“บิ๊กแดง” ไม่สนล่าชื่อถอดถอน โฆษก ทบ.ซัดสร้างกระแสทำแตกแยก "อุ๊ หฤทัย" นักร้องดังร้องตำรวจลุมพินี ตรวจสอบ "ปิยบุตร" เขียนหนังสือ 2 เล่ม เข้าข่ายเป็นภัยความมั่นคงผิด ม.116 “กลุ่มคนไทยฯ” ร้อง “บิ๊กโจ๊ก” สอบพฤติกรรมหมิ่นเบื้องสูง “ธนาธร” ยัน “ปิยบุตร” คือเสาหลักพรรค อ้าง “พาผู้ต้องหาหนี” แค่อาสารับส่ง “ทนายเสื้อแดง” ตั้งก๊วนสู้คดีการเมืองไม่เป็นธรรม นัดรวมพลหนุน “ธนาธร” 6 เม.ย.นี้ ผบช.น.พร้อมจัดกำลังดูแลแฟนคลับ
วานนี้ (4 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกฯ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ถึงกรณีการล่ารายชื่อ ผ่านเว็บไซต์ Change.org ถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) โดย พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในแง่ของความรู้สึกอย่างหนึ่งทางโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับการล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเกิดข้อกังวลสงสัย ไม่มั่นใจสิ่งใด หรือเรื่องที่คิดว่าไม่ดีต่อส่วนรวม หรือบางคนอาจจะเรียกว่า เป็นความขัดแย้งก็ได้ ประเทศมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการทุจริต ก็ยื่นร้องเรียนตามกลไก เพื่อให้มีการพิสูจน์ หากมีมูลก็ลงโทษทางคดีอาญา ซึ่งเป็นช่องทางที่จับต้องได้จริง ส่วนที่ ผบ.ทบ.ออกมาระบุ กลุ่มคนมีความคิดซ้ายจัดนั้น ขออย่าไปเจาะจงตัวบุคคล แต่ให้ดูที่เจตนารมณ์
ขณะที่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่จะได้คือความคิดเห็นที่แตกแยก ได้ใช้วาทกรรม การใช้ความรุนแรง การใช้ความคิดเห็นของตัวเองไปประกอบกับความคิดเห็นอันนั้นจึงทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย ความแตกแยกเกิดขึ้น ลักษณะแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้ทำให้สังคมมีการใช้เหตุและผล
รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ ได้ระบุในที่ประชุมถึงกรณีดังกล่าวว่า "ขอให้ปล่อยไปเถอะ เพราะผมโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่ใช่นักการเมือง และในทางกฎหมายผมก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะถอดถอนได้"
“อุ๊” ร้อง “ปิยบุตร” ส่อผิด ม.116
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สน.ลุมพินี น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ “อุ๊” อดีตนักร้องดัง ได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี กรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เขียนหนังสือ เรื่อง “ราชมัล ลงทัณฑ์ บัลลังก์ ปฏิรูป” และหนังสือเรื่อง “รัฐธรรมนูญ ประวัติการข้อความคิด อำนาจสถาปนา และการเปลี่ยนผ่าน” โดยเห็นว่าหนังสือทั้ง 2 เล่มมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116 ที่ว่าด้วย ความเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือไม่
น.ส.หฤทัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐ ตนไม่ใช่ผู้เสียหาย รัฐเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นรัฐจึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบ ตนเพียงเป็นคนเข้ามาร้องทุกข์ให้ตรวจสอบ โดยตนได้อ่านหนังสือทั้ง 2 เล่มแล้วรู้สึกตกใจมาก ถึงแม้ว่าจะเขียนในเชิงวิชาการ แต่อาจส่งผลกระทบต่อระบอบการปกครองของไทยที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ดังนั้นแนวความคิดที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ในส่วนของข้อความที่ยอมไม่ได้นั้นไม่สามารถออกอากาศได้ เพราะมีความผิด เป็นอันตรายต่อความมั่นคง
“นี่คือการร้องทุกข์กล่าวโทษ ไม่ใช่การแจ้งความ อยากให้ นายปิยบุตร ออกมาชี้แจงตามหลักฐานความจริง” น.ส.หฤทัย กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กัมพล กล่าวว่า เบื้องต้น ได้รับเรื่องและสอบปากคำ น.ส.หฤทัย แล้ว หากพบว่ามีความผิดจะมีการเรียก นายปิยบุตร เข้ามาสอบปากคำต่อไป
“บิ๊กโจ๊ก” รับลูกกลุ่มคนไทยฯสอบด้วย
อีกด้าน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นายมหัศจักร โสดี นำตัวแทนกลุ่มคนไทยหัวใจตรงกันที่รักและเคารพในสถาบัน ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนายศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เรียกร้องให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายปิยบุตร เนื่องจากมองว่าการกระทำหลายอย่างของนายปิยะบุตร ทั้งการพูดในสถานที่สาธารณะ และการเขียนหนังสือ บทความต่างๆ เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือมีความผิดอื่นหรือไม่ โดยได้มอบพยานหลักฐาน รวมทั้งซีดีรวบรวมการพูดหลายเหตุการณ์ ด้วย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเรื่องที่ร้องเรียนเพิ่มเติมในกรณีที่นายปิยบุตรเคยร่วมกิจกรรมที่แยกคอกวัว เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานที่นำมาร้องทุกข์ทั้งหมด ว่าเข้าข่ายหรือไม่ในเรื่องใด ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการต่อไป ยืนยันเจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างรัดกุม รอบคอบ และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
“ธนาธร” โอดถูกใช้สถาบันโจมตี
ด้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยเป็นโพสต์เก่าเมื่อราว 4 ปีก่อน ระบุว่า ในวันที่ 28 มิ.ย.58 หรือ 4 วัน หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ตนโดนข้อหามาตรา 116 ในวันนี้ โดยมีข้อความลงท้ายว่า “เผด็จการจงพินาศไป ประชาธิปไตยจงเจริญ”
จากนั้นนายธนาธร ได้ลงพื้นที่ขอบคุณพี่น้องประชาชนย่านสยามสแควร์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาพี่น้องประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวันรุ่น มารอให้การต้อนรับ พร้อมขอถ่ายรูป และให้กำลังใจพรรคอนาคตใหม่ เป็นจำนวนมาก โดย นายธนาธร ยืนยันกับสื่อมวลชนว่าในวันที่ 6 เม.ย.นี้ จะเดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ตามหมายเรียกในข้อหาความผิด มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นเป็นภัยกับความั่นคงของประเทศอย่างแน่นอน โดยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.58 นั้น ทางตำรวจได้ควบคุมตัว นายรังสิมันต์ โรม และกลุ่มนักศึกษาไว้ เมื่อทราบข่าวก็ได้เดินทางไปให้กำลังใจที่หน้า สน.ปทุมวัน จากนั้นขณะที่กำลังจะกลับ ได้เห็นนายรังสิมันต์ กำลังเดินทางกลับจึงได้อาสารับไปส่ง ไม่ได้เป็นการพาหลบหนี
ส่วนกรณีของตน และนายปิยบุตร ถูกหยิบยกเรื่องสถาบันเข้ามา และเอาไปเชื่อมโยงกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น นายธนาธร กล่าวว่า เป็นการกระทำของกลุ่มเผด็จการ ที่นำเรื่องสถาบันเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แม้ว่าทางพรรคจะโดนกลั่นแกล้ง และมีกระแสโจมตีหลายเรื่อง แต่ส่วนตัวยืนยันว่าตัวเอง และนายปิยบุตร รวมถึงสมาชิกพรรคทุกคนยังมีกำลังใจและมั่นใจในความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะนายปิยบุตร ที่เป็นเสาหลักที่สำคัญของพรรคอนาคตใหม่ทั้งในวันนี้และในอนาคต
“ทนายแดง” ผุดก๊วนนัก กม.สู้ คสช.
ขณะที่ นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า การดำเนินคดีนายธนาธร และนายปิยบุตร สะท้อนว่า ผู้มีอำนาจในสังคมไทยไม่ยอมรับความคิดใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น และดำเนินคดีด้วยการหยิบยกข้อกฎหมายมาใช้อย่างคลุมเครือ เพื่อหวังดิสเครดิตทางการเมือง กลุ่มทนายและนักกฎหมายของพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. และแวดวงวิชาการทางกฎหมายที่มีความคิดในเชิงหัวก้าวหน้า เห็นตรงกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มนักกฎหมายอนาคตใหม่เพื่อสังคมไทยที่เท่าเทียม (นอสท.) โดย นอสท.จะเริ่มทำกิจกรรมไปให้กำลังใจ นายธนาธรที่ต้องเข้าพบเจ้าที่ สน.ปทุมวันตามหมายเรียกที่ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 116 ในวันที่ 6 เม.ย.นี้
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของนายธนาธร ในวันที่ 6 เม.ย.62 เวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน ว่า ยังไม่มีรายงานเรื่องที่น่ากังวล หากมีผู้ชุมนุมเดินทางมาให้กำลังใจนายธนาธร เจ้าหน้าที่จะจัดกำลังดูแลความปลอดภัยให้ มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วง.
วานนี้ (4 เม.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก และพ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกฯ ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก ถึงกรณีการล่ารายชื่อ ผ่านเว็บไซต์ Change.org ถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) โดย พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในแง่ของความรู้สึกอย่างหนึ่งทางโซเชียลมีเดีย เช่นเดียวกับการล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะเกิดข้อกังวลสงสัย ไม่มั่นใจสิ่งใด หรือเรื่องที่คิดว่าไม่ดีต่อส่วนรวม หรือบางคนอาจจะเรียกว่า เป็นความขัดแย้งก็ได้ ประเทศมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการทุจริต ก็ยื่นร้องเรียนตามกลไก เพื่อให้มีการพิสูจน์ หากมีมูลก็ลงโทษทางคดีอาญา ซึ่งเป็นช่องทางที่จับต้องได้จริง ส่วนที่ ผบ.ทบ.ออกมาระบุ กลุ่มคนมีความคิดซ้ายจัดนั้น ขออย่าไปเจาะจงตัวบุคคล แต่ให้ดูที่เจตนารมณ์
ขณะที่ พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าวเสริมว่า สิ่งที่จะได้คือความคิดเห็นที่แตกแยก ได้ใช้วาทกรรม การใช้ความรุนแรง การใช้ความคิดเห็นของตัวเองไปประกอบกับความคิดเห็นอันนั้นจึงทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย ความแตกแยกเกิดขึ้น ลักษณะแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้ทำให้สังคมมีการใช้เหตุและผล
รายงานข่าวแจ้งว่าในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ ได้ระบุในที่ประชุมถึงกรณีดังกล่าวว่า "ขอให้ปล่อยไปเถอะ เพราะผมโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่ใช่นักการเมือง และในทางกฎหมายผมก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะถอดถอนได้"
“อุ๊” ร้อง “ปิยบุตร” ส่อผิด ม.116
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 16.30 น. ที่ สน.ลุมพินี น.ส.หฤทัย ม่วงบุญศรี หรือ “อุ๊” อดีตนักร้องดัง ได้เดินทางมาร้องทุกข์ต่อ พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ลุมพินี กรณี นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เขียนหนังสือ เรื่อง “ราชมัล ลงทัณฑ์ บัลลังก์ ปฏิรูป” และหนังสือเรื่อง “รัฐธรรมนูญ ประวัติการข้อความคิด อำนาจสถาปนา และการเปลี่ยนผ่าน” โดยเห็นว่าหนังสือทั้ง 2 เล่มมีเนื้อหาเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116 ที่ว่าด้วย ความเป็นภัยต่อความมั่นคง หรือไม่
น.ส.หฤทัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของรัฐ ตนไม่ใช่ผู้เสียหาย รัฐเป็นผู้เสียหาย ดังนั้นรัฐจึงมีหน้าที่ในการตรวจสอบ ตนเพียงเป็นคนเข้ามาร้องทุกข์ให้ตรวจสอบ โดยตนได้อ่านหนังสือทั้ง 2 เล่มแล้วรู้สึกตกใจมาก ถึงแม้ว่าจะเขียนในเชิงวิชาการ แต่อาจส่งผลกระทบต่อระบอบการปกครองของไทยที่เป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ดังนั้นแนวความคิดที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เป็นเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง ในส่วนของข้อความที่ยอมไม่ได้นั้นไม่สามารถออกอากาศได้ เพราะมีความผิด เป็นอันตรายต่อความมั่นคง
“นี่คือการร้องทุกข์กล่าวโทษ ไม่ใช่การแจ้งความ อยากให้ นายปิยบุตร ออกมาชี้แจงตามหลักฐานความจริง” น.ส.หฤทัย กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.กัมพล กล่าวว่า เบื้องต้น ได้รับเรื่องและสอบปากคำ น.ส.หฤทัย แล้ว หากพบว่ามีความผิดจะมีการเรียก นายปิยบุตร เข้ามาสอบปากคำต่อไป
“บิ๊กโจ๊ก” รับลูกกลุ่มคนไทยฯสอบด้วย
อีกด้าน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) นายมหัศจักร โสดี นำตัวแทนกลุ่มคนไทยหัวใจตรงกันที่รักและเคารพในสถาบัน ยื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) ในฐานะรองผู้อำนายศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เรียกร้องให้ตรวจสอบพฤติกรรม นายปิยบุตร เนื่องจากมองว่าการกระทำหลายอย่างของนายปิยะบุตร ทั้งการพูดในสถานที่สาธารณะ และการเขียนหนังสือ บทความต่างๆ เข้าข่ายหมิ่นสถาบันเบื้องสูงหรือมีความผิดอื่นหรือไม่ โดยได้มอบพยานหลักฐาน รวมทั้งซีดีรวบรวมการพูดหลายเหตุการณ์ ด้วย
พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า ได้รับหนังสือร้องเรียนเรื่องดังกล่าว รวมทั้งเรื่องที่ร้องเรียนเพิ่มเติมในกรณีที่นายปิยบุตรเคยร่วมกิจกรรมที่แยกคอกวัว เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้ตรวจสอบเอกสารและหลักฐานที่นำมาร้องทุกข์ทั้งหมด ว่าเข้าข่ายหรือไม่ในเรื่องใด ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริงเจ้าหน้าที่ก็จะดำเนินการต่อไป ยืนยันเจ้าหน้าที่จะทำงานอย่างรัดกุม รอบคอบ และให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย
“ธนาธร” โอดถูกใช้สถาบันโจมตี
ด้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยเป็นโพสต์เก่าเมื่อราว 4 ปีก่อน ระบุว่า ในวันที่ 28 มิ.ย.58 หรือ 4 วัน หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้ตนโดนข้อหามาตรา 116 ในวันนี้ โดยมีข้อความลงท้ายว่า “เผด็จการจงพินาศไป ประชาธิปไตยจงเจริญ”
จากนั้นนายธนาธร ได้ลงพื้นที่ขอบคุณพี่น้องประชาชนย่านสยามสแควร์ บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีบรรดาพี่น้องประชาชน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวันรุ่น มารอให้การต้อนรับ พร้อมขอถ่ายรูป และให้กำลังใจพรรคอนาคตใหม่ เป็นจำนวนมาก โดย นายธนาธร ยืนยันกับสื่อมวลชนว่าในวันที่ 6 เม.ย.นี้ จะเดินทางเข้าพบกับพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ตามหมายเรียกในข้อหาความผิด มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่นเป็นภัยกับความั่นคงของประเทศอย่างแน่นอน โดยเหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.58 นั้น ทางตำรวจได้ควบคุมตัว นายรังสิมันต์ โรม และกลุ่มนักศึกษาไว้ เมื่อทราบข่าวก็ได้เดินทางไปให้กำลังใจที่หน้า สน.ปทุมวัน จากนั้นขณะที่กำลังจะกลับ ได้เห็นนายรังสิมันต์ กำลังเดินทางกลับจึงได้อาสารับไปส่ง ไม่ได้เป็นการพาหลบหนี
ส่วนกรณีของตน และนายปิยบุตร ถูกหยิบยกเรื่องสถาบันเข้ามา และเอาไปเชื่อมโยงกับ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น นายธนาธร กล่าวว่า เป็นการกระทำของกลุ่มเผด็จการ ที่นำเรื่องสถาบันเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แม้ว่าทางพรรคจะโดนกลั่นแกล้ง และมีกระแสโจมตีหลายเรื่อง แต่ส่วนตัวยืนยันว่าตัวเอง และนายปิยบุตร รวมถึงสมาชิกพรรคทุกคนยังมีกำลังใจและมั่นใจในความบริสุทธิ์ โดยเฉพาะนายปิยบุตร ที่เป็นเสาหลักที่สำคัญของพรรคอนาคตใหม่ทั้งในวันนี้และในอนาคต
“ทนายแดง” ผุดก๊วนนัก กม.สู้ คสช.
ขณะที่ นายคารม พลพรกลาง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า การดำเนินคดีนายธนาธร และนายปิยบุตร สะท้อนว่า ผู้มีอำนาจในสังคมไทยไม่ยอมรับความคิดใหม่ของคนรุ่นใหม่ที่อยากเข้ามาพัฒนาประเทศให้ดีขึ้น และดำเนินคดีด้วยการหยิบยกข้อกฎหมายมาใช้อย่างคลุมเครือ เพื่อหวังดิสเครดิตทางการเมือง กลุ่มทนายและนักกฎหมายของพรรคการเมืองฝ่ายต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. และแวดวงวิชาการทางกฎหมายที่มีความคิดในเชิงหัวก้าวหน้า เห็นตรงกันว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ถูกต้อง จึงรวมตัวกันเป็นกลุ่มนักกฎหมายอนาคตใหม่เพื่อสังคมไทยที่เท่าเทียม (นอสท.) โดย นอสท.จะเริ่มทำกิจกรรมไปให้กำลังใจ นายธนาธรที่ต้องเข้าพบเจ้าที่ สน.ปทุมวันตามหมายเรียกที่ถูกกล่าวหาตาม มาตรา 116 ในวันที่ 6 เม.ย.นี้
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผบช.น. เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาของนายธนาธร ในวันที่ 6 เม.ย.62 เวลา 10.00 น. ที่ สน.ปทุมวัน ว่า ยังไม่มีรายงานเรื่องที่น่ากังวล หากมีผู้ชุมนุมเดินทางมาให้กำลังใจนายธนาธร เจ้าหน้าที่จะจัดกำลังดูแลความปลอดภัยให้ มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่น่าเป็นห่วง.