xs
xsm
sm
md
lg

กางคะแนน100% พปชร.8.4ล้าน-พท.7.9ล้าน 13พรรคเล็กได้1ที่นั่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


กกต.เปิดผลการนับคะแนน 100% สรุปผู้มาใช้สิทธิ 38.26 ล้านคน คิดเป็น 74.69% พปชร.คะแนนพุ่งนำเป็นที่หนึ่ง 8.4 ล้านเสียง พท. 7.9 ล้านเสียง สั่งเอาผิด “นิติภูมิ” มือโพสต์แจกใบแดงว่อน เจ้าตัวอ้างโดนแฮก “สนธิรัตน์” ยังมั่นใจรวมเสียงตั้งรัฐบาลได้ ปัดประเคนเก้าอี้เกรดเอให้ "ภูมิใจไทย" ด้าน “เพื่อไทย - อนาคตใหม่” ประสานเสียงข้องใจการทำงาน กกต. “หญิงหน่อย” โวยบัตรเกิดใหม่ 4.4 ล้าน เผยคำนวณคะแนนดิบ 27 พรรคได้ ส.ส. “อนาคตใหม่” หดเหลือ 80 ที่นั่ง “13 พรรคเล็ก” ลุ้นปาร์ตี้ลิสต์พรรคละ 1 เก้าอี้ “พรรคไพบูลย์” ได้ด้วย ส่ง “7 พรรคขั้วเพื่อไทย” จาก 255 ที่นั่ง เหลือแค่ 246 ที่นั่ง

วานนี้ (28 มี.ค.) สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายกฤช เอื้อวงศ์ รองเลขาธิการ กกต. แถลงผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ว่า กกต. มีมติ ที่ 33/2562 ลงวันที่ 25 มี.ค.62 ให้เปิดเผยผลคะแนนการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ภายหลังได้รับการรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ 100% จากสำนักงาน กกต.ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการรายงานเฉพาะ ส.ส.แบบแบ่งเขต และคะแนนรวมของแต่ละพรรคการเมือง ในส่วนของ ส.ส.แบบแบ่งเขต มีผู้สมัครทั้งสิ้น 11,181 คน แต่ถูกตัดสิทธิ์สมัครไป 572 คน คงเหลือผู้สมัคร 10,609 คน และผลคะแนนของพรรคการเมือง 81 พรรค

คะแนน พปชร.พุ่งทะลุ 8.4 ล้าน

สำหรับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ มีทั้งสิ้น 51,239,638 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 38,268,375 คน หรือคิดเป็น 74.69% ผู้ไม่มาใช้สิทธิ 12,971,263 คน หรือ 25.31% ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากการแถลงของ นายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. ในวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากตัวเลขในขณะนั้น เป็นการนับคะแนนที่ 94% แต่ล่าสุดเป็นตัวเลขที่ 100% ส่วนจำนวนบัตรเลือกตั้งที่ใช้ไปมีทั้งสิ้น 38,268,366 ใบ แยกเป็นบัตรดี 35,532,647 คิดเป็น 92.85% บัตรเสีย 2,130,327 ใบ หรือคิดเป็น 5.57% บัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 605,392 ใบ หรือคิดเป็น 1.58%

สำหรับคะแนนของพรรคการเมือง 100% จากทุกจังหวัด โดยพรรคที่มีคะแนนซึ่งอาจนำมาคำนวณเป็นเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ มีประมาณ 30 พรรค เรียงลำดับดังนี้ พลังประชารัฐ 8,433,137 คะแนน, เพื่อไทย 7,920,630 คะแนน, อนาคตใหม่ 6,265,950 คะแนน, ประชาธิปัตย์ 3,947,726 คะแนน, ภูมิใจไทย 3,732,883 คะแนน, เสรีรวมไทย 826,530 คะแนน, ชาติไทยพัฒนา 782,031 คะแนน, เศรษฐกิจใหม่ 485,664 คะแนน, ประชาชาติ 485,436 คะแนน, เพื่อชาติ 419,393 คะแนน, รวมพลังประชาชาติไทย 416,324 คะแนน, ชาติพัฒนา 252,044 คะแนน, พลังท้องถิ่นไท 213,129 คะแนน, รักษ์ผืนป่า ประเทศไทย 136,597 คะแนน และพลังปวงชนไทย 81,733 คะแนน เป็นต้น

สั่งเอาผิดคนปูดข่าวใบแดง 45 ใบ

ผู้สื่อข่าวถามถึง กระแสกดดันและลงชื่อถอดถอน กกต. นายกฤช กล่าวว่า กกต.ทุกคน ทำงานตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนด ทุกอย่างเปิดเผยได้ตามเวลาที่กฎหมายกำหนด ส่วนประเด็นการสั่งไม่นับคะแนนบัตรเลือกตั้งจากประเทศนิวซีแลนด์นั้น ต้องดู พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 114 ซึ่งมีรายละเอียดระบุไว้ถึง 4 ประเด็น หากเข้าประเด็นใด กกต.สามารถใช้อำนาจสั่งไม่นับคะแนนได้ ในทางกลับกัน หากนำบัตรดังกล่าวมานับ อาจมีผู้นำไปร้องคัดค้านเช่นกัน

ต่อข้อถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า กกต.จะแจกใบแดงมากถึง 45 ใบ นายกฤช กล่าวว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวเท็จ การพิจารณาเรื่องร้องเรียนและคัดค้านต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของ กกต. ซึ่งข่าวที่ปรากฏเรื่องใบเหลือง ใบแดง นั้นไม่เป็นความจริง สำหรับผู้ที่ปล่อยข่าวเท็จทำให้เกิดความเสียหายและสร้างความสับสนนั้น กกต.จะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายต่อไป

“นิติภูมิ” ร้อนตัวเปิดการ์ดโดนแฮก

ขณะที่ นายนิติธณัฐ มิ่งรุจิราลัย หรือชื่อเดิม นายนิติภูมิ นวรัตน์ รองหัวหน้าพรรคประชาชาติ ผู้ที่ปรากฎชื่อว่าเป็นผู้โพสต์ข้อความใบแดง 45 ใบ เปิดเผยว่า ตนไม่ได้เป็นผู้โพสต์ข้อความดังกล่าว โดยUser name : “Nitipoom Navaratna” @Nitipoom1959 และเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ “nitiphumthanat ming-rujiralai” ดังกล่าวเลิกใช้มากว่า 3 ปีแล้ว หลังจากเปลี่ยนมาใช้ชื่อ นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย คาดว่าคงมีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีเข้ามาแฮกทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กไปใช้โพสต์

“ผมเดินทางไปเข้าพบ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น พร้อมแจ้งความเอาผิดผู้ที่แฮกโซเชียลของผมไปแอบอ้างแล้ว” นายนิติธณัฐ ระบุ

ปัดประเคนเกรดเอให้ “ภูมิใจไทย”

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เรายังมั่นใจว่า พปชร.จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่เร่งรีบและยังมีเวลาในการดำเนินการ เพราะยังมีเรื่องของการประกาศตัวเลขอย่างเป็นทางการของ กกต.ได้ถึงวันที่ 9 พ.ค. เมื่อไรก็ตามที่ กกต.ประกาศแล้ว ก็จะถือว่านิ่งและเราจะเห็นตัวเลขบัญชีรายชื่อที่แท้จริง นั่นคือความหมายที่บอกว่าตัวเลขยังไม่นิ่ง

เมื่อถามถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พรรคภูมิใจไทย ต่อรองขอเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงเกรดเอ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เคยระบุว่า ให้คุยกันหลังจากงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก

“หญิงหน่อย” โวยบัตรเกิดใหม่ 4.4 ล้าน

ด้าน นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรายังมีคำถามอีกมาก ทั้งตัวเลขผู้มีสิทธิ และผู้มาใช้สิทธิที่ไม่ตรงกัน โดยตัวเลขที่เปลี่ยนแปลงเป็นตัวเลขจำนวนมาก เมื่อเห็นตัวเลข กกต.แล้วปวดหัว ไม่น่าเชื่อถือ กกต.ต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน เรายืนยันข้อเรียกร้องให้ กกต.เปิดเผยผลคะแนนรายหน่วย ไม่ใช่เปลี่ยนไปตามอำเภอใจในแต่ละวัน เพราะมีผลไปถึงผลการเปลี่ยนตัวเลข ส.ส.ของแต่ละพรรค การที่องค์กรระดับชาติเปลี่ยนตัวเลขเช่นนี้ ถือเป็นความเลอะเทอะ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เนื้อหาระบุว่า “หลังปิดหีบลงคะแนน 24 มี.ค. 21.30น. กกต.แถลงผลการลงคะแนนว่ามีผู้มาใช้สิทธิ์ 65.96% รวมจำนวน 33,775,230 คน 28 มี.ค. 14.50 น. กกต.แถลงอีกครั้ง ผู้มาใช้สิทธิเพิ่มขึ้นเป็น 74.69% จำนวนเพิ่มเป็น 38,268,375 คน 4 วันมี #บัตรเกิดใหม่ในหีบ4,493,145 ใบ #แบบนี้ก็ได้เหรอคะ #ThailandOnly”

เช่นเดียวกับ น.ส.พรรณิการ์ วาณิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ ที่ระบุว่า ตัวเลขที่น่าสงสัยที่สุดคือ จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งตามหลักสากล นี่เป็นตัวเลขแรกที่ออกมาหลังการเลือกตั้ง แต่ กกต.ประกาศวันที่ 24 มี.ค. ว่าผู้ออกมาใช้สิทธิ 65% แต่วันนี้ประกาศ ว่ามีถึง 74% ห่างกันเกือบ 5 ล้านคน ซึ่ง 5 ล้าน คนนี้เพิ่มมาจากอะไร นี่เป็นคำถามที่กลับไปยัง กกต. แต่เชื่อว่าจำนวน ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่จะไม่ลดลงจากตัวเลขที่พรรคอนาคตใหม่ใช้ลงสัตยาบันกับ 6 พรรคการเมืองก็อยู่ที่ 85 ที่นั่ง

13 พรรคเล็กได้คนละ 1 ที่นั่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ กกต.เปิดเผยผลคะแนนเลือกตั้ง 100% ออกมา ได้มีการคำนวณจำนวน ส.ส.ที่แต่ละพรรคจะได้รับ ปรากฏว่ามีถึง 27 พรรคการเมืองที่ได้ที่นั่ง ส.ส. แบ่งเป็น เพื่อไทย 137 ที่นั่ง, พลังประชารัฐ 116 ที่นั่ง, อนาคตใหม่ 80 ที่นั่ง, ประชาธิปัตย์ 52 ที่นั่ง, ภูมิใจไทย 51 ที่นั่ง, ชาติไทยพัฒนา 10 ที่นั่ง, เสรีรวมไทย 10 ที่นั่ง, ประชาชาติ 7 ที่นั่ง, เศรษฐกิจใหม่ 6 ที่นั่ง, เพื่อชาติ 5 ที่นั่ง, รวมพลังประชาชาติไทย 5 ที่นั่ง, ชาติพัฒนา 3 ที่นั่ง, พลังท้องถิ่นไท 3 ที่นั่ง, รักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 ที่นั่ง ส่วนที่เหลืออีก 13 พรรค ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคละ 1 ที่นั่ง ประกอบด้วย พลังปวงชนไทย (81,733 คะแนน), พลังชาติไทย (73,871 คะแนน), ประชาภิวัฒน์ (69,417 คะแนน), พลังไทยรักไทย (60,840 คะแนน), ไทยศรีวิไลย์ (60,421 คะแนน), ประชานิยม (56,617 คะแนน), ครูไทยเพื่อประชาชน (56,339 คะแนน), ประชาธรรมไทย (47,848 คะแนน), ประชาชนปฏิรูป (45,508 คะแนน), พลเมืองไทย (44,766 คะแนน), ประชาธิปไตยใหม่ (39,792) คะแนน, พลังธรรมใหม่ (35,533 คะแนน) และไทรักธรรม (33,748 คะแนน)

รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า การคำนวณดังกล่าวเป็นผลมาจากการที่ พรรคเพื่อไทย ได้จำนวน ส.ส.เขตมากกว่าจำนวน ส.ส.พึงมี จำนวน 26 ที่นั่ง ผนวกกับการตีความตามมาตรา 128 (6) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ที่ระบุตอนหนึ่งว่า “เมื่อยังจัดสรรจํานวน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไม่ครบ 150 คน ให้พรรคการเมืองที่มีเศษจากการคํานวณมากที่สุดได้รับการจัดสรรจํานวน ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มอีก 1 คนตามลําดับ จนครบจํานวน 150 คน...” ทำให้พรรคอื่นๆนอกจากพรรคเพื่อไทย อีก 26 พรรคการเมืองได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มพรรคละ 1 ที่นั่ง โดยเรียงตามจำนวนคะแนนเลือกตั้งที่แต่ละพรรคได้

7 พรรคขั้ว พท.แต้มหดเหลือ 246

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า หากคิดตามจำนวน ส.ส.ที่คำนวณข้างต้น จะส่งผลให้จำนวน ส.ส.ของ 7 พรรคการเมือง นำโดยพรรคเพื่อไทย ที่ร่วมลงสัตยาบันเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่โรงแรมแลงคาสเตอร์ ถ.เพชบุรีตัดใหม่ ซึ่งอ้างว่ามี 255 เสียงนั้นลดลงเหลือเพียง 246 เสียงหรือไม่เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรทันที ได้แก่ เพื่อไทย 137 ที่นั่ง, อนาคตใหม่ 80 ที่นั่ง, เสรีรวมไทย 10 ที่นั่ง, ประชาชาติ 7 ที่นั่ง, เพื่อชาติ 5 ที่นั่ง, พลังปวงชนไทย 1 ที่นั่ง รวมไปถึง เศรษฐกิจใหม่ 6 ที่นั่ง ซึ่งยังไม่ได้มาร่วมลงนามในสัตยาบันด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น