ข่าวปนคน คนปนข่าว
**“ธนาธร”กับ“ลิงแก้แห”ถ้าไม่พลาดทำตัวเอง ก็เป็นเพราะเชื่อมั่นตัวเองอย่าง (ผิดๆ) แรง ! งัดโพสต์เก่าปี 58 โต้ผิด ม.116 - ใช้รถแม่พาผู้ต้องหาหนี แต่ยอมรับอยู่สน. ร่วมก๊วนรังสิมันต์ แถมสาวประวัติทนาย ยิ่งใช่เครือข่ายเดียวกัน ขณะที่ปมโอนหุ้นสื่อวี-ลัค มีเดีย โดนจี้ติดวันเวลา คนละที่คนละทางจะโอนหุ้นให้แม่ได้อย่างไร ทีมงานพรรคตามลบภาพลบไลน์แทบไม่ทัน
งานเข้า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถี่ๆ จึงต้องอาศัยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถี่ๆ เช่นกัน... กรณีหมายเรียกข้อกล่าวหากรณีกระทำความผิดตาม มาตรา 116 ยุงยงปลุกปั่น และ มาตรา 189 ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา เมื่อวันวาน "ธนาธร" ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความจากโพสต์เก่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นที่มาของคดี มาย้อนให้คนดูในทำนองว่า เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย เพียงไปให้กำลังใจกลุ่มนายรังสิมันต์ โรม และ พวก ในฐานะคนธรรมดาที่ทนเห็น ความอประชาธิปไตยไม่ได้ ทนเห็นคนที่จะถูกจับแบบไม่ยุติธรรมไม่ได้...
ในข้อกล่าวหาของคสช.ที่ร้องต่อ สน.ปทุมวัน บอกว่าระหว่างที่กลุ่ม"นายรังสิมันต์ โรม" ซึ่งมีหมายจับตามศาลทหารอยู่ สน.ปทุมวัน นายธนาธร ได้อยู่ร่วมด้วยและมีรถตู้ซึ่งต่อมาตรวจสอบว่าเป็นรถของ บริษัทนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร พาผู้ต้องหาหลบหนีไป...โพสต์เก่าตอนนั้น ธนาธร รับว่า “ ใช่ ผมอยู่ที่หน้าสน. ปทุมวัน ในช่วงเย็นของวันที่ 24 มิถุนายน จริง แต่ผมไปในฐานะที่ผมเชื่อว่า เป็นฐานะที่สำคัญที่สุดของผม ซึ่งมิใช่ในฐานะนายทุน แต่คือในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีสิทธิและอิสระในความคิดและความเชื่อของตนเอง”...แต่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ใช้รถตู้ของแม่พาผู้ต้องหาหลบหนี
เรื่องนี้ก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่คนที่หนักใจเกาหัวแกรกๆ น่าจะเป็น “กฤษฎางค์ นุตจรัส”ทนายความของธนาธร ซึ่งให้สัมภาษณ์สื่อก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะ"พ่อของฟ้า" เล่นใหญ่ "หมายเรียก = อำนาจมืด" ไม่ได้บอกอะไรทนาย คุณทนายเลยไปไม่เป็น ต้องขอไปตั้งหลัก และระหว่างที่ไปตั้งหลัก เนื่องจากเล่นใหญ่ขนาดนี้ สื่อก็เลยสนใจไปหมด อยากรู้ว่า ทนายความของธนาธรเป็นใคร ? คนในเน็ตก็ไปพบว่า "กฤษฎางค์ นุตจรัส" คนนี้คือ อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อมธ. ปี 2521 ประวัติการทำงานโชกโชน เคยว่าความให้กลุ่มอนุรักษ์บ่อนอก (เจริญ วัดอักษร) , เครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร หลังๆ มาก็ว่าความให้ "นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ" (อจ. ยิ้ม) ผู้ซึ่งเป็นเสมือนอาจารย์/นักวิชาการ ของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นทนายให้นักศึกษากลุ่มดาวดิน ที่ประท้วงคสช. และประท้วงรัฐธรรมนูญ 2560 ทนายความของ "ไผ่ ดาวดิน" นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ผู้ต้องหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ และ ทนายความของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย แนวร่วม นปช. และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Red News ของกลุ่มคนเสื้อแดง ... ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครือข่ายที่ ธนาธร และ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ คุ้นเคยดี และ เคยร่วมต่อสู้ให้ ... ช่างประจวบเหมาะกันเหลือเกิน
อีกปมหนึ่งที่ ธนาธร ถูกบี้ติดๆ เรื่อง"โอนหุ้นสื่อ" กรณีบริษัทวี-ลัค มีเดีย ที่อ้างว่าได้โอนให้แม่ และ ต่อมาไล่กันไปมา เรื่องวันที่โอนซึ่งจะมีผลต่อการกระทำผิด ว่าด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ธนาธร ยืนยันว่า ตัวเองได้โอนไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 8 ม.ค. แต่สำนักข่าวอิสรา ที่เจาะเรื่องนี้ก็ไปเจอว่า วันที่ 8 ม.ค. ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมา คือ นายธนาธร ลงพื้นที่หาเสียงอยู่ต่างจังหวัด ระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.62 แล้วนายธนาธรใช้เวลาช่วงไหน เดินทางทำตราสารโอนหุ้นให้กับนางสมพร รวมถึงลงนามสำคัญเป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน 2 ราย และทนายความโนตารี ได้อย่างไร ?
ปรากฏว่า ภาพ และ คลิปวีดีโอ ในการลงพื้นที่หาเสียงดังกล่าว ที่ถูกถ่ายระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.62 นั้น พอเป็นประเด็นขึ้นมา ในไลน์พรรคอนาคตใหม่ ได้ลบไปทั้งหมดแล้ว จึงเหลือแต่กำหนดการ และข้อมูลจากสื่ออย่างเป็นทางการของพรรคอนาคตใหม่ ... "พ่อของฟ้า" ดูจะลอยลำเรื่องนี้อยู่แล้ว กลับต้องโดนสอยให้ลงมา ซีเรียสขึ้นมาละทีนี้ ว่าไปแล้วหลายๆ เรื่องของธนาธร เหมือน “ลิงแก้แห”...ธนาธร นี่ถ้าไม่พลาดทำตัวเอง ก็เป็นเพราะเชื่อมั่นตัวเองอย่าง (ผิดๆ) แรง!
** "เพื่อไทย" เริ่มลดบทบาทการเคลื่อนไหวลง หลังรู้ตัวว่าโอกาสตั้งรัฐบาลริบหรี่ ปล่อยให้ "อนาคตใหม่" ที่กำลังลำพองกับมโนภาพ ว่ามีกองหนุนกว่า 6 ล้าน เดินหน้าชนอำนาจทหาร
หลังจากพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวลงสัตยาบัน กับอีก 5 พรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตร แต่นับคะแนนเสียง ส.ส.แล้ว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะโหวตตั้งคนของตัวเองมาประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ...ยิ่งเรื่องโหวตนายกฯ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะโอกาสที่จะฝ่าด่าน 250 ส.ว.นั้นเห็นชัดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย ดังนั้นความคึกคักในการฟอร์มรัฐบาลในฝ่ายนี้ จึงฝ่อลงไปอย่างเห็นได้ชัด...
ถึงกระนั้นก็ตาม ยังอุตสาห์มีกระแสการ "เปลี่ยนม้ากลางศึก" โดยมีข่าวว่าจะมีการดัน "ชัยเกษม นิติสิริ" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 3 ของพรรค ขึ้นมาเสียบแทน "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในภายภาคหน้า เนื่องจาก "ชัยเกษม" นั้นนับได้ว่าเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายคนหนึ่งของพรรค ในอดีตเคยเป็นอัยการสูงสุด และ เป็น รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเหมาะสมที่จะถูกเชิดขึ้นมาเพื่อภารกิจการต่อสู้ ในช่วงนี้ ที่ต้องใช้แง่มุมของกฎหมาย... ขณะที่ "เจ๊หน่อย" เป็นนักการเมืองอาชีพ เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาหลายครั้ง ดังนั้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง จึงได้รับการโปรโมตให้เป็น ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค พ่วงด้วยแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1...แต่พอหลังเลือกตั้งเสร็จ ภารกิจก็อาจจะต้องเปลี่ยนไป...
อย่างไรก็ตาม เมื่อโอกาสในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างริบหรี่ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ "พรรคเพื่อไทย" ในภาพรวมช่่วงนี้จึงดูเงียบเหงาลงไป ภาพรวมทางการเมืองที่เห็นในตอนนี้ จึงเป็นภาพของ"อนาคตใหม่" ที่มี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค และ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรค กำลังเป็นหัวหอกในการต่อกร กับอำนาจ คสช. และกองทัพ...
แน่นอนว่าพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งมาอย่างพลิกความคาดหมาย ได้คะแนนรวมจากทั่วประเทศ กว่า6.2 ล้านคะแนน มี ส.ส.เขตถึง 30 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 57 ที่นั่ง รวมเป็น 87 ที่นั่ง ย่อมเกิดความฮึกเหิม ที่จะเดินหน้าชนกับกลุ่มทหารที่ครองอำนาจอยู่ โดยยึดสุภาษิตที่ว่า "ตีเหล็ก ต้องตีตอนร้อน" ... ตอนนี้ในหัวของ"ธนาธร" ไม่มีคำว่า "ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม" หรือ "อดเปรี้ยว ไว้กินหวาน" ยอมเป็นฝ่ายค้านสร้างผลงานในสภา สร้างความมั่นคงให้กับพรรคก่อน ...เพราะมั่นใจว่ามีมวลชนกว่า 6 ล้านเป็น "กองหนุน" อยู่...การประกาศลดบทบาทกองทัพ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย จึงถูกโต้กลับอย่างหนักหน่วงจากฝ่ายทหาร ...
หากจะว่าไปแล้ว ปมประเด็นที่พรรคอนาคตใหม่ และตัว "ธนาธร" เผชิญอยู่ขณะนี้ ล้วนแต่เกิดจากความบกพร่อง เปิดช่องโหว่ ของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการ "โอนหุ้นสื่อ" เรื่องที่ถูกหมายเรียกตามมาตรา 116 ในความผิดเกี่ยวกับ ยุยง ปลุกปั่น เรื่องปูมหลังที่คลุกคลี มีสัมพันธ์อยู่กับกลุ่ม "แดงล้มเจ้า" โดยเฉพาะเรื่องราวของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ที่ถูกขุดคุ้ย ตีแผ่ออกมาเรื่อยๆถึงพฤติกรรมที่ส่อไปในทางจาบจ้วงสถาบันฯ แต่ทั้งคู่ก็เปิดหน้าสู้ ดังจะเห็นได้จากการที่ช่วงนี้ "ธนาธร" ขึ้นรถแห่ ออดเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อขอบคุณประชาชน ที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล ที่มีการติดแฮชแทค "เซฟธนาธร - เซฟปิยบุตร" เพื่อดึงกระแสมวลชนคนรุ่นใหม่มาร่วมกันปกป้องตัวเอง ...
หากการเผชิญหน้ากันระหว่าง "พลพรรคอนาคตใหม่" กับ "อำนาจทหาร" ลุกลามบานปลาย กลายเป็นความปั่นป่วน วุ่นวายในบ้านเมือง จนเข้าสู่วงจร "เสียเลือด เสียเนื้อ" อีกครั้ง คงเข้าทาง "คนแดนไกล" ที่ไม่ต้องลงทุน ลงแรงเอง
-----------
รูป-- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ --กฤษฎางค์ นุตจรัส
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ – ชัยเกษม นิติสิริ
**“ธนาธร”กับ“ลิงแก้แห”ถ้าไม่พลาดทำตัวเอง ก็เป็นเพราะเชื่อมั่นตัวเองอย่าง (ผิดๆ) แรง ! งัดโพสต์เก่าปี 58 โต้ผิด ม.116 - ใช้รถแม่พาผู้ต้องหาหนี แต่ยอมรับอยู่สน. ร่วมก๊วนรังสิมันต์ แถมสาวประวัติทนาย ยิ่งใช่เครือข่ายเดียวกัน ขณะที่ปมโอนหุ้นสื่อวี-ลัค มีเดีย โดนจี้ติดวันเวลา คนละที่คนละทางจะโอนหุ้นให้แม่ได้อย่างไร ทีมงานพรรคตามลบภาพลบไลน์แทบไม่ทัน
งานเข้า “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ”หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ถี่ๆ จึงต้องอาศัยโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถี่ๆ เช่นกัน... กรณีหมายเรียกข้อกล่าวหากรณีกระทำความผิดตาม มาตรา 116 ยุงยงปลุกปั่น และ มาตรา 189 ให้ที่พักพิงผู้ต้องหา เมื่อวันวาน "ธนาธร" ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความจากโพสต์เก่า เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ซึ่งเป็นที่มาของคดี มาย้อนให้คนดูในทำนองว่า เขาไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย เพียงไปให้กำลังใจกลุ่มนายรังสิมันต์ โรม และ พวก ในฐานะคนธรรมดาที่ทนเห็น ความอประชาธิปไตยไม่ได้ ทนเห็นคนที่จะถูกจับแบบไม่ยุติธรรมไม่ได้...
ในข้อกล่าวหาของคสช.ที่ร้องต่อ สน.ปทุมวัน บอกว่าระหว่างที่กลุ่ม"นายรังสิมันต์ โรม" ซึ่งมีหมายจับตามศาลทหารอยู่ สน.ปทุมวัน นายธนาธร ได้อยู่ร่วมด้วยและมีรถตู้ซึ่งต่อมาตรวจสอบว่าเป็นรถของ บริษัทนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร พาผู้ต้องหาหลบหนีไป...โพสต์เก่าตอนนั้น ธนาธร รับว่า “ ใช่ ผมอยู่ที่หน้าสน. ปทุมวัน ในช่วงเย็นของวันที่ 24 มิถุนายน จริง แต่ผมไปในฐานะที่ผมเชื่อว่า เป็นฐานะที่สำคัญที่สุดของผม ซึ่งมิใช่ในฐานะนายทุน แต่คือในฐานะมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ที่มีสิทธิและอิสระในความคิดและความเชื่อของตนเอง”...แต่ไม่ได้พูดถึงเหตุการณ์ใช้รถตู้ของแม่พาผู้ต้องหาหลบหนี
เรื่องนี้ก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน แต่คนที่หนักใจเกาหัวแกรกๆ น่าจะเป็น “กฤษฎางค์ นุตจรัส”ทนายความของธนาธร ซึ่งให้สัมภาษณ์สื่อก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะ"พ่อของฟ้า" เล่นใหญ่ "หมายเรียก = อำนาจมืด" ไม่ได้บอกอะไรทนาย คุณทนายเลยไปไม่เป็น ต้องขอไปตั้งหลัก และระหว่างที่ไปตั้งหลัก เนื่องจากเล่นใหญ่ขนาดนี้ สื่อก็เลยสนใจไปหมด อยากรู้ว่า ทนายความของธนาธรเป็นใคร ? คนในเน็ตก็ไปพบว่า "กฤษฎางค์ นุตจรัส" คนนี้คือ อดีตนายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ อมธ. ปี 2521 ประวัติการทำงานโชกโชน เคยว่าความให้กลุ่มอนุรักษ์บ่อนอก (เจริญ วัดอักษร) , เครือข่าย 19 กันยาต้านรัฐประหาร หลังๆ มาก็ว่าความให้ "นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ" (อจ. ยิ้ม) ผู้ซึ่งเป็นเสมือนอาจารย์/นักวิชาการ ของกลุ่มคนเสื้อแดง เป็นทนายให้นักศึกษากลุ่มดาวดิน ที่ประท้วงคสช. และประท้วงรัฐธรรมนูญ 2560 ทนายความของ "ไผ่ ดาวดิน" นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา ผู้ต้องหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมถึง กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ และ ทนายความของ สมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย แนวร่วม นปช. และบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ Red News ของกลุ่มคนเสื้อแดง ... ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นเครือข่ายที่ ธนาธร และ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ คุ้นเคยดี และ เคยร่วมต่อสู้ให้ ... ช่างประจวบเหมาะกันเหลือเกิน
อีกปมหนึ่งที่ ธนาธร ถูกบี้ติดๆ เรื่อง"โอนหุ้นสื่อ" กรณีบริษัทวี-ลัค มีเดีย ที่อ้างว่าได้โอนให้แม่ และ ต่อมาไล่กันไปมา เรื่องวันที่โอนซึ่งจะมีผลต่อการกระทำผิด ว่าด้วยการลงสมัครรับเลือกตั้งส.ส. ธนาธร ยืนยันว่า ตัวเองได้โอนไปแล้วตั้งแต่ วันที่ 8 ม.ค. แต่สำนักข่าวอิสรา ที่เจาะเรื่องนี้ก็ไปเจอว่า วันที่ 8 ม.ค. ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏออกมา คือ นายธนาธร ลงพื้นที่หาเสียงอยู่ต่างจังหวัด ระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.62 แล้วนายธนาธรใช้เวลาช่วงไหน เดินทางทำตราสารโอนหุ้นให้กับนางสมพร รวมถึงลงนามสำคัญเป็นหลักฐานต่อหน้าพยาน 2 ราย และทนายความโนตารี ได้อย่างไร ?
ปรากฏว่า ภาพ และ คลิปวีดีโอ ในการลงพื้นที่หาเสียงดังกล่าว ที่ถูกถ่ายระหว่างวันที่ 7-9 ม.ค.62 นั้น พอเป็นประเด็นขึ้นมา ในไลน์พรรคอนาคตใหม่ ได้ลบไปทั้งหมดแล้ว จึงเหลือแต่กำหนดการ และข้อมูลจากสื่ออย่างเป็นทางการของพรรคอนาคตใหม่ ... "พ่อของฟ้า" ดูจะลอยลำเรื่องนี้อยู่แล้ว กลับต้องโดนสอยให้ลงมา ซีเรียสขึ้นมาละทีนี้ ว่าไปแล้วหลายๆ เรื่องของธนาธร เหมือน “ลิงแก้แห”...ธนาธร นี่ถ้าไม่พลาดทำตัวเอง ก็เป็นเพราะเชื่อมั่นตัวเองอย่าง (ผิดๆ) แรง!
** "เพื่อไทย" เริ่มลดบทบาทการเคลื่อนไหวลง หลังรู้ตัวว่าโอกาสตั้งรัฐบาลริบหรี่ ปล่อยให้ "อนาคตใหม่" ที่กำลังลำพองกับมโนภาพ ว่ามีกองหนุนกว่า 6 ล้าน เดินหน้าชนอำนาจทหาร
หลังจากพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวลงสัตยาบัน กับอีก 5 พรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตร แต่นับคะแนนเสียง ส.ส.แล้ว ก็ยังไม่เพียงพอที่จะโหวตตั้งคนของตัวเองมาประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ ...ยิ่งเรื่องโหวตนายกฯ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะโอกาสที่จะฝ่าด่าน 250 ส.ว.นั้นเห็นชัดว่าไม่มีทางเป็นไปได้เลย ดังนั้นความคึกคักในการฟอร์มรัฐบาลในฝ่ายนี้ จึงฝ่อลงไปอย่างเห็นได้ชัด...
ถึงกระนั้นก็ตาม ยังอุตสาห์มีกระแสการ "เปลี่ยนม้ากลางศึก" โดยมีข่าวว่าจะมีการดัน "ชัยเกษม นิติสิริ" แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เบอร์ 3 ของพรรค ขึ้นมาเสียบแทน "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 เพื่อให้สอดคล้องกับภารกิจในภายภาคหน้า เนื่องจาก "ชัยเกษม" นั้นนับได้ว่าเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายคนหนึ่งของพรรค ในอดีตเคยเป็นอัยการสูงสุด และ เป็น รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จึงเหมาะสมที่จะถูกเชิดขึ้นมาเพื่อภารกิจการต่อสู้ ในช่วงนี้ ที่ต้องใช้แง่มุมของกฎหมาย... ขณะที่ "เจ๊หน่อย" เป็นนักการเมืองอาชีพ เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาหลายครั้ง ดังนั้นในช่วงก่อนการเลือกตั้ง จึงได้รับการโปรโมตให้เป็น ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรค พ่วงด้วยแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1...แต่พอหลังเลือกตั้งเสร็จ ภารกิจก็อาจจะต้องเปลี่ยนไป...
อย่างไรก็ตาม เมื่อโอกาสในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลค่อนข้างริบหรี่ การเคลื่อนไหวทางการเมืองของ "พรรคเพื่อไทย" ในภาพรวมช่่วงนี้จึงดูเงียบเหงาลงไป ภาพรวมทางการเมืองที่เห็นในตอนนี้ จึงเป็นภาพของ"อนาคตใหม่" ที่มี "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ" หัวหน้าพรรค และ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" เลขาธิการพรรค กำลังเป็นหัวหอกในการต่อกร กับอำนาจ คสช. และกองทัพ...
แน่นอนว่าพรรคอนาคตใหม่ ที่เพิ่งชนะการเลือกตั้งมาอย่างพลิกความคาดหมาย ได้คะแนนรวมจากทั่วประเทศ กว่า6.2 ล้านคะแนน มี ส.ส.เขตถึง 30 ที่นั่ง และส.ส.บัญชีรายชื่ออีก 57 ที่นั่ง รวมเป็น 87 ที่นั่ง ย่อมเกิดความฮึกเหิม ที่จะเดินหน้าชนกับกลุ่มทหารที่ครองอำนาจอยู่ โดยยึดสุภาษิตที่ว่า "ตีเหล็ก ต้องตีตอนร้อน" ... ตอนนี้ในหัวของ"ธนาธร" ไม่มีคำว่า "ช้าช้าได้พร้าเล่มงาม" หรือ "อดเปรี้ยว ไว้กินหวาน" ยอมเป็นฝ่ายค้านสร้างผลงานในสภา สร้างความมั่นคงให้กับพรรคก่อน ...เพราะมั่นใจว่ามีมวลชนกว่า 6 ล้านเป็น "กองหนุน" อยู่...การประกาศลดบทบาทกองทัพ แก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทย จึงถูกโต้กลับอย่างหนักหน่วงจากฝ่ายทหาร ...
หากจะว่าไปแล้ว ปมประเด็นที่พรรคอนาคตใหม่ และตัว "ธนาธร" เผชิญอยู่ขณะนี้ ล้วนแต่เกิดจากความบกพร่อง เปิดช่องโหว่ ของตัวเองทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการ "โอนหุ้นสื่อ" เรื่องที่ถูกหมายเรียกตามมาตรา 116 ในความผิดเกี่ยวกับ ยุยง ปลุกปั่น เรื่องปูมหลังที่คลุกคลี มีสัมพันธ์อยู่กับกลุ่ม "แดงล้มเจ้า" โดยเฉพาะเรื่องราวของ "ปิยบุตร แสงกนกกุล" ที่ถูกขุดคุ้ย ตีแผ่ออกมาเรื่อยๆถึงพฤติกรรมที่ส่อไปในทางจาบจ้วงสถาบันฯ แต่ทั้งคู่ก็เปิดหน้าสู้ ดังจะเห็นได้จากการที่ช่วงนี้ "ธนาธร" ขึ้นรถแห่ ออดเดินสายไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อขอบคุณประชาชน ที่เลือกพรรคอนาคตใหม่ ขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวในโลกโซเชียล ที่มีการติดแฮชแทค "เซฟธนาธร - เซฟปิยบุตร" เพื่อดึงกระแสมวลชนคนรุ่นใหม่มาร่วมกันปกป้องตัวเอง ...
หากการเผชิญหน้ากันระหว่าง "พลพรรคอนาคตใหม่" กับ "อำนาจทหาร" ลุกลามบานปลาย กลายเป็นความปั่นป่วน วุ่นวายในบ้านเมือง จนเข้าสู่วงจร "เสียเลือด เสียเนื้อ" อีกครั้ง คงเข้าทาง "คนแดนไกล" ที่ไม่ต้องลงทุน ลงแรงเอง
-----------
รูป-- ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ --กฤษฎางค์ นุตจรัส
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ – ชัยเกษม นิติสิริ