บ้านนี้เมืองนี้หวนคืนสู่บรรยากาศน้ำเน่าเก่าๆ หรือวงจรอุบาทว์ หลังจาก 5 ปี ภายใต้การบริหารของคณะ 3 ลุง เลือกตั้งตามกฎเกมเขียนขึ้นมาเฉพาะกาลเฉพาะกลุ่ม ไม่มีอะไรให้ความหวังว่าอนาคตประเทศจะดีขึ้น สภาพการเมืองยังด้อยพัฒนาคาที่เดิม
อย่างที่เคยว่านั่นแหละ การเมืองเป็นเรื่องของการลงทุนก้อนใหญ่ ดิ้นรนต่อสู้ใช้เงินและวิธีอื่นให้ชนะ จากนั้นต่อรองเงื่อนไขเพื่อหวังผลประโยชน์ หาทางให้ลงตัวสำหรับฝ่ายต้องการกุมอำนาจรัฐ ชาวบ้านจึงได้เห็นความน่าอนาถในธาตุแท้ของคน
เรียกให้ดูดีสมค่าเหนื่อยว่าเป็นระบบจัดสรรปันส่วนคะแนนของ ส.ส.ที่พึงมี!
จากการลงทุนแรงเงิน แรงคนเพื่อชิงเก้าอี้ ส.ส.ตามคะแนนและสิทธิพึงได้ เมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้งรับรองแล้ว ก็ถึงวาระต่อรองเพื่อสิทธิและโอกาสสำหรับตักตวงกอบโกยผลประโยชน์ที่พึงได้ ในการจัดสรรปันส่วนความมั่งคั่งของทรัพยากรแผ่นดิน
ช่วงนี้ไม่มีใครพูดถึงประชาชนว่าควรจะได้อะไร การต่อรองเข้มข้น ทั้งวงในวงนอกในการแก่งแย่งจังหวะระดมจำนวนพรรคและ ส.ส.ให้ได้เสียงข้างมากเพื่อจัดตั้งรัฐบาล ฝ่ายที่ดูเหมือนจะสำเร็จ ได้เสียงปริ่มน้ำก็อ้างว่าไม่เป็นไร ไปหาเพิ่มข้างหน้า
มีเสียงร่ำลือการต่อรองราคาขายตัวในกลุ่มนักเลือกตั้ง บางพวกลงทุนไปซื้อเสียงแล้ว ได้สำเร็จ ก็ยกยอดเอามาตั้งราคาสำหรับขายตัวเอง ราคาดีเพราะพรรคเงินหน้าดิ้นรนจะเป็นรัฐบาลต้องทุ่มทรัพยากรทุกอย่างเพื่อเข้ากุมอำนาจรัฐให้สำเร็จ
พรรคเบี้ยหัวแตก หรือพวกต่ำเอี่ยวที่ได้เก้าอี้มาตามแบบคณิตศาสตร์พิสดาร เป็นอภินิหารทางกฎหมายและการคำนวณ ส่งเสียวเจี๊ยวจ๊าวดีใจได้วาสนามาเกย รวมตัวสร้างอำนาจต่อรอง เหมือนไม้ไผ่อันเดียวไม่แข็งพอ ต้องรวมเป็นมัด หักยาก
ใครที่คิดว่ามีราคาค่างวดก็ต้องทำตัวเองให้ได้ค่าสูงสุด โอกาสอย่างนี้ในภาวะเศรษฐกิจอับเฉาตายซากระดับกลางถึงล่าง การจะได้ทุนก้อนใหญ่ต่อยอดชีวิตอยู่สุขสบายไม่ใช่ง่าย ไหนๆ ก็ไหนๆ ต้องเอาให้คุ้ม อนาคตเป็นอย่างไร ค่อยว่ากันใหม่
จึงมีข่าวเรื่องการต่อรองไม่ลงตัว ต้องได้กระทรวงนั่นนี่โน่น ตำแหน่งรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีช่วย ถือว่าเป็นสิทธิพึงมีพึงได้ตามคะแนนที่ประชาชนกาเบอร์ให้ พรรคพลังดูดที่ได้ดูดผู้สมัคร ส.ส.ต้องออกแรงเพิ่มข้อเสนอเกินห้ามใจเพื่อดูดพรรคอีกรอบ
มีเสียงปฏิเสธแข็งขันว่า “ไม่จริ๊ง ไม่จริง” ใครว่าพรรคสะตอ พรรคเสี่ยหนู และพรรคชาติๆ อะไรนั่น รวมตัวต่อรองให้พรรคพลังดูดคายเก้าอี้คุมเศรษฐกิจออกมาจัดสรรปันส่วนให้บ้าง จริงหรือไม่จริง อีกไม่กี่วันก็รู้ชัด ยังมีปมต้องให้แกะอีกเยอะ
ค่ายสะตออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านคณะกรรมการบริหารและหัวหน้าพรรค ขับเคี่ยวช่วงชิงตามธรรมชาติ แต่ว่าในป่าสะตอครั้งนี้มีความแปลกปลอม มีกลุ่มกาเหว่าและงูเห่า คุมโดยคนเป่านกหวีดนักเดินตระเวนถือถุงดำ เห็นหน้าผิวคล้ำพอให้จำได้
การต่อรองเรื่องคุมกระทรวง เก้าอี้รัฐมนตรี และตำแหน่งมีความหมายต่างๆ เป็นเรื่องจริง ไม่อย่างนั้นคงสรุปไปเรียบร้อยแล้ว ทุกวันนี้ยังมีเสียงร่ำลือว่าพรรคสะตอและพรรคเสี่ยหนูยังไม่ได้ตกปากรับคำยืนยันมั่นเหมาะว่าเข้าร่วมหามลุงแน่ๆ
ทุกวันนี้ลุงจึงดูเหงาๆ หงอยๆ ไป ระดับความห้าวเป้งลดวูบแบบน่าใจหาย ยิ่งมีเสียงต่อรองว่าคณะ 3 ลุงไม่ควรจะมีอีกเพื่อลดจุดอ่อนในประเด็น “สืบทอดอำนาจ” ดังนั้นให้เหลือเพียงลุงเดียว ถ้ายอมเช่นนั้น จะได้เห็นสภาพลุงเป็นเหมือน “เจว็ด”
จากผู้นำรัฐบาลกุมอำนาจคับแผ่นดิน ตวาดใส่ชาวบ้านหน้าไหนที่บังอาจมากวนใจ จะกลายสภาพเป็นผู้นำคณะเป็ดง่อย ฟังเสียง ส.ส.นักขายตัวขู่ฟ่อๆ ทุกวัน ถ้าจะยกมือในสภาแต่ละครั้งในสภาวะเสียงปริ่มน้ำ ต้องมีแรงจูงใจจนน่าพอใจ
แค่เริ่มต้น ยังวุ่นขนาดนี้ เปิดสภาแล้วจะแค่ไหน แถมช่วงนี้มีข้อเสนอเกินห้ามใจสำหรับหนุ่มใหญ่มาร์ค และเสี่ยหนู โดยฝ่ายตรงข้ามลุง เพียงเพื่อจะปิดบทบาท ส.ว.ก็ยิ่งทำให้ดูน่าหวาดเสียวเหมือนหนังสยองขวัญเกรดต่ำฉาย 2 เรื่องควบยุคก่อน
ข้อครหาต่างๆ สำหรับ กกต.ยังมีคำร้องเรียนเกี่ยวกับตัวผู้สมัครยังคาอยู่ โดย กกต.ถูกกล่าวหาว่าปล่อยผี ส.ส.เข้าไปมีสิทธิทำอะไรต่างๆ ที่พึงทำได้ ถ้าภายหลังเป็นพวกขาดคุณสมบัติ อะไรๆ ก็ทำไปแล้ว รวมทั้งยกมือตั้งรัฐบาล ใครจะรับผิดชอบ
ใครจะตามไปทวงเงินเดือน ถ้าเลือกตั้งใหม่ จะเอาเงินภาษีชาวบ้านไปจัดแล้วพวกที่ทำงานไม่ทันเวลา ไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายอะไรเลย เพราะที่ผ่านมา ไม่มีใครรับผิดชอบอะไร แม้กระทั่ง “ค่าโง่” ก้อนใหญ่ที่เป็นตราบาปประทับแผ่นดิน
อย่านึกว่าลุงจะไร้วิบากกรรม มีเสียงกระแอมไอดังๆ ว่าการที่ลุงแต่งตั้ง ส.ว.ให้มายกมือเลือกลุงให้เป็นนายกฯ นั้น ดูอย่างไรมันก็อุจาดสุดๆ เข้าข่ายผลประโยชน์ทับซ้อน การเมืองในระบบที่พัฒนาแล้วไม่ทำกัน หรือประชาชนไม่ยอมให้ทำเด็ดขาด
มีอย่างที่ไหน ตั้งคนมาให้เลือกตัวเองเป็นนายกฯ และตัวเองก็ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง แถมยังมีคนเขียนรัฐธรรมนูญให้ ส.ว.อยู่ได้ 5 ปี เลือกนายกฯ ได้ 2 สมัย อะไรๆ มันจะโลกสวยทำให้รวยทรัพย์อู้ฟู่ขนาดนั้น ไม่ดูน่าอนาถเกินไปหน่อยเรอะ!
ส.ว.ที่ตั้งมาให้ความหวังอะไรกับอนาคตประเทศได้บ้าง มีแต่กลุ่มผลประโยชน์
เมื่อการเมืองเป็นการจัดสรรผลประโยชน์ให้ลงตัวทั่วกัน มีกฎหมายกดหัวห้ามชาวบ้านรวมตัวเดินขบวนประท้วงความไม่ดีงาม ผู้มีอำนาจไร้คุณธรรม จริยธรรม และยางอายยังนึกว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่ระวัง! ยุคนี้อย่าหวังว่าจะง่ายเหมือนที่เคยทำ
เรื่องวุ่นๆ ทั้งหมดคือผลงานของคณะ 3 ลุงที่ไม่จัดการปฏิรูปการเมือง จากนี้ไปถ้าพลาดพลั้ง จะไม่ทันได้หาข้อแก้ตัวและมีโอกาสได้เป็นพลเมืองสากลด้วย!