ขณะที่ภาคการเมืองกำลังวุ่นอยู่กับการแย่งชิงอำนาจรัฐ หาทางออก หาทางลงไม่ได้ ยังไม่รู้ว่าจะไปอย่างไรสำหรับอนาคตประเทศไทย ก็มีเรื่อง “ชามโจ๊กแตก” ที่ฟังแล้วไม่ใช่เรื่องโจ๊กคลายเครียดเด็ดขาด แต่ทำให้ผู้ใหญ่ผู้โตรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ แน่นอน
เสมือนดัง “ฟ้ามีตา สวรรค์เป็นใจ” ได้จังหวะเปิดให้เห็นยอดภูเขาน้ำแข็งแห่งความผิดปกติในระบบราชการสีกากี และลามไปถึงเครือข่ายอำนาจอิทธิพลนอกระบบที่อยู่เหนือกฎหมาย เป็นช่องทางกอบโกยผลประโยชน์อย่างมหาศาล
การดับเครื่องนายตำรวจคนดัง ผลงานเยอะ กำลังนำไปสู่การเปิดให้เห็นอีกด้านหนึ่งของเหรียญ การขุดคุ้ย การให้ปากคำโดยผู้อยู่ในวงการ รวมทั้งเหยื่อของการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ผิดกฎหมาย โดย “เด็กเส้น” ของคนระดับซูเปอร์บิ๊ก
บรรดาบิ๊กและอภิมหาบิ๊กมีอำนาจคับประเทศ เป็นต้นตอของความชั่วร้าย!
เป็นอำนาจเอื้ออวยต่อกลุ่มธุรกิจมีเส้นสาย ได้เปรียบผู้อื่น เป็นระบบที่สร้างมหาเศรษฐีหน้าใหม่ทรงอิทธิพล โดยเฉพาะในธุรกิจพลังงาน ว่ากันว่าถึงขั้นมีพลังส่งคนมาอยู่ในตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล หรือเป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ ก็ยังได้
การใช้เส้นสายเพื่อให้ได้โอกาสสร้างธุรกิจ สร้างฐานอำนาจเงิน แล้วใช้เงินเสริมฐานอำนาจต่อเนื่องเชื่อมโยงกับอำนาจการเมือง ความสัมพันธ์กับผู้มีอำนาจ แล้วร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์ จึงเป็นภัยต่อชาติ และประชาชนเป็นผู้สูญเสีย
เห็นได้ชัดในวงการธุรกิจพลังงาน งานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ มีเงินสะพัดเป็นฐานสำหรับพรรคการเมืองเพื่อรักษาผลประโยชน์ในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติของรัฐ โดยที่ประเทศเสียหายจากสัมปทานผูกขาดโดยเฉพาะในการลงทุนพลังงาน
รัฐวิสาหกิจยังมีระบบปิดกั้นในการแสวงหาอิทธิพล แต่ภาคเอกชนสามารถใช้จ่ายไม่จำกัดในการต่อยอด ขยายเครือข่าย ดังที่ได้เห็นในช่วง 6-7 ปีที่ผ่านมา กลายเป็นเรื่องธรรมดาที่มีเสียงร่ำลือว่าคนจ่ายเงินได้สิทธิเสนอชื่อรัฐมนตรีได้ด้วย
การที่นายตำรวจคนดังประสบชะตากรรมพลิกผันแบบเฉียบพลัน ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย เพียงว่าจะเกิดขึ้น “เมื่อไหร่” เท่านั้น ถ้าคนในประเทศนี้ ทนกับระบบพิสดารนี้ได้ แสดงว่าประเทศนี้ไร้หลักของงานบริหารราชการที่ถูกต้อง
ว่าแต่จากนี้จะเป็นก้าวแรกของการเปลี่ยนแปลงจริงจังในแผ่นดินหรือไม่?
ถ้าการทุบชามโจ๊กเป็นก้าวแรกของปรากฏการณ์ “ฟ้ามีตา สวรรค์เป็นใจ” เป็นปฏิบัติการ “ช็อก” วงการอิทธิพล ก็น่าจะตามมาด้วย “อาฟเตอร์ช็อก” นำไปสู่การขุดรากถอนโคนของกลุ่มอำนาจอิทธิพลเถื่อนที่ได้ครอบงำประเทศทำบ้านเมืองเสียหาย
จะเป็นการรื้อระบบโครงสร้างที่เต็มไปด้วยการทุจริต คอร์รัปชัน คนทำดีไม่ได้ดี คนวิ่งเต้นมีเส้นสายเท่านั้นที่จะได้ดี ข้ามหัวคนอื่นๆ เป็นระบบไม่เอื้อต่อการบริหารราชการโดยคุณธรรม จริยธรรม ซื่อสัตย์สุจริต ซึ่งทำให้บ้านเมืองก้าวหน้าน่าอยู่อาศัย
ขณะที่ยังรอผลของการสอบสวน เสียงร่ำลือวงในต่างๆ ก็เริ่มปูดในโซเชียลมีเดีย ซึ่งคนในวงการรู้ๆ กันอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร เพียงแต่ไม่กล้าพูดอย่างเปิดเผยเพราะอิทธิพล และอำนาจทางกฎหมายและนอกระบบ ได้แต่ซุบซิบในพวกเดียวกัน
จะเปรียบเป็นเหมือนการปลิดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวก็ได้ ถ้ากระบวนการ “ฟ้ามีตา สวรรค์มีใจ” เดินหน้าต่อไปเพื่อความสุข ปลดทุกข์ให้บ้านเมือง จะเป็นจังหวะเหมาะในการวางรากฐานสังคมไทยให้พ้นจากระบบเครือข่ายอิทธิพลกังฉิน
งานนี้น่าจะทำให้บรรดาผู้ใหญ่ผู้โตรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ บ้าง พวก “เด็กนาย” อาจต้องหลบหน้าหลบตา ดูว่าจะมีอาฟเตอร์ช็อกแล้วส่งผลกระทบต่อ “นาย” และระบบเครือข่ายอิทธิพลหรือไม่ ภารกิจสูงส่งเช่นนี้นับว่าเป็นคุณต่อบ้านเมืองอย่างยิ่ง
ถ้าการสอบสวนมีอย่างจริงจัง ประชาชนจะได้รับรู้การใช้อำนาจอิทธิพลของนายตำรวจในตำแหน่งสูงที่ต้องรับโทษเพราะการทุจริต ประพฤติมิชอบ จะเป็นการชะล้าง ทำความสะอาดระบบที่ประชาชนเรียกร้องให้มีการปฏิรูป แต่ไม่มีใครยอมทำ
การไม่ปฏิรูป มุ่งรักษาระบบอิทธิพล ย่อมฟ้องให้เห็นว่ามีผู้ได้รับประโยชน์!ชามโจ๊กแตกน่าจะส่งสัญญาณไปยังกลุ่มอำนาจที่กำลังหลงระเริง เหลิงลำพองกับการครองอำนาจในขณะนี้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ “เทวดาก็ตกสวรรค์ โดนอัปเปหิ” ได้ ถ้าทำอะไรให้สวรรค์เสื่อมเสีย สิ้นสภาพของความน่าเคารพศรัทธา
ความฝันหวานว่าจะไม่มีอุปสรรคใหญ่หลวงในการได้กุมอำนาจนั้นน่าจะส่อแววความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นฝันร้าย ถ้าการขุดรากถอนโคนเกิดขึ้นเป็นระบบ จะทำให้ความเสื่อมสลายเกิดขึ้นได้ และ “อะไรก็เกิดขึ้นได้” สำหรับอำนาจที่ไม่ชอบธรรม
จากนี้ไปต้องมีคำถามดังๆ “ทำไมตำรวจนายเดียวมีอำนาจ พลังอิทธิพลคับประเทศ” ถึงขั้นมีเสียงเปรียบเปรยเจ็บแสบว่า “นายพลตำรวจตรีมีอำนาจกว่าพลตำรวจเอก” ระบบอะไรทำให้เป็นไปถึงขั้นนี้ และมีใครอุปถัมภ์ สนับสนุนอุ้มชู”
แน่นอนต้องมีคำถามว่า “ใคร” ต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการคงอยู่ของระบบที่ว่านั้น! และมีใครได้ประโยชน์อะไรบ้าง? เริ่มมีเสียงร่ำลือถึงการแสวงหาผลประโยชน์ในทางมิชอบ มีเครือข่ายอิทธิพลกว้างขวางในระบบอุปถัมภ์มุ่งเน้นสร้างความมั่งคั่ง
ใครจะรู้ การดับเครื่องคนดังอาจส่งผลกระทบต่อการเมืองที่กำลังแย่งอำนาจกันอยู่ อะไรๆ ที่ว่าแน่ ก็อาจไม่แน่ และ ส.ว.ที่ยังไม่เลือก อาจจะไม่เป็นอะไรที่ “ไขลาน” สั่งได้ ตามที่ฝันหวาน หรือถึงคราที่กลุ่มผยองอำนาจจะหมดบุญสิ้นวาสนา?
ชาวบ้านภาวนาขอให้ “สวรรค์มีตา ฟ้าเป็นใจ” ช่วยปลดทุกข์ให้บ้านเมืองเถิด!