xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** ลีลา ธนาธร ไขสือประเด็นถือครองหุ้นสื่อส่วนตนเป็นเรื่องเผด็จการจ้องทำลาย แบไต๋ขู่ใช้วิธีตายตกตามกัน ยุบพรรคข้า พรรคเอ็งก็ต้องโดน กำข้อมูลทั้งพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ นักกฎหมายระบุอย่าหลงประเด็น แค่พิสูจน์ให้ได้ว่าการโอนหุ้นเกิดขึ้นวันไหนก็จบ

ดูการเคลื่อนไหวของ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ตอบโต้ ข้อกล่าวหาของ กกต. กรณีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัคมีเดีย" ต้องห้ามสมัครส.ส. ระวางโทษมีตั้งแต่จำคุก 1-10 ปี และ ตัดสิทธิ์การเมือง 20 ปี... ถึงวันนี้แม้จะยังไม่ได้เข้าชี้แจงเป็นทางการ ซึ่งกำหนดไว้ 30 เมษาฯ แต่ระหว่างนี้ "พ่อน้องฟ้า" ก็ขยันปล่อยวาทกรรม และ สัมภาษณ์ผ่านสื่อเรื่อยๆ ชี้ชวนให้สังคมเชื่อว่า เรื่องถือหุ้นสื่อของตัวเขา เป็นเพราะพรรคมีจุดยืนอย่างมั่นคง ในการต่อต้านการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ...
"พ่อฟ้า" ว่าคนโจมตีก็ช่างโจมตีโดยจับผิดเรื่องการให้สัมภาษณ์ที่ไม่ตรงกัน เล็กๆ น้อยๆ แต่ไม่มีใครสามารถแย้งข้อเท็จจริงในระดับพื้นฐานได้... กล่าวได้ว่า ฝ่ายที่โจมตีดีแต่ดราม่าเรื่อง วันที่ 8 ม.ค.62 ว่าตัวเขาอยู่ไหน ทำอะไรกันแน่ ซึ่งจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีใครที่มีหลักฐานเพียงพอที่จะทำให้เชื่อได้ว่า เขาไม่ได้โอนหุ้นในวันดังกล่าวได้เลย
ประเด็นพวกนี้ "ธนาธร" โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว รัวๆ ขณะเดียวกันก็ให้สัมภาษณ์ขยายประเด็น ถ้าที่สุดข้อกล่าวหาต่างๆ นานา จะไปถึงขั้นยุบพรรค กรณีเดียวกันเขาก็พร้อมจะทำให้พรรคอื่นโดนยุบด้วย เรียกว่า ใช้กลยุทธ์ "ตายตกตามกัน" ไปเลย...
"ผมก็มีข้อมูลผู้สมัคร ส.ส.พลังประชารัฐ กับประชาธิปัตย์ ที่เข้าข่ายกรณีแบบนี้อยู่เหมือนกัน ถ้าแบบนี้ยุบพรรค ก็ต้องยุบทุกพรรค เราก็จะฟ้องผู้สมัครพปชร. ในเคสเดียวกันด้วยเหมือนกัน ต่างกันที่ผู้สมัคร พปชร. ยังถือหุ้นอยู่ แต่ผมขายแล้ว"
ว่าไปแล้ว เรื่องการตรวจสอบการถือหุ้นสื่อของธนาธรตั้งแต่แรก จนกลายเป็นเรื่องที่ธนาธร ฟ้องน้องฟ้าว่าถูกโจมตี ดิสเครดิตทางการเมือง เรื่องนี้ต้องให้เครดิตสำนักข่าวอิศรา ที่เริ่มขุดคุ้ย...
ล่าสุด "สมผล ตระกูลรุ่ง" นักวิชาการกฎหมายอิสระ เขียนถึงเรืองนี้ในเว็บไซต์ของสำนักข่าวอิศรา ว่าประเด็นการถือครองหุ้นสื่อของธนาธร กำลังถูกเบี่ยงเบนประเด็น ทั้งในทางวิชาการ และทางการเมือง..." คุณปิยะบุตร แสงกนกกุล" เลขาพรรคอนาคตใหม่ ด๊อกเตอร์จากฝรั่งเศส ใช้สถานะอาจารย์ พยายามอธิบายว่า การโอนหุ้นสมบูรณ์ตามกฎหมายเมื่อทำสัญญาโอนถูกต้องตาม ป.พ.พ. มาตรา 1129 สถานะการเป็นผู้ถือหุ้นต้องถือวันทำสัญญาโอนหุ้น ไม่ใช่วันไปจดทะเบียนกับทางราชการ
ข้อกฎหมายถูกต้องครับ
แต่ประเด็นที่กำลังตรวจสอบกันวันนี้คือ มีการทำสัญญาโอนหุ้น วันที่ 8 ม.ค.62 ตามที่ทั้งคุณธนาธร และคุณปิยะบุตรอ้าง จริงหรือไม่ หรือเป็นการทำเอกสารย้อนหลัง ซึ่งจะกลายเป็นการ"ทำเอกสารเท็จ" ...เหตุที่ต้องมีการตรวจสอบ เพราะมีการจดแจ้งการโอนหุ้นต่อนายทะเบียน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ โดยยื่นเอกสารบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น บอจ. 5 ต่อนายทะเบียน ระบุว่า ลงทะเบียนโอนหุ้นเมื่อ วันที่ 21 มี.ค.62 ซึ่งห่างจากวันที่อ้างว่าทำสัญญาโอนหุ้นถึงเกือบ 2 เดือนครึ่ง
การดูกฎหมาย ต้องดูให้ครบ อย่าดูแต่ มาตรา 1129 ต้องดู มาตรา 1141 ที่ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า สมุดทะเบียนหุ้นถูกต้อง“เป็นพยานหลักฐานอันถูกต้องในข้อกระทงความ ที่กฎหมายบังคับ”...ถ้าธนาธร นำ บอจ.5 ที่มีรายการการโอนหุ้นไปแจ้งต่อนายทะเบียน วันที่ 9 หรือ วันที่ 10 ม.ค. 62 อันเป็นปกวิสัยที่ควรทำ ก็จะไม่มีใครตั้งข้อสงสัย เรื่องการโอนหุ้นของ ธนาธร
แต่ที่เป็นประเด็นให้มีการตรวจสอบเนื่องจาก เอกสารที่ "แม่คุณธนาธร" ยื่นต่อนายทะเบียนเองระบุว่า หุ้นที่แม่รับโอนมาจากลูก ลงทะเบียน วันที่ 21 มี.ค. 62 หลังศาลฎีกามีคำสั่งเพิกถอนสิทธิการสมัครส.ส. ของลูกพรรคอนาคตใหม่คนหนึ่ง จากสาเหตุการถือครองหุ้นสื่อเช่นเดียวกัน เมื่อวันที่ 19 มี.ค.62 ผู้คนจึงสงสัยว่า ธนาธรโอนหุ้นเมื่อไรกันแน่...
"ธนาธร" จึงมีหน้าที่ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่า มีการโอนหุ้นกันจริง เมื่อวันที่ 8 ม.ค.62 ไม่ใช่ 21 มี.ค.62 เพราะขัดกับเอกสารที่แม่ของธนาธร ยื่นต่อทางราชการ ถ้าธนาธรพิสูจน์ได้ ธนาธร ก็ไม่ผิด ... แต่หลักฐานที่ ธนาธร นำมาชี้แจง กลับไม่น่าเชื่อถือ และทำให้มีข้อสงสัยมากขึ้น ยิ่งเปิดเผยเอกสารมากขึ้น ข้อสงสัยก็มากขึ้น ยิ่งอ้างตัวบุคคลมากขึ้น ยิ่งเป็นพิรุธมากขึ้น การอ้างว่าทำต่อหน้าทนายโนตารี ก็ไม่มีเหตุผล ไม่มีใครเขาทำกัน เพราะไม่ใช่เอกสารที่จะต้องนำไปใช้ในต่าง ประเทศ ยิ่งอ้างว่าโอนหุ้นกลับไปกลับมาให้กับหลาน 2 คน ยิ่งไม่มีเหตุผลน่าเชื่อถือ
เรื่องนี้ง่ายมากครับ "น้องฟ้า" ทั้งหลายโดยเฉพาะ"น้องฟ้าสายกฎหมาย" ไปบอกคุณพ่อว่า ให้พิสูจน์ให้ได้ว่าโอนหุ้นวันที่ 8 ม.ค.62 จริง แค่นี้ก็รอดแล้ว ... "น้องฟ้า" ช่วยไปบอกพ่อด้วยว่า อย่าเบี่ยงเบนประเด็น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับประชาธิปไตย ไม่ต้องอ้างวาทกรรมถูกแตะตัดขา หรือถูกกลั่นแกล้ง ... สำนักข่าวอิศรา เขาทำตามหน้าที่ของสื่อ กกต.ถ้าไม่ตรวจสอบ ก็ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
วันนี้ ประเด็นโอนหุ้นเมื่อไร ธนาธรจะขาดคุณสมบัติหรือไม่ กลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว ยังไม่ร้ายแรงเท่ากับ มีการทำเอกสารย้อนหลัง อันจะกลายเป็นการ"ทำเอกสารเท็จ" หรือไม่... เพราะการไม่ได้โอนหุ้นก่อนสมัครส.ส. นั้น "ลูกติดคุกคนเดียว" แต่ถ้าเป็นการทำเอกสารเท็จ ยื่นต่อนายทะเบียน "ลูกจะพาแม่เข้าคุก" ไปอีกคน ... เรื่องนี้แค่พ่อฟ้าพิสูจน์ให้ได้ ว่า โอนวันไหนกันแน่ ก็จบ .

** "ตุ๊ดตู่" ประกาศ "ย้ายบ้าน" จากที่เคยใช้"อิมพีเรียล ลาดพร้าว เป็นศูนย์บัญชาการ และที่พบปะชุมนุมกลุ่มนปช. แต่ยังไม่รู้ว่าจะไปอยู่ที่ไหน เสมือนเป็นการส่งสัญญาณ ลดบทบาท นปช. หลังมีปัญหา"น้ำเลี้ยง" ไม่ไหล

หลังการเลือกตั้งส.ส. 24 มี.ค. 62 ได้เพียง 2-3 วัน "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ ในฐานะ "กองเชียร์" พรรคเพื่อชาติ ก็ได้แถลงยุติบทบาทในพรรค ที่ตัวเขาไม่ได้เป็นผู้ก่อตั้ง หรือเป็นสมาชิกพรรค แต่ที่เห็นเขาขึ้นเวทีช่วยพรรคหาเสียง หรือชี้แจง ตอบโต้ ประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับพรรคนั้น เขาทำไปในฐานะ "ลูกจ้าง" เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรค ซึ่งได้ไปแจ้งต่อ กกต.ไว้แล้ว โดยบอกว่าหลังจากนี้ จะไปทำหน้าที่ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพียงอย่างเดียว...จากนั้นข่าวคราวของจตุพร ก็เงียบหายไประยะหนึ่ง
ขณะเดียวกันในช่วงนั้น ก็มีข่าวเรื่องผู้สมัครของพรรคเพื่อชาติ ออกมาทวงเงินค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ตามที่ผู้ใหญ่ในพรรคบอกให้สำรองจ่ายไปก่อนแล้ว แล้วพรรคจะมาเคลียร์บัญชีให้ ในภายหลัง แต่รอแล้ว ทวงถามแล้ว ก็ไม่ได้คืน จึงต้องออกมาโวยผ่านสื่อ
กระทั่ง กลุ่ม นปช.ได้จัดงาน "สงกรานต์ บานฉ่ำ" ที่ห้าง อิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว เมื่อวันวานที่ผ่านมา "จตุพร" ก็ถือโอกาสนี้ ระบายความในใจกับสมาชิก นปช. ถึงบทบาทที่ผ่านมาในรอบ 10 ปี ว่าสภาพการณ์ของ นปช. ก็เหมือนทหารผ่านศึกในภาคประชาชน มีบาดเจ็บ ล้มตาย ถูกคุมขัง ถูกจับเป็นเชลย คนที่ยังไม่มีคดี ก็มีพื้นที่ ที่จะไปต่อสู้มากกว่าคนที่มีคดีติดตัว ที่มักจะต้องไปเจอกันที่ศาล ซึ่งท้ายที่สุดมักจบลงด้วยการสังเวยด้วยอิสรภาพ
"ผมอาจจะโดนหนักมากกว่าคนอื่นหน่อย ขอเรียนกับพี่น้องว่า ผมไม่มีอะไรที่ไหวหวั่น ทองแท้ไม่แพ้ไฟ เชื่อว่าเราคบกันมานาน เรารู้ว่าทองแท้เป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น ผมมั่นใจพี่น้องประชาชนว่า เรารวมกัน เพราะเรามีอุดมการณ์เดียวกัน ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดก็ตาม เราต้องติดตามสถานการณ์บ้านเมืองกันอย่างใกล้ชิด เราได้ต่อสู้กันมากว่า 10 ปีนี้ ยืนยันกับพี่น้องว่า เราจะยังผูกพันกันเหมือนเดิม จนกว่าชีวิตจะหาไม่ นี่เป็นความผูกพันที่เราจะต้องยืนหยัดกันต่อไป"
แต่ที่ไม่เหมือนเดิม คือ เราจะจัดงานที่ห้องประชุม ห้างอิมพีเรียลเวิลด์ ลาดพร้าว แห่งนี้ เป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นในเดือนมิถุนายน คงต้องไปหาสถานที่ใหม่ ที่เล็กลงกว่าเดิม เพื่อไม่ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง เพื่อให้พี่น้อง สามารถไปมาหาสู่กันได้เหมือนเดิม แต่ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นที่ไหน ... ซึ่งความจริงแล้ว " ห้างอิมพีเรียล ทั้งที่ ลาดพร้าว และที่ สำโรง จ.สมุทรปราการ ที่กลุ่ม นปช.เคยใช้เป็นเสมือนศูนย์บัญชาการมาตลอดเวลาร่วม 10 ปีนั้น ก็ไม่ใช่ของใครที่ไหน แต่เป็นของ "สงคราม กิจเลิศไพโรจน์" หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ นั่นเอง
การประกาศ "ย้ายบ้าน" ของนปช.ในครั้งนี้ เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า ต่อจากนี้ไป นปช. ก็คงลดบทบาททางการเมืองลง ด้วยเพราะสถานการณ์ทางการเมืองไม่เอื้อ แกนนำเริ่มมีปัญหาภายในกลุ่มกันเอง โดยเฉพาะปัญหา"น้ำเลี้ยง" จากคนแดนไกล ที่ระยะหลังมานี้ไม่ค่อยไหล นี่เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด

-------------

รูป- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ -- สมผล ตระกูลรุ่ง
-จตุพร พรหมพันธุ์ –สงคราม กิจเลิศไพโรจน์
กำลังโหลดความคิดเห็น