xs
xsm
sm
md
lg

สงครามอวกาศ...ใครแพ้-ใครชนะ??? (จบ)

เผยแพร่:   โดย: ทับทิม พญาไท

นายอเล็กเซย์ เลโอนอฟ นักบินอวกาศชาวรัสเซีย
อันที่จริง...ถ้าว่ากันตามความคิด ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและอวกาศชาวรัสเซีย อย่าง “นายอเล็กเซย์ เลโอนอฟ” (Aleksey Leonkov) ที่ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “รัสเซีย ทูเดย์” เอาไว้เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หรือหลังจากที่รักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ “แพทริค ชานาฮาน” ได้ไปพ่น “แมงโม้” ปลุกจิต ปลุกใจ วุฒิสมาชิกอเมริกัน สำหรับสงครามทางอวกาศว่า “เราชนะแล้วแม่จ๋า” อะไรทำนองนั้น ดูๆ แล้ว...ฝ่ายรัสเซีย แทบไม่ได้ออกอาการหวาดวิตกกังวลต่อศักยภาพ หรือต่อพลังอำนาจทางทหารในอวกาศของอเมริกามากมายสักเท่าไหร่นัก...

ตรงกันข้าม...กลับรู้สึกว่ารัสเซียน่าจะเหนือกว่าอยู่นิดๆ ซะด้วยซ้ำ โดยอาศัยการอ้างอิงถึงรายงานการวิจัยหน่วยงานทางอวกาศของอเมริกาเอง คือ “US Defense Advanced Research Projects Agency” หรือ “DAPRA” ที่ได้รับการเผยแพร่ในช่วงปี ค.ศ. 2002 อันทำให้ผู้เชี่ยวชาญอย่าง “นายอเล็กเซย์” เกิดข้อสรุปทำนองว่า... “เอาเข้าจริงๆ แล้ว...อเมริกาไม่ได้มีระบบฮาร์ดแวร์ใดๆ เลยในอวกาศ ที่จะทำให้อเมริกาสามารถบรรลุชัยชนะในเรื่องนี้ได้” หรือเอาไป-เอามาอเมริกาก็มีเพียงแค่ “ดาวเทียม” ในรูปแบบต่างๆ เท่านั้น เช่นดาวเทียมที่ใช้เป็นตัวสกัดกั้นขีปนาวุธข้ามทวีป ดาวเทียมที่ติดอาวุธเลเซอร์ หรือดาวเทียมที่ช่วยในการสร้างระบบโจมตีเป้าหมายภาคพื้นดิน ด้วยจรวดที่ยิงจากอวกาศสู่พื้นผิว ฯลฯ ส่วนอุปกรณ์ เครื่องไม้ เครื่องมืออื่นๆ ก็ดูจะออกไปทาง “นิยายวิทยาศาสตร์” นั่นแหละเป็นหลัก คืออยู่ในระหว่างการเพ้อ การวาดจินตนาการไปตามเรื่อง ตามราว...

ต่างไปจากรัสเซีย...ที่ได้รับการวางรากฐานระบบทางทหารในอวกาศเอาไว้ในยุค “สหภาพโซเวียต” ชนิดหลากหลายเอามากๆ ไม่ว่าจะเป็น “จรวดอวกาศ” ที่เรียกๆ กันว่า “R-360 RB” ซึ่งขณะนี้ก็ยังโคจรอยู่ในวงโคจรบนอวกาศ และสามารถสั่งการให้โจมตีเป้าหมายภาคพื้นดินจากศูนย์ควบคุมในรัสเซีย ซึ่งเคยเริ่มเปิดปฏิบัติการมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 หรือแม้แต่กา/สร้าง “สถานีรบ” ไว้บนอวกาศ ที่รู้จักกันในนามฐานปฏิบัติการ “Almaz” เอาไว้ใช้ทำลายยานอวกาศของฝ่ายตรงข้าม รวมทั้งขีปนาวุธข้ามทวีปจากแหล่งใดๆ ก็ตาม หรือแม้แต่ประเทศพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ของรัสเซียและคู่กัดของอเมริกา อย่างคุณพี่จีนก็ตาม ก็ยังได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จ ในการสร้างระบบต่อต้านดาวเทียมและระบบต่อต้านขีปนาวุธในวงโคจรได้แล้ว...

แต่สิ่งที่ทำให้ฝ่ายรัสเซียออกจะวิตกกังวลเอามากๆ...กลับเป็นรายงานการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์รัสเซียเองนั่นแหละ หรือจากเอกสารรายงานของสถาบัน “Moscow Institute of Geosphere Dynamics” ครั้งล่าสุด ที่ได้ชี้ให้เห็นว่า การสะสมเพิ่มขึ้นๆ ของบรรดาสิ่งที่เรียกว่า “ขยะอวกาศ” (Space Junk) ไม่ว่าจะเป็นดาวเทียมรูปแบบต่างๆ ที่หมดสภาพการใช้งานแล้ว เศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายอยู่ในอวกาศ ไปจนก้อนอุกกาบาต ดาวหาง ที่กำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในวงโคจรของโลก มันอาจกระทำปฏิกิริยาซึ่งกันและกัน จนนำไปสู่ฉากสถานการณ์ที่เรียกกันว่า “Kessler syndrome-scenario” หรือฉากสถานการณ์ที่นักวิทยาศาสตร์รายหนึ่งขององค์กร “NASA” ผู้มีชื่อว่า “นายโดนัลด์ เคสส์เลอร์” (Donald J. Kessler) แกเคยวาดภาพจินตนาการอันสุดแสนจะสยดสยองเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ว่ากำลัง “มีความเป็นไปได้” เพิ่มเข้าไปทุกที...

หรือฉากสถานการณ์ที่ทำให้บรรดา “ขยะอวกาศ” เหล่านี้...เกิดการทำปฏิกิริยาแบบเป็นห่วงโซ่ต่อซากปรักหักพังต่างๆ ในอวกาศ และจะลุกลามลงมาสู่วงโคจรในระดับต่ำของโลก ชนิดที่อาจส่งผลให้เกิดความมืดมิดกันไปทั่วทั้งโลก เกิด “ราตรีอันยาวนาน” เกิดความปั่นป่วนต่อระบบ GPS ของดาวเทียม ต่อสัญญาณโทรทัศน์ และต่อระบบการสื่อสารทั้งหลายที่ขึ้นอยู่กับดาวเทียมในแต่ละดวง รวมไปถึงทำให้การสำรวจทางอวกาศเป็นไปไม่ได้อีกต่อไป ฯลฯ อันนี้นี่แหละ...ที่น่ากลัว น่าวิตกกังวลซะยิ่งกว่า ด้วยเหตุเพราะเมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ ถ้าว่ากันตามข้อมูลสถิติขององค์กร “European Space Agency’s Space Debris Office” บรรดาวัตถุในอวกาศประเภทดาวทง ดาวเทียมทั้งหลาย ที่แข่งกันสร้าง แข่งกันยิงขึ้นไปบนอวกาศแล้วต้องลอยเคว้งคว้าง เท้งเต้งไป-มาอยู่ภายในวงโคจรของโลก มันมีจำนวนไม่น้อยไปกว่า 22,300 ชิ้น มีขนาดน้ำหนักรวมกันไม่ต่ำกว่า 84,000 ตันขึ้นไป ส่วนเท่าที่ยังคงมีการใช้งานอยู่ก็แค่ 1,950 ชิ้นเท่านั้น นอกนั้นกลายสภาพเป็น “ขยะอวกาศ” กันไปแทบทั้งสิ้น...

ยิ่งถ้าหากมีการโหมแข่งขัน โหมติดตั้ง โหมสร้างอะไรต่อมิอะไรเอาไว้บนอวกาศ เพื่อหวังจะแปรสภาพอวกาศให้เป็นสนามรบ เป็นสมรภูมิ ในการเอาชนะกันและกันในทางทหาร โอกาสที่ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะเป็นไปตามแบบที่สำนักข่าว “รัสเซีย ทูเดย์” เขาพาดหัวข่าวเอาไว้ประมาณว่า...ไม่ว่าใครแพ้-ใครชนะ มวลมนุษย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่ต้องตกอยู่ในกับดักแห่งความมืดมิดแห่งราตรีอันยาวนาน หรือแห่งความสยดสยอง ความพินาศฉิบหายตามแบบฉบับ “Kessler syndrome” ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเท่านั้น!!! อันนี้นี่แหละ...ที่พวกรัสเซียเขากลัวซะยิ่งกว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดทางอวกาศ ฐานยิงเลเซอร์บนอวกาศ ฯลฯ ของอเมริกา ซึ่งยังคงออกไปในแนว “นิยายวิทยาศาสตร์” ล้วนๆ...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าท้ายที่สุดแล้ว ใครจะหนักไปทาง “แมงโม้” หรือใครจะหนักไปทาง “ของจริง-ของแท้” แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...หนึ่งในบริษัทธุรกิจอเมริกันที่เรียกๆ กันว่า “ยักษ์ใหญ่ทั้ง 4” อย่างบริษัท “โบอิ้ง” ซึ่งอดีตผู้บริหารบริษัท ได้ผงาดขึ้นเป็นรักษาการรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ในทุกวันนี้ ยังไงๆ...ย่อมต้อง “อิ่มจัง-ตังค์อยู่ครบ” อยู่แล้วแน่ๆ หรือย่อมต้องมีโอกาสสวาปามเม็ดเงินงบประมาณนับจำนวนหมื่นล้าน แสนล้าน จากความพยายามที่จะทำให้พื้นที่อวกาศ อันไม่มีขอบเขตและไม่มีใครเป็นเจ้าของ หรือเป็น “พื้นที่แห่งสันติภาพ” มาโดยตลอด ต้องกลายมาเป็นพื้นที่แห่งการเอาแพ้-เอาชนะกันในทางทหาร กลายเป็นสนามรบ เป็นสมรภูมิ ไปจนได้...

ส่วนบรรดาชาวอเมริกันทั้งหลาย...ที่ทำหน้าที่ควักเงินภาษีไปให้กับรัฐบาล ไม่ว่าตั้งแต่ยุคอดีตประธานาธิบดี “โรนัลด์ เรแกน” มาจนถึงยุค “ทรัมป์บ้า” ก็คงต้องตกอยู่ในสภาพ อย่างที่ “บรูซ แกกนอน” (Bruce Gagnon) ผู้บริหารเครือข่ายองค์กรต่อต้านอาวุธและนิวเคลียร์ในอวกาศ (Global Network Against Weapon and Nuclear Power in Space) ได้เคยสรุปเอาไว้นานแล้วนั่นแหละว่า... “ความพยายามเสริมสร้างพลังอำนาจทางทหารในอวกาศของรัฐบาลอเมริกันนั้น จะกลายเป็นตัวฟัดเหวี่ยงกับงบประมาณทางสังคม เพราะการทุ่มเทเม็ดเงินนับแสนๆ ล้านดอลลาร์ให้กับบรรดาโครงการเหล่านี้ ย่อมทำให้ต้องหาทางปรับลดงบประมาณด้านการศึกษา โครงการสำหรับผู้หญิงและเด็ก ตลอดไปจนโครงการด้านสาธารณสุข ดังนั้น...ยิ่งรัฐบาลอเมริกาพยายามกระตุ้นให้เกิดความสำคัญต่อการส่งเสริม การพัฒนาอาวุธในอวกาศไปมากแค่ไหน ก็เท่ากับยิ่งต้องลดความสำคัญ หรือต้องทำลายเสถียรภาพของชุมชนชาวอเมริกันมากยิ่งขึ้นเท่านั้น...” เอวัง...ก็มีด้วยประการละฉะนี้...แล...
กำลังโหลดความคิดเห็น