คดีลอบสังหาร ร.ต.อ.วัชรินทร์ เบญจทศวรรษ อดีตนายตำรวจนักต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมในสังคม ซึ่งกำลังจะเงียบหาย ถูกจุดประเด็นขึ้นมาใหม่ หลังจากนายพินิจ รุจิรวนิช นักธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยื่นหลักฐานคดีฆ่าร.ต.อ.วัชรินทร์เพิ่มเติมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ)
นายพินิจเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือและคำแนะนำด้านกฎหมาย ในการสู้คดีกับอดีตภรรยาและตำรวจยศพ.ต.อ.นายหนึ่ง ซึ่งมีเรื่องฟ้องร้องกันในคดียักยอกที่ดิน โดยอดีตภรรยาแพ้คดี ถูกศาลตัดสินจำคุก 1 เดือน แต่รอลงอาญา ขณะที่พ.ต.อ.ถูกศาลตัดสินจำคุก 1 เดือน แต่ไม่รอลงอาญา และอยู่ระหว่างประกันตัวสู้คดี
หลังจากร.ต.อ.วัชรินทร์ถูกลอบฆ่า นายพินิจถูกคนติดตาม จนรู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้ยื่นคำร้องต่อดีเอสไอ เพื่อขอเข้ารับการคุ้มครองพยาน เพราะคู่กรณีเป็นผู้มีอิทธิพล
ร.ต.อ.วัชรินทร์ ถูกลอบยิงเสียชีวิตที่หน้าบ้านพัก อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2562 โดยมีเบาะแสคนร้ายที่ตามประกบยิง เนื่องจากปรากฏภาพรถเก๋งที่ใช้เป็นพาหนะ รวมทั้งเบื้องหลังการลอบสังหาร ซึ่งสันนิษฐานกันว่า น่าจะมีสาเหตุจากการเป็นนายตำรวจที่ตรงไปตรงมา เป็นนักเคลื่อนไหวช่วยเหลือคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม
และเปิดโปงพฤติกรรมตำรวจที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด จนมีปัญหากับนายตำรวจระดับสูงในพื้นที่
คดีลอบสังหารร.ต.อ.วัชรินทร์ เป็นข่าวครึกโครมสะเทือนขวัญ เป็นคดีที่อุกอาจ เพราะผู้ตายเป็นนายตำรวจน้ำดี ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องกำชับให้ล่าตัวกลุ่มฆาตกรให้ได้ และคดีนี้ไม่น่าจะอยู่นอกเหนือความสามารถของตำรวจในการตามลากคอคนร้าย
แต่ผ่านไปกว่า 1 เดือนแล้ว คดีไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด เบาะแสของคนร้าย ไม่ได้ถูกขยายผล ศพของร.ต.อ.วัชรินทร์ ญาติยังเก็บไว้ จนกว่าจะจับกลุ่มฆาตกรโหดและผู้อยู่เบื้องหลังบงการได้
ถ้าร.ต.อ.วัชรินทร์เป็นนายตำรวจที่ปล่อยตัวตามระบบ ทำมาหากินตามน้ำเหมือนคนในอาชีพเดียวกันทั่วไป ไม่ต้องสนใจความถูกต้องมากนัก ทำงานรับใช้นาย ไม่ขวางทางการใช้ตำแหน่งหน้าที่กอบโกยผลประโยชน์ของตำรวจด้วยกัน ร.ต.อ.วัชรินทร์คงไม่ตาย
หรือถ้าถูกลอบฆ่าภายใน 3 วัน 7 วัน คงจับตัวกลุ่มฆาตกรได้ เพราะตำรวจทั้งสำนักงานแห่งชาติจะตามล่า และเบาะแสมากมายที่จะแกะลอยเสียด้วย
แต่เพราะร.ต.อ.วัชรินทร์เป็นนายตำรวจน้ำดี ไม่ยอมสยบกับความไม่ถูกต้อง แม้จะเป็นตำรวจด้วยกัน หรือเป็นนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาก็ตาม
กลุ่มฆาตกรฆ่านายตำรวจซึ่งเป็นที่พึ่งของประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมยังลอยนวลอยู่ และกลายเป็นภัยร้ายในสังคม เพราะฆาตกรกลุ่มนี้ รวมทั้งผู้บงการซึ่งคาดกันว่า เป็นผู้มีอิทธิพล พร้อมจะเข่นฆ่าใครอีกก็ได้ ถ้าเปิดโปงพฤติกรรมตัวเอง หรือขวางทางผลประโยชน์ของกลุ่มตัวเอง
นายพินิจ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หาดใหญ่ ซึ่งเพิ่งหอบหลักฐานเพิ่มเติมคดีลอบสังหารร.ต.อ.วัชรินทร์ อาจถูกผู้มีอิทธิพลที่บงการฆ่าร.ต.อ.วัชรินทร์หมายหัวอยู่ จนต้องขอเข้ารับการคุ้มครองพยาน และไม่รู้ว่า ดีเอสไอจะให้การคุ้มครองได้หรือไม่
ครอบครัวของร.ต.อ.วัชรินทร์และนายพินิจคงจะตกอยู่ในฐานะเดียวกัน โดยรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร ไม่รู้จะร้องเรียนเรียกร้องความเป็นธรรมได้จากหน่วยงานไหน ยิ่งเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อความถูกต้อง ชีวิตยิ่งต้องตกอยู่ในอันตราย
หากเบื้องหลังการลอบยิงร.ต.อ.วัชรินทร์ เกิดจากการที่ร.ต.อ.วัชรินทร์เป็นคู่กรณีหรือเป็นพยานในคดีฟ้องร้องนายตำรวจใหญ่ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ นายตำรวจคู่กรณีคงทำทุกวิถีทาง แม้แต่การเก็บพยานให้เกลี้ยง เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด
และถ้าพ้นผิด ไม่ต้องติดคุก จะลอยนวล เป็นนายตำรวจใหญ่ที่มีอิทธิพลในพื้นที่ ใช้ตำแหน่งหน้าที่กอบโกยผลประโยชน์ กลายเป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนต่อไป
ใครที่ไม่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นเดียวกับครอบครัวร.ต.อ.วัชรินทร์และนายพินิจ จะไม่มีวันเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงการถูกกระทำ และไม่อาจคาดหวังความช่วยเหลือจากหน่วยงานใดได้ แม้แต่ดีเอสไอ
เพราะคดีร.ต.อ.วัชรินทร์เป็นคดีใหญ่ เกี่ยวข้องกับความสงบเรียบร้อยของสังคม ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใส่ใจ ถ้าคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (คสช.) ให้ความสำคัญ คดีนี้ควรจบที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว
แต่ทำไมผู้ที่ถูกคุกคามจากกลุ่มฆาตกรฆ่าร.ต.อ.วัชรินทร์ จึงต้องวิ่งหนีตายมาร้องขอให้ดีเอสไอคุ้มครองพยานอีก แสดงว่าตำรวจพึ่งไม่ได้แล้ว
เพราะตำรวจดีๆ สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังปล่อยให้ตายฟรี