xs
xsm
sm
md
lg

พฤติกรรมตำรวจ “เหลือขอ”

เผยแพร่:   โดย: สุนันท์ ศรีจันทรา





การถูกปลดสายฟ้าผ่าของพล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก อดีตผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง นายตำรวจคู่บารมีของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา น่าจะทำให้ตำรวจระวังความประพฤติกันบ้าง แต่กลับมีข่าวฉาวโฉ่เกี่ยวกับพฤติกรรมตำรวจเกิดขึ้นอย่างถี่ยิบ

สะท้อนให้เห็นว่า ตำรวจไม่ได้รู้สึกสลดต่อการปฏิบัติงานที่ไม่เหมาะสม ไม่หวั่นไหวในการกระทำความผิด ทุจริตต่อหน้าที่แต่อย่างใด

เพียงช่วงสัปดาห์เดียว มีการเปิดโปงพฤติกรรมความผิดของตำรวจในหลายกรณี เริ่มตั้งแต่ตำรวจชุดป้องกันปราบปรามยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 1 ตั้งแก๊งอุ้มและรีดไถผู้ค้ายาเสพติด

ตามด้วยหญิงสาวเมาสุรา นำรถจักรยานยนต์ของกลางที่ถูกจับกุมจากการแข่งรถ และตำรวจยึดไว้มาขับขี่ ซึ่งเจ้าของรถตัวจริงบันทึกคลิปการนำรถจักรยานยนต์ของกลางมาขับขี่ด้วยตัวเอง

คลิปฉาวโฉ่นายตำรวจจราจรเรียกเก็บเงิน 100 บาท จากผู้ขับรถทัวร์ที่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต อ้างว่าเป็นประเพณี

และหญิงสาวที่นำคลิปประจานตำรวจอำเภออรัญประเทศ ตั้งด่านลอย และจับหญิงสาวข้อหาไม่มีใบขับขี่ โดยเขียนใบสั่งปรับจำนวน 400 บาท แต่ใช้วิธีเขียนเบาๆ ไม่ให้ตัวเลข 400 ติดลงในสำเนาใบสั่งต้นขั้ว ซึ่งสามารถแก้ในภายหลัง โดยอาจเขียนค่าปรับจริงเพียง 100 บาท แต่ส่วนต่างค่าปรับ 300 บาท ตำรวจนำเข้ากระเป๋าตัวเอง

รวมทั้ง กอ.รน.นำกำลังทลายเวฟผับย่านฝั่งธน ซึ่งเปิดเกินเวลา มีวัยรุ่นมั่วสุมเกือบ 500 คน ตรวจพบการเสพยา พร้อมตู้ม้าและบ่อนพนันออนไลน์ โดยที่ตำรวจในพื้นที่ปล่อยปละละเลย เพราะมีเรื่องการรับส่วยเข้ามาเกี่ยวข้อง

ทั้ง 5 กรณี เป็นการตอกย้ำถึงความฟอนเฟะในวงการตำรวจ ตอกย้ำถึงการที่ตำรวจใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยการรีดไถ และเป็นการประพฤติมิชอบทุจริตต่อหน้าที่

ตำรวจเลวๆ คงไม่ได้มีจำนวนน้อยเสียแล้ว เพราะเพียงไม่กี่วัน สร้างคดีฉาวโฉ่มากมายในหลายพื้นที่ และที่ก่อคดีแต่ไม่เป็นข่าวอีกเท่าไหร่

คดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนมากที่สุด คงเป็นกรณีนายตำรวจจราจรบริเวณหน้าสถานีขนส่งหมอชิต ซึ่งรีดไถเงิน 100 บาท จากผู้ขับรถเมล์เอาดื้อๆ โดยอ้างเป็นประเพณีที่ต้องจ่าย ซึ่งต่อมาถูกเปิดโปงว่า ปีที่ผ่านมาซื้อรถใหม่ป้ายแดงราคาประมาณ 1 ล้านบาทถึง 2 คัน และจ่ายเงินสด มีรูปตีแผ่เป็นหลักฐานยืนยันความร่ำรวยที่ไม่น่าจะปกติ

พฤติกรรมความผิดของนายตำรวจจราจรนายนี้ ถือว่าชัดเจน มีคลิปเป็นหลักฐานมัดแน่น และควรจะถูกแจ้งความดำเนินคดีในทันที ตามความผิดทุจริต โดยใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการแสวงหาประโยชน์ สร้างความเสื่อมเสียให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องถูกลงโทษทางวินัยและถูกดำเนินคดีอาญา

รวมทั้งถูกตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพราะอยู่ในข่ายข้าราชการตำรวจที่ร่ำรวยผิดปกติ

แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลับสั่งย้ายไปประจำศูนย์ปฏิบัติการ กองบังคับการตำรวจจราจร อ้างว่าเพื่อไม่ให้สัมผัสกับประชาชน และตั้งกรรมการสอบความผิดทางวินัยและอาญา

ถ้าประชาชนทั่วไปกระทำความผิดในลักษณะเดียวกัน คงจะถูกดำเนินคดีอย่างเด็ดขาดในทันทีแล้ว แต่เพราะเป็นตำรวจ จึงได้รับการปกป้อง

การสั่งย้าย เป็นวิธีการในการลดกระแสสังคม โดยเมื่อตำรวจตกเป็นข่าวฉาวโฉ่และถูกสื่อตีแผ่พฤติกรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะทำเป็นฮึดฮัด สั่งย้ายสั่งตั้งกรรมการสอบความผิด แต่เมื่อเรื่องเงียบ จะให้กลับมาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม และผลการสอบสวนมักสรุปว่า ไม่พบความผิด

เช่นเดียวกับการย้าย 5 เสือสถานีตำรวจที่ในพื้นที่รับผิดชอบ หลังจากเหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือทหาร ทลายบ่อนการพนันหรือกวาดล้างสถานบันเทิงเปิดเกินเวลา แต่ย้ายไปไม่ถึง 30 วัน เมื่อเรื่องเงียบ ทั้ง 5 เสือก็ย้ายกลับสู่พื้นที่เดิม

คดีนายตำรวจจราจรที่รีดไถเงิน 100 บาทตามประเพณี จนร่ำรวยถอยรถใหม่ออกมาเป็นว่าเล่นนั้น สังคมอาจคาดเดาบทสรุปผลการสอบสวนความผิดไว้ล่วงหน้าแล้ว

เมื่อข่าวเงียบ นายตำรวจที่มีคลิปเป็นหลักฐานการทุจริตต่อหน้าที่ คงได้รับการปกป้องช่วยเหลือจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยไม่ต้องรับโทษใดๆ ทั้งทางวินัยและอาญา

การรับส่วย การรีดไถ การใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ไม่ใช่ตำรวจคนใดคนหนึ่งจะทำได้ แต่ต้องร่วมกันทำมาหากินอย่างเป็นระบบ ทั้งการรับส่วยและส่งส่วยตามลำดับชั้น

ถ้านายตำรวจจรจรที่รีดไถเงิน 100 บาทถูกสำนักงานตำรวจแห่งชาติลงโทษ อาจเกิดระเบิดครั้งใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะตำรวจจราจรรายนี้ คงไม่ยอมตายคนเดียว แต่จะเปิดโปงขบวนการรีดไถ รับและส่งส่วย ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

ดังนั้น นายตำรวจจราจรที่รีดไถเงินตามประเพณี 100 บาท จะต้องได้รับการปกป้อง แม้พฤติกรรมจะถูกประจานเป็นข่าวฉาวโฉ่ที่ประชาชนรับรู้กันทั้งประเทศก็ตาม

ตำรวจกลายเป็นองค์กรที่ประชาชนเอือมระอา เป็นแหล่งเพาะเชื้อการทุจริต เป็นต้นธารแห่งความเสื่อมทรามของสังคม ทำให้บ้านเมืองไร้ความสงบสุข และประชาชนหาความยุติธรรมไม่ได้

พฤติกรรมตำรวจอยู่ในภาวะ “เหลือขอ” และต้องผ่าตัดอย่างจริงจัง แต่จะมีพรรคการเมืองใด มีรัฐบาลชุดไหน จะมีจิตสำนึกในทุกข์ร้อนของประชาชนที่เกิดจากพฤติกรรมตำรวจ

เพราะประชาชนสิ้นหวังกับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์มานานแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น