xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

** กงกรรม "ธนาธร" ปมถือหุ้น วี-ลัค มีเดีย แค่ "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" จับตา "ดาบพิฆาต" ที่แท้อยู่ที่เงื่อนงำโอนหุ้นไปมา และเอกสารรายงานประชุม ถ้า "เป็นเท็จ" ขึ้นมา...ฟ้าจะลมจับ แถมเจออีกดอก! พบปมรับรองลูกพรรคที่ติดบ่วงถือหุ้นสื่อ ศาลฎีกาตัดสินแล้วยังให้ลงสมัคร ส.ส.
งานเข้าต่อเนื่อง ก้นร้อน แต่ยังทำทีใจดีสู้เสือ "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เคลื่อนไหวผ่านคลิปส่งถึงแฟนๆ ขออย่าได้เป็นห่วง ตัวเองยังมีกำลังแรงใจดีเยี่ยม ... "ฟ้าของพ่อ" คงโล่งใจไปได้บ้าง แต่ก็คงแอบผวากันต่อ เพราะช่วงนี้คดีความข้อกล่าวหาต่างๆ ของธนาธรไหลมาเทมา จริงๆ
"ดาบหนึ่ง" กกต.ฟันมา กระบวนท่ายังไม่ทันตั้งรับ ต้องรอธนาธรกลับจากยุโรป วันนี้ (25เม.ย.) ถึงจะเรียกทีมกฎหมายประชุมหาแนวทางแก้ต่างอย่างไร ... ตามกรอบเวลาภายใน 7 วัน เริ่มนับหนึ่งนับตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย. ธนาธรจะสามารถชี้แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งมีสิทธิที่จะไม่ให้ถ้อยคำ หรือมีหนังสือชี้แจงแสดงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา และมีสิทธิที่จะให้ทนายความ หรือบุคคลที่ไว้วางใจเข้าร่วมฟังการชี้แจงแสดงหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาได้ โดยจะครบกำหนดใน วันที่ 1 พ.ค.นี้ วางท่าวางแนวอย่างไร อาจจะต้องคิดเผื่อไปถึงการตั้งรับ "ดาบสอง" กำลังจะตามติดๆไว้ด้วย อย่างเลี่ยงไม่ได้ ...
นั่นเพราะมีรายงานว่า "ธนาธร" ในฐานะหัวหน้าพรรค อาจจะถูกตรวจสอบกรณีลงนามเอกสารรับรองส่งผู้สมัครส.ส. พรรคอนาคตใหม่ ที่ขาดคุณสมบัติในการสมัครรับเลือกตั้ง... เรื่องมีอยู่ว่า ลูกพรรคชื่อ"นายภูเบศวร์ เห็นหลอด" อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จังหวัดสกลนคร พรรคอนาคตใหม่ ได้ถูกศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งถอนชื่อออกจากประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส. ข้อกล่าวหากระทำผิดถือครองหุ้นสื่อเหมือนกับหัวหน้าพรรคราวกับนัดกันมา
นายภูเบศวร์ คนนี้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของ "ห้างหุ้นส่วนจำกัด มาร์ส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ เซอร์วิส" ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการสถานีวิทยุกระจายเสียงและโทรทัศน์ และ หนังสือพิมพ์ จึงถือว่าผู้สมัครของพรรคอนาคตใหม่คนดังกล่าว มีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 และ กฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42 โดยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งนายภูเบศวร์ เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา
ดาบนี้น่ากลัวอยู่ไม่น้อย ความผิดเกิดขึ้นสำเร็จ ผิดพลาดในการตรวจสอบคุณสมบัติ และรู้ทั้งรู้ยังรับรองให้สมัครส.ส. ธนาธรและพลพรรค ยากจะปัดความรับผิดชอบ คร่ำครวญว่า พ่อของฟ้า "นรกชัง สวรรค์กลั่นแกล้ง" คงไม่ใช่
นับแต่เริ่มจนกำลังจะถูกฟันผลั๊วะๆ ตอนนี้ ก็ต้องมองตัวเองก่อน กติกาการเลือกตั้งเดียวกัน อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน แต่ตัวเองกลับเลินเล่อ ผิดพลาด ไม่สะสางอะไรต่างๆ ให้เป็นไปตามกติกา-กฎหมาย แล้วอย่างนี้จะโทษว่าใคร... ความผิดพลาดจากตัวเองนี้ ก็กำลังเปิดช่องให้ดาบอาญาทั้งหลายฟาดฟันลง มา...ดาบที่จะน่ากลัวที่สุดเป็น "ดาบตัดสินชะตา" ในวงนักกฏหมายว่ากันว่า เป็นคดีอาญาที่จะต่อเนื่องจากปมถือครองหุ้นสื่อ วี-ลัค มีเดีย เรื่องถือครองก่อน หรือหลังตามกฎหมายกำหนดก็สำคัญ อุปมาก็คล้ายยอดภูเขาน้ำแข็งที่โผล่พ้นน้ำมามองเห็นแต่บางส่วน สิ่งที่อยู่ใต้กว่านั้นต่างหาก ที่เป็นของจริง
นั่นคือ รายละเอึยดของเรื่องรายการการประชุมกรรมการบริษัท ตามข่าวที่สื่อไล่ตามเช็ค และ"ธนาธร" เองให้สัมภาษณ์กลับไปกลับมา เดี๋ยวมีประชุม เดี๋ยวไม่มี เดี๋ยวกรรมการมีเท่านั้น เดี๋ยวเท่านี้... ต่างๆเหล่านี้ ที่อาจจะพิสูจน์ในชั้นศาลได้ภายหลังว่า "เป็นเท็จ" ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจำนวนกรรมการที่เข้าประชุม ที่มีจำนวนผิดปกติ และการโอนหุ้นไปมาหลายทอด เพื่อกลบเกลื่อนจำนวนกรรมการที่เข้าประชุมแบบไร้เหตุผลที่ดีมารองรับ เงื่อนงำและเจตนาตรงนี้แหละที่มองกันว่า ดาบนี้กราดเกรี้ยวหวาดเสียวยิ่งนัก ...
ไม่เพียงปมถือครองสื่อแล้วจะมีระวางโทษจำคุก 1-10 ปี และ ตัดสิทธิ์การเมือง 20 ปี ... ประเด็นเรื่อง "เอกสารที่เป็นเท็จ" คดีจะพลิกไม่ใช่แค่พ่อของฟ้าคนเดียวแต่จะลากเอา "สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ" มารดาธนาธร ที่รับโอนหุ้น เข้าคุกไปด้วยก็เป็นได้...สนุกและชวนติดตามกว่าละคร "กงกรรม" ก็กงล้อคดีของธนาธรนี่ล่ะ ว่าที่สุดจะไปหยุดลงที่ตรงไหน

** ประชาธิปัตย์ ยังระส่ำระสายไม่หยุด ขนาดนัดประชุมใหญ่ยังหวิดล่ม เพราะองค์ประชุมไม่ครบ ก็คงต้องจับตาอีกครั้งในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ที่จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพื่อมาตัดสินว่าจะนำพรรคเข้าร่วมรัฐบาลกับ"ขัวพลังประชารัฐ" เพื่อสนับสนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯต่อหรือไม่ ถ้าไม่ร่วม จะมี "งูเห่า" เลื้อยออกจากพรรคหรือไม่

หลังแพ้เลือกตั้งแบบ "หมดรูป" ถึงวันนี้พรรคประชาธิปัตย์ยัง "ระส่ำระสาย"ไม่หยุด ขนาดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2562 ที่นัดกันเมื่อวานนี้ (24 เม.ย.) เพื่อรายงานการดำเนินกิจการของพรรคในรอบปี 2561 และพิจารณารับรองงบดุลของพรรค ยังแทบล่ม ... ตามกำหนดว่าจะเริ่มประชุมกันตอน 09.30 น. แต่รอกันไปกว่า 2 ชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่ครบองค์ประชุม เพราะข้อบังคับพรรคระบุว่า จะต้องมีสมาชิก 250 คน จาก 307 คน ถึงจะเป็นองค์ประชุม สุดท้ายต้องขอมติจากสมาชิก ยกเว้นข้อบังคับเกี่ยวกับองค์ประชุม โดยให้สมาชิกทั่วไปเข้าร่วมได้ เพื่อให้ครบองค์ จนสามารถดำเนินการประชุมได้ เมื่อเวลา 12.00 น.
สาเหตุเพราะความไม่เป็นเอกภาพภายในพรรคยังดำรงคงอยู่ ก็อย่างที่รับรู้กันคือ "กลุ่มผู้อาวุโส" ในพรรคกับ "กลุ่มคนรุ่นใหม่" มีจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อสกัดการเป็นนายกฯรอบสองของ "ลุงตู่" ... ขณะที่กลุ่มอดีต กปปส. หรือสาย "กำนันเทือก" ที่มี "ถาวร เสนเนียม" ว่าที่ ส.ส.สงขลา เป็นหัวขบวน ประกาศชัดว่าจะหนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯให้ได้ การที่องค์ประชุมไม่ครบในครั้งนี้ จึงเป็นการแสดงออกในเชิง"สัญญลักษณ์" อย่างหนึ่ง
เห็นภาพแล้วทำให้นึกถึงข้อความของ "ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์" อดีตหัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่โพสต์ในโซเชียลฯ เมื่อเร็วๆ นี้ว่า สภาพของประชาธิปัตย์ในช่วงนี้ "เละเป็นโจ๊ก" คนหนึ่งบอกว่า จะร่วมรัฐบาลลุงตู่ อีกคนบอกว่าจะร่วมก็ได้ แต่ขอนายกฯคนกลาง สักพักกลุ่มคนรุ่นใหม่ บอกว่าอยากเป็นฝ่ายค้านอิสระ ไม่ร่วมทั้งรัฐบาล และฝ่ายค้านในสภา สรุปคือ เสียงแตก ต่างคนต่างเดิน ไม่มีใครคุมพรรคได้ "พนัน 100 บาท เอาขี้หมากองเดียว" หากมติพรรคไม่ถูกใจ ไม่ร่วมรัฐบาล สมาชิก ส.ส.พรรคได้รังแตกแน่นอน ...
วกกลับมาดูบรรยากาศในที่ประชุมใหญ่ครั้งนี้ นอกจากพิจารณาเรื่องตามระเบียบวาระแล้ว ก็มีการพูดคุยถึงประเด็นทางการเมือง ...โอกาสนี้ "ชวน หลีกภัย" ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ได้กล่าวขอโทษสมาชิกพรรค ที่ทำให้ผิดหวังต่อผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ได้เดินสายช่วยพรรคหาเสียงอย่างเต็มที่ หวังว่าจะช่วยหาคะแนนเสียงเพื่อให้พรรค "ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อสัก 50 ที่นั่ง" เพราะคิดว่า ถ้าส.ส.เขตของพรรค มาเป็นอันดับ 2 ก็น่าจะช่วยแก้สถานการณ์ได้ แต่เมื่อผลเลือกตั้งออกมาแบบนี้ ก็เสียใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก็ขอให้ทุกคนสามัคคีกัน ยึดมั่นอุดมการณ์ และทำงานเพื่อพรรคต่อไป
นอกจากนี้ ก็มีการหารือเรื่องการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ซึ่งแคนดิเดตหัวหน้าพรรค ที่จะชิงกันก็มี 3 คน คือ "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" อดีตรัฐมนตรี หลายกระทรวง มีจุดเด่นที่ "ฝีปากทางการเมือง" คนที่สองคือ "กรณ์ จาติกวณิช" มีจุดเด่นทางด้านเศรษฐกิจ ส่วนคนที่สาม "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" ที่มีฝีไม้ลายมือทางด้านบริหาร เคยเป็นผู้ว่าฯ กทม. มาแล้ว ... ส่วนอีกคนที่ทางกลุ่ม กปปส. จะเสนอเข้าชิงด้วยก็คือ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค" แต่เจ้าตัวได้ยืนยันกับผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคไปแล้วว่า ถ้ามีการเสนอชื่อ ก็จะขอถอนตัว ...ก็คงต้องจับตาดูว่าในวันที่ 15 พ.ค. ทางสาย กปปส.จะเสนอชื่อใครเข้ามาแข่งขันด้วยหรือไม่ ... ส่วน "โหวตเตอร์" ที่จะเป็นผู้ลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย อดีตผู้สมัคร ส.ส.เขต 8 คน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 17 คน และว่าที่ ส.ส.ใหม่อีก 52 คน รวมเป็น 77 คน
หลังจากได้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ และหัวหน้าพรรคคนใหม่แล้ว คราวนี้ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์ จะมีมติเข้าร่วมรัฐบาลกับ"ขั้วพลังประชารัฐ" เพื่อสนับสนุน "ลุงตู่" เป็นนายกฯ หรือไม่ หรือถ้าพรรคมีมติว่า "ไม่ร่วม" กลุ่มส.ส.ในสาย กปปส. จะฝืนมติพรรคแปลงร่างเป็น "งูเห่า" หรือไม่...
ก็อยากจะทิ้งท้ายด้วยข้อความที่ "ชูวิทย์" เคยเขียนเตือนสติพลพรรคประชาธิปัตย์ไว้อีกครั้งว่า " คนไทยมีนิสัยขี้สงสาร มีความเมตตา ให้โอกาสคน พรรคประชาธิปัตย์ ควรก้มหน้าก้มตารับชะตากรรมที่ตกต่ำเสีย แล้วเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่ใช่มัวแต่ทะเลาะกัน แก่งแย่ง แตกแยก ชิงดี ชิงเด่น อยากได้ อยากมี มันผิดที่ ผิดเวลา คนเขาเห็น แทนที่จะสงสาร กลับสมเพช.."
---------

รูป
-ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ - สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ

-การประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี พรรคประชาธิปัตย์ – กรณ์ จาติกวณิช- อภิรักษ์ โกษะโยธิน

กำลังโหลดความคิดเห็น