“พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณมหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว”
“ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐” ทรงประกาศ พระปฐมบรมราชโองการ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช 2562 ไว้ว่า
เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม นำมาซึ่งความปีติยินดีเปี่ยมล้นดวงใจปวงชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่ง เรียกว่า...แทบทุกมิติเต็มไปด้วยพลังแห่ง “ราชาผู้ยิ่งใหญ่” เบื้องหน้าพระเจ้าอยู่หัวที่ทุกคนล้วน “สวมเสื้อสีเหลือง” ...ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ...ทรงพระเจริญ...ทรงพระเจริญ...
พระราชพิธีบรมราชาภิเษกอันทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ ระหว่างวันที่ 4-5-6 พฤษภาคม 2562 ถือเป็นปฐมแห่งแผ่นดิน “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐” ทรงสืบสาน รักษา ต่อยอด การครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์แห่งอาณาราษฎร ตามพระราชปณิธาน “ในหลวงรัชกาลที่ ๙”...
อีกทั้งยังสะท้อนให้ชาวไทยและชาวโลก ได้รับรู้ถึงความเป็นจริงในสังคมไทยว่า “สถาบันพระมหากษัตริย์” กับ “พสกนิกรชาวไทย” ไม่มีวันที่ใครหน้าไหนจะกระทำให้แตกแยกจากกันได้ เพราะ “ฟ้าอันยิ่งใหญ่” และ “ดินอันไพศาล” ได้ผนึกพลังเป็นหนึ่งเดียวทั้งในยามรุกรบปกป้องเอกราชให้ชาติ อีกทั้งต้องนำความสงบศานติมาสู่สังคมไทยอย่างยั่งยืน…
ทำให้ปวงชนชาวไทยหวนรำลึกถึง “ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ราชาผู้ครองแผ่นดินโดยธรรม” ที่แม้องค์ราชาผู้ทรงธรรมสถิต ณ สรวงสวรรค์ แต่ปวงประชาทั่วแว่นแคว้นมิมีวันลืมเลือนนิรันดร์...
เรื่องราวมากมายในแผ่นดินไทยแห่งนี้ มีเรื่องดีงามควรค่าแก่การสรรเสริญมิรู้จบ และมีทั้งเรื่องเลวทรามต่ำช้าควรถูกประณามสาปแช่งไปทั่วทั้งแผ่นดิน เช่น
เรื่องราวของ “ประชาธิปไตยที่แท้จริงของประชาชน” ไม่เคยเกิดขึ้นจริงในประเทศไทยเลย! เพราะถูกบรรดา “โจรการเมือง” ยกพวกเข้ามา “รุมปล้นฆ่า-ประชาธิปไตย-จนล้มตาย” ตั้งแต่ยัง “ไม่คลอด”
ดังนั้น ความจริงที่ปวงชนชาวไทยต้องรับรู้ คือ “ประเทศไทยยังไม่เคยมีประชาธิปไตยแท้จริงของปวงชนชาวไทย” ตั้งแต่อดีตตราบปัจจุบัน...
ด้วยมิได้ศึกษาประเทศไทยอย่างลึกซึ้งแตกฉาน ในความไม่พร้อมหลากมิติของชาติและประชาชน รัฐประหารในวันที่ 24 มิถุนายน 2475 ของ “คณะราษฎร” ส่งผลให้ “พระมหากษัตริย์ทรงอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ”! โดย “คณะราษฎร” กดดันจน “ในหลวงรัชกาลที่ ๗” ทรงสละราชสมบัติ ในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477
ดังจะขอยกอ้างเพียงบางส่วนของคำประกาศสละราชสมบัติ ของ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ลงวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2477 เวลา 13.45 น. ซึ่ง “เจ้าพระยาศรีธรรมาธิเบศ” ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับพระราชทานพระราชหัตถเลขาของพระองค์ไว้ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไว้ว่า
“...ข้าพเจ้ามีความเต็มใจที่จะสละอำนาจอันเป็นของข้าพเจ้าอยู่แต่เดิมให้แก่ราษฎรโดยทั่วไป แต่ข้าพเจ้าไม่ยินยอมยกอำนาจทั้งหลายของข้าพเจ้าให้แก่ผู้ใดคณะใดโดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร
บัดนี้ข้าพเจ้าเห็นว่าความประสงค์ของข้าพเจ้าที่จะให้ราษฎรมีสิทธิออกเสียงในนโยบายของประเทศโดยแท้จริงไม่เป็นผลสำเร็จ และเมื่อข้าพเจ้ารู้สึกว่าบัดนี้เป็นอันหมดหนทางที่ข้าพเจ้าจะช่วยเหลือหรือให้ความคุ้มครองแก่ประชาชนได้ต่อไปแล้ว ข้าพเจ้าจึงขอสละราชสมบัติและออกจากตำแหน่งพระมหากษัตริย์แต่บัดนี้เป็นต้นไป ข้าพเจ้าขอสละสิทธิของข้าพเจ้าทั้งปวง ซึ่งเป็นของข้าพเจ้าในฐานที่เป็นพระมหากษัตริย์ แต่ข้าพเจ้าสงวนไว้ซึ่งสิทธิทั้งปวงอันเป็นของข้าพเจ้าแต่เดิมมาก่อนที่ข้าพเจ้าได้รับราชสมบัติสืบสันตติวงศ์..”
ทว่า...น่าเสียใจยิ่งนัก! ที่ “ในหลวงรัชกาลที่ ๗” ทรงเต็มใจสละพระราชอำนาจของพระองค์ให้แก่ราษฎร แต่จากวันนั้นจนวันนี้ การณ์กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง นั่นคือ “นักการเมืองสามานย์” ทั้งหลาย ได้ปล้นชิงอำนาจจากมือประชาชนตลอดมา
น่าทึ่งจนประชาชนอึ้งกิมกี่อยู่ในวันนี้ ไฉนไย “ในหลวงรัชกาลที่ ๗” ทรงรู้ล่วงหน้าว่า รัฐไทยในระบอบ “ประชาธิปไตยเลือกตั้งสกปรก” อำนาจรัฐมักตกไปอยู่ในกำมือ “นักการเมืองเลว” โดยส่วนใหญ่ ในขณะที่โอกาส “นักการเมืองดี” จะได้เข้าไปบริหารชาติบ้านเมืองมีน้อยมาก
ดั่งที่ “ในหลวงรัชกาลที่ ๗” ได้ทรงประกาศ ไว้ในพระราชหัตถเลขาว่า
...พระองค์ไม่ทรงยินยอมยกอำนาจทั้งหลายให้แก่ผู้ใดคณะใดโดยเฉพาะเพื่อใช้อำนาจนั้นโดยสิทธิขาดและโดยไม่ฟังเสียงอันแท้จริงของประชาราษฎร…
80 กว่าปีผ่านไปไวเหมือนโกหก ชาติไทยได้เกิด “วงจรอุบาทว์ทางการเมือง” ซ้ำซาก ที่นอกจากไม่ทำให้ชาติ “เดินหน้า” ไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองแล้ว ยังกลับฉุดรั้งชาติให้ “ย่ำเท้าอยู่กับที่” แถมบางครายัง “เดินถอยหลัง” หวนคืนสู่การเมืองน้ำเน่าอีกด้วย...เอ๊ะ!... “ใครหว่าที่ทำชั่วเช่นนั้น”???
อืม...ก็ “นักการเมืองเลือกตั้ง” โกงชาติ กับ “นักรัฐประหาร” ที่ไม่ปฏิรูปชาติ...ไงล่ะ...จริงไหม???
น่าเสียดายและโชคร้ายของชาติไทย...ที่ยังไร้ “นักเลือกตั้ง-นักรัฐประหารที่ดี(ว่ะ)”!!!