ศาลอาญาคดีทุจริตฯ “เงินทอนวัด” สำนวนแรก พิพากษา “พระครูกิตติพัชรคุณ” ผิด 13 กระทง คุก 39 ปี ฐานร่วมมือ “นพรัตน์” อดีต ผอ.พศ.ฟอกเงินทอนวัด เผยเป็นถึงเจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ทำผิดโดนสองเด้ง แต่ให้การเป็นประโยชน์บ้าง ลดโทษเหลือคุก 26 ปี สุดท้ายวืดประกัน ส่งศาลอุทธรณ์พิจารณา ถอดจีวรส่งตัวนอนคุก เผยจำเลยยังถูกฟ้องคดีอนาจารเด็กหญิง 3 คน รอฟังคำพิพากษา 27 มิ.ย.นี้
วานนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีฟอกเงินทอนวัด สำนวนแรก คดีดำหมายเลขที่ อท.38/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริต 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค หรือ นายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 55 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฟอกเงินโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินนั้น ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5 (1) (2) (3), 9, 60 กรณีร่วมกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ยังหลบหนีตั้งแต่ชั้นสอบสวนของตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) วางแผนยักย้าย-ถ่ายโอนเงินทอนวัด ราว 24 ล้านบาทเศษ ที่ได้เบียดบังจากการทุจริตจัดสรรงบประมาณ พศ.ที่เป็นเงินอุดหนุนให้ 12 วัด 13 รายการ จำนวน 28 ล้านบาท ในการบูรณะซ่อมแซมวัด หรือเพื่อโครงการศึกษาพระปริยัติธรรม หรือโครงการเผยแผ่กิจกรรมทางศาสนา
เมื่อถึงเวลานัด พระครูกิตติพัชรคุณ ยังอยู่ในสมณเพศ สวมจีวร ได้เดินทางมาพร้อมกับลูกศิษย์ 5-6 คน โดยเดินทางมาถึงศาล ตั้งแต่ก่อน 08.00 น. ก่อนที่ศาลจะพิพากษาว่า การกระทำของจำเลย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยเป็นเจ้าคณะอำเภอ ถือเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ก็จะต้องรับโทษ 2 เท่า โดยให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษ 13 กระทง กระทงละ 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยมีประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุก 26 ปี ส่วนคำขออื่นให้ยก
ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัว พระครูกิตติพัชรคุณ ไปยังห้องคุมขังชั้นใต้ถุนศาล ระหว่างรอฟังผลการขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ ทนายความ ได้เปิดเผยเพียงว่า ขณะนี้กำลังเตรียมคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อจะยื่นขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามศาลอาญาคดีทุจริตฯพิจารณาแล้ว มีคำสั่งเห็นควรส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยวันนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งเรื่องการประกันตัว คาดว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งประกันตัวได้ภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ พศ.ได้ขอให้พระครูกิตติ ถอดผ้าจีวร อังสะ สบง รัดประคตและใส่เสื้อผ้าชุดปกติทั่วไป ก่อนนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระครูกิตติฯ นั้นยังถูกอัยการฟ้องคดีอนาจารเด็กหญิง 3 คน อายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งถูกล่อลวงไปยังกุฏิที่พักของอดีตพระครูกิตติ เมื่อช่วงปี 48-49 ไว้ต่อศาลอาญา ด้วย โดยพระครูกิตติฯได้ประกันตัวไปวงเงิน 200,000 บาท ขณะที่ศาลสั่งห้ามออกนอกประเทศเช่นกัน ส่วนคดีศาลอาญาสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว กำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีอนาจารเด็กหญิง ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้.
วานนี้ (18 เม.ย.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีฟอกเงินทอนวัด สำนวนแรก คดีดำหมายเลขที่ อท.38/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามทุจริต 1 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พระครูกิตติพัชรคุณ เจ้าคณะอำเภอชนแดน จ.เพชรบูรณ์ และเจ้าอาวาสวัดลาดแค หรือ นายสมเกียรติ ขันทอง อายุ 55 ปี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฟอกเงินโดยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินนั้น ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 3, 5 (1) (2) (3), 9, 60 กรณีร่วมกับ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ที่ยังหลบหนีตั้งแต่ชั้นสอบสวนของตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) วางแผนยักย้าย-ถ่ายโอนเงินทอนวัด ราว 24 ล้านบาทเศษ ที่ได้เบียดบังจากการทุจริตจัดสรรงบประมาณ พศ.ที่เป็นเงินอุดหนุนให้ 12 วัด 13 รายการ จำนวน 28 ล้านบาท ในการบูรณะซ่อมแซมวัด หรือเพื่อโครงการศึกษาพระปริยัติธรรม หรือโครงการเผยแผ่กิจกรรมทางศาสนา
เมื่อถึงเวลานัด พระครูกิตติพัชรคุณ ยังอยู่ในสมณเพศ สวมจีวร ได้เดินทางมาพร้อมกับลูกศิษย์ 5-6 คน โดยเดินทางมาถึงศาล ตั้งแต่ก่อน 08.00 น. ก่อนที่ศาลจะพิพากษาว่า การกระทำของจำเลย เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งขณะกระทำผิดจำเลยเป็นเจ้าคณะอำเภอ ถือเป็นเจ้าพนักงานตาม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ก็จะต้องรับโทษ 2 เท่า โดยให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ลงโทษ 13 กระทง กระทงละ 3 ปี แต่ทางนำสืบของจำเลยมีประโยชน์อยู่บ้าง ลดโทษให้กระทงละ 1 ใน 3 คงจำคุก 26 ปี ส่วนคำขออื่นให้ยก
ภายหลังศาลมีคำพิพากษาแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ควบคุมตัว พระครูกิตติพัชรคุณ ไปยังห้องคุมขังชั้นใต้ถุนศาล ระหว่างรอฟังผลการขอประกันตัวสู้คดีชั้นอุทธรณ์ ทนายความ ได้เปิดเผยเพียงว่า ขณะนี้กำลังเตรียมคำร้องและหลักทรัพย์เพื่อจะยื่นขอประกันตัวสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ อย่างไรก็ตามศาลอาญาคดีทุจริตฯพิจารณาแล้ว มีคำสั่งเห็นควรส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา โดยวันนี้ศาลยังไม่มีคำสั่งเรื่องการประกันตัว คาดว่าศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งประกันตัวได้ภายในสัปดาห์หน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และเจ้าหน้าที่ พศ.ได้ขอให้พระครูกิตติ ถอดผ้าจีวร อังสะ สบง รัดประคตและใส่เสื้อผ้าชุดปกติทั่วไป ก่อนนำตัวไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพระครูกิตติฯ นั้นยังถูกอัยการฟ้องคดีอนาจารเด็กหญิง 3 คน อายุไม่เกิน 15 ปี ซึ่งถูกล่อลวงไปยังกุฏิที่พักของอดีตพระครูกิตติ เมื่อช่วงปี 48-49 ไว้ต่อศาลอาญา ด้วย โดยพระครูกิตติฯได้ประกันตัวไปวงเงิน 200,000 บาท ขณะที่ศาลสั่งห้ามออกนอกประเทศเช่นกัน ส่วนคดีศาลอาญาสืบพยานเสร็จสิ้นแล้ว กำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีอนาจารเด็กหญิง ในวันที่ 27 มิ.ย.นี้.