"โสภณ องค์การณ์"
ประชาชนทั่วประเทศเตรียมตัวเตรียมใจจะเฝ้าชมงานมหามงคลยิ่งใหญ่ เป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ชาติไทย ซึ่งคนมีอายุต่ำกว่า 70 ปีจะได้ประสบรับรู้ว่าแผ่นดินนี้มีพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์จักรีอย่างสมพระยศและพระเกียรติ
เป็นงานใหญ่ที่ประชาชนคนไทยจะต้องจดจำตลอดไป แสดงให้เห็นว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ยังอยู่เป็นมิ่งขวัญและที่พึ่งของอาณาประชาราษฎร์ถ้วนหน้ากัน
แต่การบริหารจัดการบ้านเมืองยังเดินหน้าต่อไป ช่วงนี้เข้าสู่วาระสำคัญ ก่อนจะมีรัฐบาลใหม่ หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคม รอความชัดเจน ทุกวันนี้ยังดูอึม ครึม ไม่รู้ว่าทิศทางของประเทศจะเป็นอย่างไร กลุ่มไหนจะได้กุมอำนาจรัฐ
คณะกรรมการเลือกตั้งจะประกาศรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์ และสมาชิกวุฒิสภา ให้ประชาชนได้รู้ว่าใครจะมีบทบาทกำหนดเส้นทางประเทศอย่างไรบ้าง ทุกวันนี้คะแนนที่พึงได้ พึงมีในระบบเลือกตั้งใหม่ยังไม่ปรากฏ
การคำนวณคะแนนยังตกลงกันไม่ได้ แม้ กกต. ยืนยันว่ามีสูตรเดียว แต่ยังไม่มีใครรับประกันว่าเป็นสูตรที่ถูกต้อง ถูกใจ เป็นที่ยอมรับกันทุกฝ่าย ที่ถกเถียงกันมาโดยตลอดก็มีอย่างน้อย 3 สูตร มีผลให้คะแนนแปรผันสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาล
การเมืองที่ไร้สปิริตยุคนี้ ไม่คำนึงถึงมารยาทที่เคยมีว่า พรรคใดได้เสียงมากที่สุดได้โอกาสจัดตั้งรัฐบาลก่อน ถ้าทำไม่สำเร็จ ต้องเปิดโอกาสให้พรรคที่ได้คะแนนรองลงไป และระบบนี้ถูกออกแบบไว้ไม่ให้พรรคใดได้เสียงข้างมากโดยเด็ดขาด
อ้างว่าไม่ให้ใครเป็นผู้กำหนดบทบาท หรือมีเผด็จการโดยรัฐสภา ทั้งๆ ที่การเมืองสากลทั่วไปก็เน้นว่าพรรคใดที่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งย่อมได้สิทธิตั้งรัฐบาล เมื่อระเบียบพิลึกแบบไทยๆ ไม่เหมือนใครในโลกให้เป็นแบบนี้ ก็เท่ากับเพิ่มความสับสน
ชาวบ้านยังงงว่า กกต. จะประกาศรายชื่อ สส. ได้ทันพร้อมกับรับรองได้อย่างไร เมื่อยังมีคำร้องกว่า 400 รายค้างคาอยู่ ดูว่าใครจะโดนแจกใบสีต่างๆ บ้าง จะต้องเลือกตั้งซ่อม เลือกตั้งใหม่ ต้องใช้งบประมาณและเวลาอีก
ถ้ารับรองไปก่อนแล้วตามไปสอยภายหลัง ใครจะรับผิดชอบไปทวงเงินเดือน และค่าใช้จ่ายต่างๆ คืนจาก สส. ที่ถูกให้สิ้นสภาพเพราะผิดกฎหมายเลือกตั้ง ที่ผ่านมายังไม่มีใครทวงเงินอดีต สส. ทั้งเงินเดือน ค่าใช้จ่ายหลังจากโดนใบแดงเสียสิทธิ
ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ว่าจะตั้งรัฐบาลกันอย่างไร กลับมีเรื่องพิสดาร เมื่อมีข่าวกระจายผ่านโซเชียลมีเดีย 2-3 วันก่อน เรื่องนายกฯ คนใหม่ซึ่งไม่ใช่เป็นผู้มาจากการเลือกตั้ง และไม่ได้เป็นตัวแทนของพรรคการเมืองในการชิงเก้าอี้ผู้นำประเทศครั้งนี้ด้วย
มี 2-3 ชื่อที่ส่งผ่านไปทั่ว จะเป็นจริงหรือไม่จริง ยังไม่มีใครยืนยัน จนกว่าคำร่ำลือจะเป็นจริง ชื่อและรูปร่างหน้าตาก็คุ้นหน้าคนในวงการเมือง นั่นก็ทำให้เกิดคำถามจะมีรัฐบาลจากการเลือกตั้ง หรือรัฐบาลแห่งชาติ อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่
ถ้าจะเป็นอย่างนั้นจริง จะออกแนวไหน มี สส. สว. จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาหรือไม่ รวมถึงคำถามว่า “ลุงผู้นำ 5 ปี” จะยังได้เป็นนายกฯ แบบที่ว่าหรือไม่
มีคนสังเกตอาการของลุงผู้นำ ว่าดูเงียบหงอยไปเยอะ เมื่อเทียบกับความห้าวเป้งดุดันก่อนหน้านี้ ก็ยิ่งถูกตีความว่าอาการเหงาซึมน่าจะเป็นสิ่งบอกเหตุตามคำร่ำลือว่าจะมีความเปลี่ยนแปลงพลิกผันตัวผู้นำประเทศโดยไม่คาดหมายใช่หรือไม่
จากอาการแสดงให้เห็นความมั่นใจ เชื่อมั่นในตัวเอง ว่าเป็นบุรุษกร้าวห้าวเหมือนพยัคฆ์ที่เคยมีเขี้ยวเล็บติดปีก เก่งฉกาจถึงอาจพ่นไฟได้ ก็กลับกลายเป็นเหมือนพยัคฆ์ถูกเด็ดปีกถอดเขี้ยวถอดเล็บดูซึมหงอย ถือว่าผิดหูผิดตามากจริงๆ
หรือเป็นเพียงอาการสำรวม ช่วงวาระมหามงคลของแผ่นดิน งั้นก็แล้วไป!
เอาเถอะ ถ้าคิดว่าท่านลุงผู้นำ จะยังได้อยู่ต่อ มี ส.ส. หาบหามเข้าสภาฯ เป็นนายกฯ ได้ ก็ยังมีคำถามว่าบ้านเมืองจะดีขึ้นได้อย่างไร เพราะถึงแม้ลุงจะเป็นผู้นำรัฐบาลแต่จะไม่มีอำนาจเหมือนเดิม ไม่มีกฎหมายพิเศษเป็นฐานให้ยืนหยัดได้
แถมยังต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันของ ส.ส. ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเสือหิวจัด ว่างเว้นการเปิบหนักมาหลายปี และพวกนี้จะมีอำนาจต่อรองที่ลุงผู้นำปฏิเสธได้ยาก
ไม่มีสัญญาณอันใดเลยว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำให้บ้านเมืองดีขึ้นถ้ายังอยู่ภายใต้การนำของลุงผู้นำ ขนาดมีอำนาจมากยังทำผลงานไม่เป็นที่น่าพอใจ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในการเมืองก็สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของการไม่ปฏิรูป
ถ้าลุงได้เป็นผู้นำรัฐบาลจริงและมีเสียงปริ่มน้ำในสภาฯ ก็ต้องเผชิญกับการทดสอบโดยพรรคฝ่ายค้านซึ่งจะมีใคร ก็ยังไม่แน่ชัด และจะมีกิจกรรมการเมืองนอกสภาโดยกลุ่มต่างๆ ซึ่งถือว่ามีสิทธิ์เคลื่อนไหวได้ตามกรอบประชาธิปไตยอีกด้วย
กฎหมายควบคุมการชุมนุมมีอยู่ แต่นั่นหมายถึงการชุมนุมประท้วง เดินขบวนในพื้นที่ต้องห้าม และต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน แต่ในยุคของโซเชียลมีเดีย ไม่จำเป็นต้องมีการชุมนุมบนท้องถนน ประท้วงยืดเยื้อปักหลักพักค้าง
เพียงแค่จัดประชุมสัมมนา มีคนมาร่วมซักถาม แล้วถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดียแค่นี้ก็มีผลกระทบมากแล้ว ที่ผ่านมาพลังโซเชียลมีเดียก็มีให้เห็น
ที่น่าสนใจคือ รัฐบาลมีลุงผู้นำ มี ส.ส. หาบหามแล้ว ยังจะต้องมีพวกพี่บิ๊กๆ คอยอุ้มชูหามกระเตงอย่างที่เคยเป็นมาหรือไม่ เพราะบิ๊กบางรายมีชนักปักหลัง กระแสพลังไม่จัดจ้านเหมือนเดิม จะเอาตัวเองรอดตลอดก็ดูเหมือนจะลำบากแล้ว
ทรัพยากรที่เคยมี อาจจะมีปัญหาด้านสภาพคล่อง เมื่อเส้นทางมีอุปสรรค ชามโจ๊กแตกเท่ากับเป็นการลดพลัง ถ้าต้องเผชิญกับการตรวจสอบเรื่องทรัพยากรด้วยแล้วก็น่าห่วงว่าจะเกิดอะไรกับฐานสำคัญที่สนับสนุนลุงผู้นำ จะเอาอยู่หรือไม่
ดังนั้น ชะตากรรมแผ่นดินเป็นอย่างไร ต้องรอดูภาพชัดหลังงานใหญ่