายที่พรรคประชาธิปัตย์หาเสียงไว้ ถ้าตั้งเงื่อนไขร่วมรัฐบาล ประกาศจะเข้าไปสานต่อนโยบายปฏิรูปตำรวจ ประชาชนส่วนใหญ่น่าจะสนับสนุนการตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์
และการปฏิรูปตำรวจน่าจะดำเนินการได้ภายในเวลาสั้น เพราะมีผลการศึกษาและแนวทางการปฏิรูปตำรวจ รวมทั้งมีการร่างกฎหมาย โดยคณะกรรมการหลายชุดที่รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ตั้งไว้
ประชาธิปัตย์รู้ถึงปัญหาของตำรวจดี มีประสบการณ์เกี่ยวกับพฤติกรรมของตำรวจ เพราะตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ระบอบทักษิณมีอำนาจ ตำรวจใหญ่จำนวนมาก ยอมก้มหัวรับใช้ระบอบทักษิณเพื่อแลกกับตำแหน่ง ยอมเป็นเครื่องมือปราบปรามฝ่ายตรงข้าม
พรรคประชาธิปัตย์อยู่ในฐานะที่มีอำนาจต่อรองเพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาลอย่างเต็มที่ เพราะถ้าขาดประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ จะต้องไล่ตามจับงูเห่าอีกจำนวนมาก เพื่อให้เสียงเพียงพอจัดตั้งรัฐบาล
และถ้าขาดพรรคประชาธิปัตย์ ความฝันที่จะกลับมาสืบทอดอำนาจของพล.อ.ประยุทธ์จะดับลงทันที
ประชาชนเรียกร้องให้ปฏิรูปตำรวจมายาวนาน แต่พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งมีกองทัพหนุนหลังเต็มตัว กลับไม่กล้าปฏิรูปตำรวจ คำถามคือ ประชาธิปัตย์กล้าหรือเปล่า
การเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ยังมีพฤติกรรมเก่าๆ นั่งต่อรองขอโควตารัฐมนตรี ประชาธิปัตย์ถูกด่าแน่
แต่ถ้าตั้งเงื่อนไข ขอเข้าไปสานต่อนโยบายปฏิรูปตำรวจ และเดินหน้าปฏิรูปอย่างจริงจังให้ปรากฏผลงานอย่างเป็นรูปธรรม ประชาชนจะหันมาสนับสนุนการเข้าร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์อย่างเต็มที่
การเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ประชาธิปัตย์ต้องก้าวข้ามโควตารัฐมนตรี แต่ตั้งเงื่อนไขเข้าไปปฏิรูปตำรวจเพียงประการเดียวนั้น
เพราะเป็นเงื่อนไขที่จะฟื้นศรัทธาของประชาธิปัตย์