xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ ขู่จะขึ้นภาษีสินค้าจีนอีกรอบ

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐอเมริกา
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ยังห้าวกล่าวแรงไม่มีตกเหมือนเดิมแม้จะถูกมรสุมปัญหารุมเร้าอย่างไรก็ยังเปิดศึกได้ไม่จำกัด ไม่คำนึงว่าจะมีผลกระทบต่อใครในระยะสั้นหรือระยะยาวและไม่ใส่ใจด้วยว่าคนอเมริกันหรือชาติไหนจะมองอย่างไร

เพราะทรัมป์เชื่อว่า คำประกาศ “อเมริกาต้องมาก่อน” ยังขายได้ ถูกใจคนอเมริกันนั่นเอง และยิ่งต้องเตรียมหาเสียงสำหรับการรักษาเก้าอี้ผู้นำทำเนียบขาวในปี 2020 ด้วยแล้ว ทรัมป์ต้องแสดงความเป็นผู้นำ ใครก้าวข้าม หรือแหยมไม่ได้ อย่างนั้นเลย

นี่ก็ยังฮึ่มๆ อยากสั่งทหารไปลุยผู้นำเวเนซุเอลาให้ตกเก้าอี้ด้วยซ้ำ แต่ยังเกรงรัสเซียเพราะได้เข้าไปเป็นไม้กันหมา ในประเทศซึ่งมีน้ำมันดิบสำรองมากที่สุดในโลก ทรัมป์ได้แต่มองตาขวาง ไม่อยากหักดิบ ได้คุยกับผู้นำรัสเซีย หาทางออกให้สวย

คงจะมีข้อต่อรอง เช่นถ้าวางมือจากเวเนซุเอลา สหรัฐฯ จะผ่อนเงื่อนไขการค้า!

แต่ละวันทรัมป์มีคำขู่ คำปราม และคำกล่าวหาคนนั้นคนนี้ ช่วงนี้พยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ ไม่ให้คณะกรรมาธิการในสภาคองเกรส นำโดยพรรคเดโมแครต ได้เอกสารเกี่ยวกับการเสียภาษีแต่ละปีไปเปิดเผย จ้างทนายฟ้องทุกคนที่ต้องการไปแตะหลักฐาน

แม้จะมีคำขออย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทรัมป์ก็ยังจ้างทนายฟ้องเพื่อสกัดกั้น!

ในสนามการค้าระหว่างประเทศ ทรัมป์ยังใช้มาตรการคว่ำบาตรเล่นงานประเทศที่ตัวเองไม่ชอบ ทั้งรัสเซีย อิหร่าน เกาหลีเหนือ เวเนซุเอลา และใช้มาตรการกำแพงภาษีเล่นงาน โดยเฉพาะจีน ซึ่งทำให้เกิดความปั่นป่วนในตลาดการเงิน และตลาดสินค้า

บริษัทอเมริกัน และคนอเมริกันต้องรับผลกระทบไปด้วย ขวางทรัมป์ไม่ได้ด้วย!

ทรัมป์ยังเชื่อมั่นว่าทุกประเทศจะต้องพึ่งพาและงอนง้อต่อสหรัฐฯ ในความเป็นตลาดสำหรับสินค้าทุกประเภท และถ้าไม่มีตลาดอเมริกาประเทศผู้ส่งออกจะต้องเผชิญปัญหารายได้ตก หาตลาดส่งออกสินค้าไม่ได้ ต้องใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเพื่อค้าขายด้วย

แต่มีความพยายามหลายประเทศที่จะทำข้อตกลงค้าขายโดยใช้สกุลเงินของตนเอง เช่นอินเดีย รัสเซีย และจีน ในการเปิดตลาดใหม่ เลี่ยงแรงกดดันของสหรัฐฯ แม้จะต้องเผชิญกับความยากลำบาก ก็จำเป็นต้องทำดีกว่ายอมให้สหรัฐฯ ข่มทุกทาง

เมื่อมีพลังด้านการต่อรอง ถ้าจะต้องเจรจากับใครทรัมป์จะใช้มาตรการต่างๆ ขู่ไว้ก่อน ล่าสุดประกาศว่าจะยกระดับกำแพงภาษีจาก 10 เปอร์เซ็นต์ เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าการเจรจาหาข้อตกลงไม่ได้

ประกาศออกมาทั้งๆ ที่คณะจากจีนกำลังเดินทางไปเจรจาการค้า และตัวแทนของสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์สื่อว่ามีลู่ทางแนวโน้มแจ่มใสในการบรรลุข้อตกลง แต่ทรัมป์ไม่สน ขู่ไว้ก่อน ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์ร่วงไป 400 จุดในการค้าขายวันจันทร์

สร้างความปั่นป่วนให้ตลาดหุ้น และความไม่แน่นอนในตลาดการค้า แต่ทรัมป์ไม่ใส่ใจ หวังว่าเป็นมาตรการตัดไม้ข่มนามคณะเจรจาจากจีนไว้ก่อน เดิมทรัมป์ตั้งเส้นตายไว้วันที่ 1 มีนาคมปีนี้ ว่าจะขึ้นภาษี แต่ยอมเลื่อนไปก่อนเปิดช่องให้มีการเจรจา

เหตุผลอีกด้านคือมีเสียงโอดครวญจากธุรกิจและผู้บริโภคอเมริกัน ต้นทุนการผลิต และค่าครองชีพเพิ่มเพราะสินค้าราคาต้องถูกปรับตามอัตราภาษี สินค้าของสหรัฐฯ ขายในจีนลำบาก เกิดความรู้สึกชาตินิยมต่อต้านสินค้าสหรัฐฯ ในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือยอดฮิต “ไอโฟน” ร่วง ขณะที่ของหัวเว่ยรุ่ง!

คณะเจรจาของจีนจะถึงสหรัฐฯ วันพุธนี้ และจะเริ่มหาทางบรรลุข้อตกลง แม้จะมีเสียงขู่คำรามโดยทรัมป์ ฝ่ายสหรัฐฯ ก็ยังหวังว่าจะตกลงกันได้ก่อนสิ้นเดือนนี้ ไม่อย่างนั้นทรัมป์ไม่มีทางเลือกอื่น เว้นแต่จะเลื่อนการขึ้นภาษี หรือเริ่มทันทีโดยไม่ห่วงผลกระทบ

แถมยังสำทับซ้ำอีกด้วยว่า ถ้าจำเป็นก็ต้องขึ้นภาษีสินค้าจากจีนทุกรายการ รวมมูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ ในอีกไม่ช้าด้วย ถ้าถึงขั้นนั้นจริง ตลาดการค้าโลกคงอยู่ในแบบที่ตัวใครตัวมัน เพราะจีนต้องตอบโต้ด้วยมาตรการกำแพงภาษีอย่างที่ได้เคยทำ

วันศุกร์ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังบอกผู้สื่อข่าวว่าการเจรจากับจีนยังเป็นไปด้วยดี แม้อาจไม่มีข้อตกลงกันภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ทุกอย่างก็ยังดูดี เราน่าจะก้าวเข้าสู่วาระที่ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์น่าจดจำ แม้จะยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้ แต่ยังมีแนวโน้มที่ดี

วันอาทิตย์ทรัมป์ก็ประกาศคำขู่ผ่านทวิตเตอร์ออกมา ตลาดหุ้นพลิกรับไม่ทัน และยังบ่นว่าการเจรจาคืบหน้าไปล่าช้า และพยายามหาทางเปิดเจรจารอบใหม่ เริ่มต้นใหม่

ทรัมป์ยังย้ำว่าช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา จีนได้จ่ายภาษี 25 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้าประเภทไฮเทคมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจ่ายภาษี 10 เปอร์เซ็นต์สำหรับสินค้ามูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ นี่เป็นผลสำเร็จจากการเจรจา เป็นผลประโยชน์ต่อสหรัฐฯ

คำขู่น่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่อง แม้ตัวเลขจีดีพีสำหรับเศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะดีเกินคาดในช่วงไตรมาสแรก และตัวเลขการจ้างงานจะดูดีสำหรับเดือนเมษายน

ดังนั้นประเด็นปัญหาการค้ากับจีนได้เป็นจุดสำคัญในการหาเสียง โดยทรัมป์ยังยึดแนวทางสายเหยี่ยว เล่นแรงกับจีน ขณะที่คู่ท้าชิงอันดับหนึ่ง คือนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดียุคบารัค โอบามา ประกาศว่า “จีนไม่ได้เป็นภัยคุกคามต่อสหรัฐฯ”

การเจรจารอบใหม่ที่จะเกิดขึ้นวันพุธเป็นเพียงทิศทางของความเป็นไปได้ หรือไม่ได้ ถึงอย่างไร ก็คงต้องรอการเจรจาขั้นสุดยอดระหว่างทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง และย่อมจะมีข้อต่อรองในเรื่องอื่นๆ ประกอบด้วยเช่นกัน วงการค้าโลกรอดูผล

จะตกลงกันได้ระหว่างยักษ์ใหญ่ หรือจะมีสงครามการค้าเต็มรูปแบบ!
กำลังโหลดความคิดเห็น