xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวปนคน คนปนข่าว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ข่าวปนคน คนปนข่าว

**ฟ้าก็ SAVEธนาธรไม่ไหว!! ปมถือหุ้นสื่อวี-ลัค มีเดีย รัดคอ อนาคตใหม่ไหววูบ จะไปต่อยังไง ? เปิดขั้นตอนกฎหมาย "พ่อฟ้า"มีโอกาสเจอสองเด้ง จำคุก - ตัดสิทธิ์ 20 ปี กกต.ให้เวลา 7 วัน แจงข้อหาต้องห้ามสมัคร ส.ส. พ่อฟ้าหยุดเดินสาย UN แจ้นกลับ 25 เม.ย.นี้

ก่อนที่ กกต.จะชี้ชะตา "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ "พ่อของน้องฟ้า"ยังลั๊นลาอยู่เนเธอร์แลนด์ในทริปหนีร้อนตะลอนทัวร์ยุโรปเหมือนมีลางบอกเหตุ รู้วงใน? โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวเป็นนัยๆว่า "ผมเพิ่งได้รับแจ้งจากเมืองไทยว่า ให้รีบกลับไปเตรียมพร้อมรับสถานการณ์อันไม่คาดคิด ...เจอกันที่ไทยครับ"
จากนี้ ธนาธร มีเวลา 7 วัน ตามที่กกต. ลงมติ กรณีที่เป็นผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์อันดับ 1 ของพรรค แต่ถูกร้องว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42 (3) อันเป็นการกระทำฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้ง และพรรคการเมือง
คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้ว มีพยานหลักฐานเบื้องต้นฟังได้ว่า ผู้ถูกร้องเป็นเจ้าของ หรือผู้ถือหุ้นใน "บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด" ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ จำนวน 675,500 หุ้น เลขหมายใบหุ้นตั้งแต่ 1350001-2025001 กกต.จึงมีมติแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายธนาธร โดยมอบหมายให้เลขาธิการ กกต. เป็นผู้แจ้งข้อกล่าวหา และรับฟังยานหลักฐานแทน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วย กกต. มาตรา 43 และ ระเบียบกกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวน และการวินัจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ข้อ 64 และดำเนินการไต่สวนให้สิ้นกระแสความต่อไป...
ตามข้อกล่าวหาข้างต้น"ธนาธร" มีสิทธิที่จะไม่ให้ถ้อยคำ หรือมีหนังสือชี้แจงพยานหลักฐานแก้ข้อกล่าวหา และมีสิทธิที่จะให้ทนายความ หรือบุคคลซึ่งไว้วางใจเข้าร่วมฟังการชี้แจงแสดงหลักฐานแก้ข้อกล่าวหาได้ภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหา
"ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรคฯ บอกว่าหลังจากทราบมติ กกต.ธนาธร ยังกำลังใจดี จะกลับถึงไทยวันที่ 25 เม.ย.นี้ ...อะไรจะเกิดขึ้นกับ ธนาธร และพรรคส้มหวาน หากแจงเหตุผลฟังไม่ขึ้น กกต.ต้องขอให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง มีคำสั่งให้"ใบแดง" พ่อฟ้าธนาธร อนาคตของธนาธร ก็จะเป็นเส้นขนานไปกับรัฐสภา อาจจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตามกฎหมายระบุไว้ "หากรู้อยู่แล้วว่าตนเองขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้าม แต่ยังมาสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ก็จะผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 42 ด้วย อีกทั้งยังมีโทษทางอาญา ตามมาตรา 151 ความว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิ์รับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติ หรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส. ได้สมัคร หรือทำหนังสือยินยอมให้พรรคการเมือง เสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี และปรับ 1 หมื่นถึง 2 แสนบาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี"
ดูจากระวางโทษแล้ว ให้น่าเป็นห่วงว่า จาก"คนรุ่นใหม่"ก็ข้ามไปเป็น"คนรุ่นเก่า" ที่เคยว่าคนอื่นกันเลยทีเดียว ฟ้ายังจะรอพ่อฟ้าไหวมั้ย และหากเจอสองเด้ง ทั้งจำคุก และตัดสิทธิ์ 20 ปี เข้าจริงๆ "ฟ้าจะ SAVEอะไรกันต่อ" คิดไว้ล่วงหน้าแล้วหรือยัง

**กรรมไล่ล่า “แม้ว”โดนคุกอีก 3 ปี คดีสั่งเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่าดอกเบี้ยต่ำกว่าทุน เพื่อแลกการซื้ออุปกรณ์และบริการชินแซทเทลไลท์ เปิดปมกลโกงเชิงนโยบายผลประโยชน์ต่างตอบแทน สไตล์ทักษิณ รัฐต้องแบกภาระชดเชยขาดทุน 12 ปี 670 ล้าน แถมไม่มีข้อตกลงความร่วมมือระหว่างรัฐ หลักฐาน-ใบเสร็จ มัดแน่น
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก"ทักษิณ ชินวัตร" อดีตนายกรัฐมนตรี 3 ปี ในคดีที่ทักษิณ สั่งให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ "เอ็กซิมแบงก์" ปล่อยกู้แก่รัฐบาลสหภาพพม่า 4,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนาระบบโทรคมนาคมของพม่า โดยศาลพิจารณาแล้วเห็นว่า การสั่งเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้นั้น มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าต้นทุน เพื่อนำเงินกู้ดังกล่าวไปใช้ในการซื้อสินค้าและบริการของ"บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน)" ของตระกูลชินวัตร เป็นการเอื้อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 (เดิม) ซึ่งระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเอง หรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท ถึงสองแสนบาท...
คดีนี้ คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส. ตรวจสอบพบเงื่อนงำ ว่า "ทักษิณ" ในฐานะนายกรัฐมนตรี สั่งการให้เอ็กซิมแบงก์ ปล่อยเงินกู้แก่รัฐบาลสหภาพพม่า จำนวน 4,000 ล้านบาท โดยคิดอัตราดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละ 3 ต่อปี ซึ่งต่ำกว่าราคาต้นทุนของเอ็กซิมแบงก์ โดยรัฐบาลต้องตั้งงบประมาณชดเชยผลขาดทุนให้แก่เอ็กซิมแบงก์ ในระยะเวลา 12 ปี เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 670,436,201.25 บาท ...
ผลการตรวจสอบของคตส. พบว่า "ปฏิญญาพุกาม" ที่มาจากการประชุมผู้นำร่วมกัน 4 ประเทศ คือ ลาว พม่า กัมพูชา และไทย ที่เมืองพุกาม ประเทศสหภาพพม่า เมื่อวันที่ 10 - 12 พ.ย.46 ได้มีข้อตกลงความช่วยเหลือร่วมกัน 5 ด้าน แต่ไม่มีความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านโทรคมนาคม แต่อย่างใด
"นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย" อดีต รมว.ต่างประเทศ พยานบุคคลที่สำคัญ ซึ่งมาให้ข้อมูลต่อคตส. ระบุว่าได้เคยชี้แจงกับ รมว.ต่างประเทศของพม่า ว่า “ไม่สมควรจะมีความร่วมมือด้านโทรคมนาคมเป็นการเฉพาะกับประเทศไทย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีไทย เป็นเจ้าของกิจการโทรคมนาคม ที่ใหญ่ที่สุดภายในประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่ข้อครหาว่ามีผลประโยชน์ส่วนตัวเกี่ยวข้อง”
แต่ทักษิณ ก็ยังสั่งการให้ดำเนินการ มิหนำซ้ำ ทางพม่าของเพิ่มวงเงินเดิม จาก 3,000 ล้านบาท เป็น 5,000 ล้าน แต่สุดท้ายตกลงพบกันครึ่งทาง ที่วงเงิน 4,000 ล้านบาท
โดย การเพิ่มวงเงินกู้จาก 3,000 เป็น 4,000 ล้านบาท เนื่องจากกระทรวงวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติพม่า ได้มีหนังสือขอกู้เพื่อพัฒนาระบบโทรคมนาคมรวม 3 โครงการ เป็นเงิน 24.05 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 962 ล้านบาท ทั้ง 3 โครงการ ได้ระบุผู้ขายสินค้าและบริการ คือ บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน)
นอกจากนี้ ถ้าทักษิณจะบอกว่าตัวเองไม่เกี่ยวกับชินแซทฯ ก็พูดไม่ได้ เพราะทั้ง"ทักษิณ" และ"คุณหญิงอ้อ" พจมาน ชินวัตร ขณะนั้นได้รับการพิสูจน์ว่า ยังเป็นผู้ถือหุ้นหรือมีผลประโยชน์ในหุ้น บริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ถืออยู่ในชื่อ นายพานทองแท้ ชินวัตร นางสาวพินทองทา ชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ และ บริษัท Ample Rich
ดังนั้นในระหว่างดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และบริหารสั่งการเกี่ยวกับการให้เงินกู้สินเชื่อวงเงิน 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลพม่า ยังไงๆ ทักษิณ ก็ยังมีผลประโยชน์ในหุ้นบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น ดังกล่าวอยู่ ซึ่งบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ถือหุ้นใน บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) เมื่อปี 2547 เป็นจำนวนถึง 51.48 % ของหุ้นทั้งหมด
งานนี้ "หลักฐาน และใบเสร็จ" ชัดเจน จะมาอ้างลอยๆ ท่องคาถาถูกกลั่นแกล้งไม่ได้เลย

**"เด็กธรรมรักษ์" ยื่นยุบพรรคตัวเอง เหตุมาจากถูกเบี้ยว ไม่จ่ายเงินค่าหาเสียงตามที่ตกลงกันไว้ ซ้ำรอย "พรรคพี่แม้ว" และ "พรรคเพื่อชาติ" ที่บรรดาผู้สมัคร ส.ส. เจอกันมาแล้ว
มาอีกแล้วลูกพรรค โร่ร้อง กกต.ขอให้ยุบพรรคที่ตัวเองสังกัด คราวนี้ เป็น "พรรคพลังไทยรักไทย" ที่มี "พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา" อดีต รมว.กลาโหม ในรัฐบาล "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค ... เห็นชื่อพรรค และแคนดิเดตนายกฯ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่า เป็นพรรคในเครือข่ายแม้ว
ร.ต.อ.พิภพ แก้วมณีโปรด ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 สตูล ได้พาผู้สมัคร ส.ส.เขตต่างๆ จากทุกภาคของประเทศ เข้ายื่นหนังสือถึง กกต. ขอให้ตรวจสอบการจัดตั้งพรรคการเมือง และพิจารณายุบพรรคพลังไทยรักไทย เนื่องจากผู้สมัครของพรรค ได้รับความเดือดร้อน จากการที่คณะกรรมการบริหารพรรค ให้คำมั่นสัญญา ว่า จะสนับสนุนงบประมาณการใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้ง โดยให้ผู้สมัคร ส.ส. สำรองจ่ายไปก่อน ก็หมดกันไปคนละประมาณ 300,000-700,000 บาท พอเลือกตั้งเสร็จ ปรากฏว่าไม่มีใครได้รับเงินตามที่ตกลงกันไว้ พยายามติดต่อสอบถามไปยังกรรมการบริหารพรรค ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค ก็ติดต่อไม่ได้ ไม่มีใครออกมารับผิดชอบ ...เข้าข่ายฉ้อโกง หลอกลวง
ถามว่า ไม่เฉลียวใจเลยหรือ ที่ต้องออกเงินหาเสียงเองไปก่อน และพรรคจะจ่ายให้ทีหลัง ถ้าสอบได้ก็รอดตัวไป แต่ถ้าสอบตกใครจะมาเหลียวแล คำตอบคือ เพราะเชื่อถือในชื่อเสียงของ "พล.อ.ธรรมรักษ์" ที่เคยยิ่งใหญ่ เป็นถึงอดีตรัฐมนตรี และคราวนี้ยังมาเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค ...ฟังแล้วชวนเศร้า...ช่างไม่ต่างกันเลยกับกรณีของ "พรรคพลังปวงชนไทย" ที่มี "พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร" อดีต ผบ.ทบ. และอดีต ผบ.ทสส. ญาติผู้พี่ของ "ทักษิณ ชินวัตร" เป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรค และยังมี "พรรคเพื่อชาติ" ที่ "ตุ๊ดตู่" จตุพร พรหมพันธุ์ และ "ยุทธ ตู้เย็น" ยงยุทธ ติยะไพรัช รับบทเป็นพี่เลี้ยง ...
รูปการณ์เช่นนี้ เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า "ขั้วทักษิณ" หมดหวังในการจัดตั้งรัฐบาล พาลถอดใจ "น้ำเลี้ยง" เลยไม่ไหล



รูป- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
-ทักษิณ ชินวัตร – สุรเกียรติ์ เสถียรไทย
-ลูกพรรคพลังไทยรักไทย ร้อง กกต.ให้ยุบพรรคที่ตัวเองสังกัด



กำลังโหลดความคิดเห็น