ข่าวปนคน คนปนข่าว
**ปรากฏการณ์ สองขั้วการเมืองชิงตั้งรัฐบาล ฝ่าย "สืบทอดอำนาจแม้ว" ดูจะลุกลี้ลุกลนกว่า ฝ่าย "หนุนลุงตู่" ที่ดูใจเย็น เพราะยังมีเวลาทอดยาวให้แก้โจทย์ "เสียงปริ่มน้ำ"
หลังเลือกตั้งครั้งนี้ แม้กกต. จะเพิ่งประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการไปแค่ 95% และจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ บวกกับส่วนที่เหลืออีก 5% ในช่วงหลัง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือ วันที่ 9 พฤษภาคม... แต่ขั้วการเมืองทั้งฝ่าย "เพื่อไทย" และพรรคพันธมิตร ซึ่งพยายามพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า ฝ่ายตนเองเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ได้ตั้งโต๊ะแถลง นำโดย "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้ง หัวหน้าพรรคและตัวแทนจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย เคลมว่า รวบรวมเสียงได้แล้ว 255 เสียง ... เพียงแต่ไม่มี "เฮียมิ่ง" มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มีเสียง ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ 6 เสียง มานั่งแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลด้วย
"เจ๊หน่อย" ย้ำว่า ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนให้ฝ่ายประชาธิปไตย ให้ตั้งรัฐบาลด้วยความชอบธรรม เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ... คล้อยหลังไม่นาน "ทักษิณ ชินวัตร" ก็ได้ทวีตข้อความมาร่วมแสดงความยินดีว่า "วันนี้รู้สึกดีใจกับประเทศไทย ที่ฝ่ายประชาธิปไตย รวบรวมเสียงได้ เกินครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา ผมออกมาอยู่นอกประเทศกว่า 10 ปีแล้ว ขอทุกฝ่าย อย่าได้ใช้ชื่อผมเป็นเงื่อนไขทางการเมืองใดๆ อีกเลย ผมขอเป็นเพียงกองเชียร์ ให้ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย เพื่อความผาสุขของคนไทยเท่านั้น" ... ปากก็บอกไม่ให้ใช้ชื่อตัวเองมาพัวพัน แต่ก็รีบแสดงความยินดีที่ ลิ่วล้อมมีความคืบหน้าในแผนการสืบทอดอำนาจของตัวเอง
ขณะที่ฝ่าย "พรรคพลังประชารัฐ" โดย"อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรค และ"สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรค ก็ออกมาแถลงข่าวเช่นกัน เพียงแต่จะดู "ใจเย็น" กว่า ว่าทางพรรคก็กำลังหารืออยู่กับพรรคการเมืองอื่นๆ เหมือนกัน แต่จะไม่รีบออกมาประกาศจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องรอให้กกต. ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการเสียก่อนจึงจะมีความชัดเจน ... เพราะ กกต.ยังมีเรื่องร้องเรียนที่ต้องพิจารณาอีก อาจจะมีการชัก "ใบเหลือง-ใบแดง-ใบส้ม" ออกมา ก็จะทำให้ตัวเลขจำนวน ส.ส.เปลี่ยนไป ... แถมบลัฟกลับว่า การที่ขั้วตรงข้ามพยายามออกมาชิงประกาศจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นเพียงการ "ฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉิน" เพียงเพื่อให้รู้สึกว่ามีความชอบธรรมเท่านั้น ...
แต่เรื่องที่ดุเดือดแสดงออกถึงอารมณ์ก็คือ "สนธิรัตน์" สวนฝ่ายเพื่อไทยว่าให้เลิกปั้นวาทกรรม "ฝ่ายประชาธิปไตย" กับฝ่าย "สืบทอดอำนาจคสช."ได้แล้ว เพราะทุกพรรคผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมาด้วยกันทั้งนั้น และ "พลังประชารัฐ" ก็ได้รับฉันทามติจากประชาชน ด้วยคะแนนเสียงมาเป็นอันดับที่ 1 มีคะแนนถึง 7.9 ล้านเสียง... หากจะว่าไปแล้วหากฝ่ายพลังประชารัฐ ถูกผลักให้ไปอยู่ฝ่าย "สืบทอดอำนาจคสช." ขั้วเพื่อไทย ก็ไม่ต่างกับฝ่าย "สืบทอดอำนาจทักษิณ" เช่นกัน..
อย่างไรก็ตาม หากดูตามไทม์ไลน์ แล้ว กว่ากกต.จะประกาศรับรองผล ก็ 9 พ.ค. จากนั้นจะมีช่วงเวลาการรายงานตัวของส.ส. และส.ว.ใหม่ เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลต้องกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดการประชุมรัฐสภาครั้งแรก จากนั้นจึงจะมีการเลือกประธานสภาฯ จึงจะมาถึงขั้นตอนโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งก็น่าจะตกไปถึงช่วงปลายเดือนพ.ค. จนถึงต้นเดือน มิ.ย. เมื่อได้ตัวนายกฯ แล้วจึงจะฟอร์มคณะรัฐมนตรี เมื่อมีคณะรัฐมนตรีแล้ว ต้องนำความกราบบังคมทูล และเมื่อโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็ต้องกราบบังคมทูลซ้ำอีกครั้ง เพื่อขอพระราชทานพระราชวโรกาส นำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ซึ่งเมื่อนายกฯ นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว จึงจะเริ่มปฏิบัติงานได้ ซึ่งในช่วงเวลาทั้งหมดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ยังคงถือ มาตรา 44 อยู่
คราวนี้หากมองถึงโอกาสของทั้งสองฝ่าย ว่าจะทำอย่างไร ให้เสียง ส.ส.ที่ก้ำกึ่งอยู่ จะมีโอกาสตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ...ข้างฝ่ายเพื่อไทยนั้น การจะมีนายกฯได้ ต้องฝ่าด่าน ส.ว. 250 เสียงไปให้ได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องหาพรรคขนาดกลาง มาเข้าร่วมอีก ซึ่งดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้วยังเป็น "โจทย์หิน" ... ขณะที่ฝ่ายพลังประชารัฐ ดูจะมีภาษีดีกว่าในเรื่องการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัย เมื่อตั้งนายกฯได้แล้ว ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในสภา ก็น่าจะเตรียมทางแก้ไว้แล้ว ...
ดังนั้นในช่วงการโหวตนายกฯ จึงมีการพูดถึงเรื่อง"งูเห่าการเมือง" กันมาก ซึ่งงูเห่าที่ว่านี้ พิเคราะห์แล้วอาจจะมาจากหลายแหล่ง อย่างเช่น “งูเห่าฝากเลี้ยง”ในพรรคการเมืองใหญ่ หรือส.ส.หน้าใหม่ ที่อยากหนุน"ลุงตู่"ให้สานงานต่อ นอกจากนี้ อาจมี ส.ส.ของพรรคเล็กบางพรรค โดยเฉพาะ "พรรคเฮียมิ่้ง" ที่มี ส.ส.6 ที่นั่ง แม้ตัวเฮียมิ่ง จะไม่ไป แต่ลูกทีมในส่วนที่เหลืออาจตัดสินใจไปอีกทางได้ ขอให้จับตาดูให้ดี
**“อุ๊งอิ๊ง”เปิดWar “รวย-จน”“ทุกข์-สุข”เงินหรือใจ หลังโดนแซะ “ทุกข์ของคุณ คือทุกข์ที่รักษาได้ เพราะคุณมีเงินเหลือเฟือ…อยากให้เห็นอีกโลกที่เค้าหาเช้ากินค่ำ”คอมเม้นต์ จากโพสต์อวดภาพงานแต่ง ที่บรรยายอย่างเปี่ยมสุข “เติมความสุข เติมแล้วเติมอีก เติมๆๆๆๆๆ”
ควันหลงของงานฉลองพิธีวิวาห์เริ่ดหรูอลังการ ระหว่าง ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร กับ เจ้าบ่าว "ปอ" ปิฎก ยังมีเรื่องให้ขาเม้นต์-ขามอย ได้ทำงานกันไม่เลิกรา ... ล่าสุดโพสต์ในไอจีของ อุ๊งอิ๊ง “ ingshin21” เมื่อ 1 วันที่แล้ว ซึ่งเป็นภาพถ่ายคู่กับเจ้าบ่าวด้วยอากัปกิริยาสุขเหลือล้น พร้อมกับแคปชั่นตอกย้ำว่า “เอาความสุขจากวันนั้น มาเติมให้วันนี้ เติมมันตั้งแต่เมื่อวาน เติมๆๆๆๆ”
แรกๆ ก็มี FC และ ไม่FC ทั้งหลาย มาแสดงความยินดีตามธรรมเนียม ส่วนใหญ่ก็ว่า “สวย-เริ่ด ที่สุดก็คนนี้” แต่มีคนๆหนึ่ง ที่โพสต์ตวามเห็นต่างออกไป ว่า “คุณมีพร้อม.. แม้ว่าห่างกัน แต่คุณสามารถไปหาพ่อคุณได้ทุกวัน..เพราะฉะนั้นทุกข์ของคุณคือ ทุกข์ที่รักษาได้ เพราะคุณมีเงินเหลือเฟือ…ไม่ได้ต่อต้านนะคะ แต่อยากให้เห็นอีกโลกที่เค้าหาเช้ากินค่ำ”...
"อุ๊งอิ๊ง" ก็ได้ตอบว่า... "เวลาคนที่เค้าเอ่ยถึง “ความสุข”หรือ “ความทุกข์”คุณไม่รู้หรอกว่ามันเกิดจากอะไร “เงิน”หรือ “ใจ”ไม่ได้ต่อต้านเช่นกันค่ะ แต่ ไม่ควรด่วนสรุป ถ้ายังไม่ได้รู้อะไรเรื่องเค้าเลยค่ะ" ... ทีนี้ละครับท่านผู้ชม อุ๊งอิ๊ง เลือดแม้วเข้มข้นไม่ทำให้คนไม่เอาทักษิณผิดหวัง ตามคำเชื้อเชิญที่เธอเคยพูดตอนดราม่าพี่โอ๊ค ต้องเดินขึ้นศาลในคดีกรุงไทย เมื่อปีที่แล้วที่ว่า“ลูกทักษิณ”ไม่เคยได้รับอะไรเหมือนคนอื่นเค้าหรอก “ลูกทักษิณ”ได้รับอะไร แรงกว่าคนอื่น เสมอ”...
เปิดสงครามแบบนี้ ความเห็นก็กระหน่ำกันเข้ามารัวๆ ว่าด้วยความรวย ความสุข ความทุกข์ และความจน ไปจนถึงเรื่องของเงิน และใจ ... คอมเม้นท์มากมายอ่านกันไม่หวาดไม่ไหวมีทั้งให้กำลังใจอุ๊งอิ๊ง “อย่าได้แคร์” “คอมเม้นต์มามากๆ พี่ก็บล็อกไปเลยค่าพวกระราน”.. เรื่องมันไม่จบแค่ไอจีนะสิ พอมีโซเซียลเขาเอามาขยายประเด็นพาดในทำนอง “ทุกข์แค่ไหนแต่ก็ยังรวย” เหมือนเติมเชื้อไฟให้เรื่องนี้รุนแรงขึ้น ... ทีนี้ว่าไปถึงที่มาความร่ำรวยของตระกูลชินวัตร ตั้งแต่เริ่มผูกขาดสัมปทานโทรคมนาคม และรวยขึ้นๆ จากการทุจริตเชิงนโยบายอันเป็นเหตุให้ทักษิณถูกฟ้องร้องมีคดีจนหนีกระเซอะกระเซิงไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ 10 กว่าปีแล้ว..
10 กว่าปีที่ทักษิณอยู่ต่างประเทศโดยที่ไม่รู้แน่ชัดว่าทำธุรกิจอะไร แต่ความรวยของเขาก็ยังถูกจัดในอันดับเศรษฐีเมืองไทย อย่างงานแต่งที่เวอร์วังหรูหราก็น่าจะ สะท้อนความร่ำรวยของคนตระกูลนี้ได้ แค่นาฬิกาที่ทักษิณใส่ในคืนนั้นเรือนหนี่งก็ 113 ล้าน มันไม่ใช่เรื่องอิจฉา หรือ ไม่อิจฉาอุ๊งอิ๊ง อย่างที่ FC พยายามจะบิดให้เป็นเรื่องรวย หรือจน แซะของคนโรคจิต ริษยาความสุขงานแต่งคนรวย ... หากเป็น สวรรค์อยู่ในอกนรกนั้นอยู่ในใจ ใครทำไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ ... มัน เป็นเช่นนี้เอง.
**“บิ๊กกบ”นั่งหัวโต๊ะเชือด"แม้ว" เอง!! ลบชื่อออกจากศิษย์เก่าดีเด่นพร้อมเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว โรงเรียนเตรียมทหาร เหตุผลชัด ประพฤติตนเสื่อมเสีย เสียหายต่อสังคมต่อสถาบัน"**
เปรี้ยงๆดังเสียงฟ้าฟาด ขณะที่ทักษิณ ชินวัตร หลงใหลได้ปลื้มกับฝ่ายสืบทอดอำนาจตัวเองที่ประดิษฐ์บิดเบือนถ้อยคำซะสวยหรูว่าเป็น"ฝ่ายประชาธิปไตย" ชิงตั้งรัฐบาลรวมพรรคเครือข่ายเพื่อไทยวานนี้ ... อีกฟากก็มีรายงานข่าวจากกองบัญชาการกองทัพไทยว่า คณะกรรมการศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ที่มี “บิ๊กกบ” พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน การประชุมคณะ กรรมการฯ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 โดยที่ประชุมมีมติ ให้ถอดชื่อ”ทักษิณ ชินวัตร”ออกจาก ศิษย์เก่าดีเด่น รร.เตรียมทหารรุ่นที่ 10 และ ให้เรียกคืน"รางวัลเกียรติยศจักรดาว"
ทั้งนี้ในการพิจารณาศิษย์เก่าดีเด่นเพื่อรับรางวัล ระบุไว้ชัดว่า ต้องเป็นผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรม ทั้งในหน้าที่การงานและความประพฤติส่วนตัว ตลอดจนต้องไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ในทางเสียหายในสังคม ทั้งเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเสียสละอุทิศตน เพื่องานในหน้าที่ราชการหรืองานสังคมจนเป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป ... หากผู้ที่ได้รับรางวัล มีความประพฤติตนเสื่อมเสีย เสียหายต่อสังคม ต่อสถาบัน ด้วยการแสดงออก ถึงความจงรักภักดี และประเทศชาติ ทำให้ขัดต่อระเบียบฯ ... ดูตามนี้ ทักษิณ มีคุณสมบัติครบเลย...
คณะกรรมฯจึงลงมติแบบเอกฉันท์ ด้วยเหตุผลตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอเรื่องการถอดถอน พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ออกจากยศตำรวจ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และถูกถอดยศเมื่อ 5 กันยายน 2558 ...ขณะที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา เมื่อ 21 ตุลาคม 2551 ว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 โดยพิจารณาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ... “นายทักษิณ ชินวัตร”จึงไม่เหลืออะไรให้โรงเรียนเตรียมทหารต้องจดจำ
รูป
- อุ๊งอิ๊ง กับ ปอ
-ทักษิณ ชินวัตร - พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี
-พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าว ไม่รีบร้อนประกาศตั้งรัฐบาล
**ปรากฏการณ์ สองขั้วการเมืองชิงตั้งรัฐบาล ฝ่าย "สืบทอดอำนาจแม้ว" ดูจะลุกลี้ลุกลนกว่า ฝ่าย "หนุนลุงตู่" ที่ดูใจเย็น เพราะยังมีเวลาทอดยาวให้แก้โจทย์ "เสียงปริ่มน้ำ"
หลังเลือกตั้งครั้งนี้ แม้กกต. จะเพิ่งประกาศผลอย่างไม่เป็นทางการไปแค่ 95% และจะประกาศผลอย่างเป็นทางการ บวกกับส่วนที่เหลืออีก 5% ในช่วงหลัง พระราชพิธีบรมราชาภิเษก คือ วันที่ 9 พฤษภาคม... แต่ขั้วการเมืองทั้งฝ่าย "เพื่อไทย" และพรรคพันธมิตร ซึ่งพยายามพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า ฝ่ายตนเองเป็น "ฝ่ายประชาธิปไตย" ได้ตั้งโต๊ะแถลง นำโดย "เจ๊หน่อย" คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย พร้อมทั้ง หัวหน้าพรรคและตัวแทนจากพรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย เคลมว่า รวบรวมเสียงได้แล้ว 255 เสียง ... เพียงแต่ไม่มี "เฮียมิ่ง" มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์" หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่มีเสียง ส.ส.บัญชีรายชื่ออยู่ 6 เสียง มานั่งแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลด้วย
"เจ๊หน่อย" ย้ำว่า ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนให้ฝ่ายประชาธิปไตย ให้ตั้งรัฐบาลด้วยความชอบธรรม เพื่อต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช. ... คล้อยหลังไม่นาน "ทักษิณ ชินวัตร" ก็ได้ทวีตข้อความมาร่วมแสดงความยินดีว่า "วันนี้รู้สึกดีใจกับประเทศไทย ที่ฝ่ายประชาธิปไตย รวบรวมเสียงได้ เกินครึ่งหนึ่งของที่นั่งในสภา ผมออกมาอยู่นอกประเทศกว่า 10 ปีแล้ว ขอทุกฝ่าย อย่าได้ใช้ชื่อผมเป็นเงื่อนไขทางการเมืองใดๆ อีกเลย ผมขอเป็นเพียงกองเชียร์ ให้ประเทศกลับสู่ระบอบประชาธิปไตย เพื่อความผาสุขของคนไทยเท่านั้น" ... ปากก็บอกไม่ให้ใช้ชื่อตัวเองมาพัวพัน แต่ก็รีบแสดงความยินดีที่ ลิ่วล้อมมีความคืบหน้าในแผนการสืบทอดอำนาจของตัวเอง
ขณะที่ฝ่าย "พรรคพลังประชารัฐ" โดย"อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรค และ"สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์" เลขาธิการพรรค ก็ออกมาแถลงข่าวเช่นกัน เพียงแต่จะดู "ใจเย็น" กว่า ว่าทางพรรคก็กำลังหารืออยู่กับพรรคการเมืองอื่นๆ เหมือนกัน แต่จะไม่รีบออกมาประกาศจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องรอให้กกต. ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการเสียก่อนจึงจะมีความชัดเจน ... เพราะ กกต.ยังมีเรื่องร้องเรียนที่ต้องพิจารณาอีก อาจจะมีการชัก "ใบเหลือง-ใบแดง-ใบส้ม" ออกมา ก็จะทำให้ตัวเลขจำนวน ส.ส.เปลี่ยนไป ... แถมบลัฟกลับว่า การที่ขั้วตรงข้ามพยายามออกมาชิงประกาศจัดตั้งรัฐบาลก็เป็นเพียงการ "ฉกฉวยบนสถานการณ์ฉุกเฉิน" เพียงเพื่อให้รู้สึกว่ามีความชอบธรรมเท่านั้น ...
แต่เรื่องที่ดุเดือดแสดงออกถึงอารมณ์ก็คือ "สนธิรัตน์" สวนฝ่ายเพื่อไทยว่าให้เลิกปั้นวาทกรรม "ฝ่ายประชาธิปไตย" กับฝ่าย "สืบทอดอำนาจคสช."ได้แล้ว เพราะทุกพรรคผ่านการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยมาด้วยกันทั้งนั้น และ "พลังประชารัฐ" ก็ได้รับฉันทามติจากประชาชน ด้วยคะแนนเสียงมาเป็นอันดับที่ 1 มีคะแนนถึง 7.9 ล้านเสียง... หากจะว่าไปแล้วหากฝ่ายพลังประชารัฐ ถูกผลักให้ไปอยู่ฝ่าย "สืบทอดอำนาจคสช." ขั้วเพื่อไทย ก็ไม่ต่างกับฝ่าย "สืบทอดอำนาจทักษิณ" เช่นกัน..
อย่างไรก็ตาม หากดูตามไทม์ไลน์ แล้ว กว่ากกต.จะประกาศรับรองผล ก็ 9 พ.ค. จากนั้นจะมีช่วงเวลาการรายงานตัวของส.ส. และส.ว.ใหม่ เรียบร้อยแล้ว รัฐบาลต้องกราบบังคมทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนิน ทรงเปิดการประชุมรัฐสภาครั้งแรก จากนั้นจึงจะมีการเลือกประธานสภาฯ จึงจะมาถึงขั้นตอนโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งก็น่าจะตกไปถึงช่วงปลายเดือนพ.ค. จนถึงต้นเดือน มิ.ย. เมื่อได้ตัวนายกฯ แล้วจึงจะฟอร์มคณะรัฐมนตรี เมื่อมีคณะรัฐมนตรีแล้ว ต้องนำความกราบบังคมทูล และเมื่อโปรดเกล้าฯ ลงมา ก็ต้องกราบบังคมทูลซ้ำอีกครั้ง เพื่อขอพระราชทานพระราชวโรกาส นำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ซึ่งเมื่อนายกฯ นำครม.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณแล้ว จึงจะเริ่มปฏิบัติงานได้ ซึ่งในช่วงเวลาทั้งหมดนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ยังคงถือ มาตรา 44 อยู่
คราวนี้หากมองถึงโอกาสของทั้งสองฝ่าย ว่าจะทำอย่างไร ให้เสียง ส.ส.ที่ก้ำกึ่งอยู่ จะมีโอกาสตั้งรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ ...ข้างฝ่ายเพื่อไทยนั้น การจะมีนายกฯได้ ต้องฝ่าด่าน ส.ว. 250 เสียงไปให้ได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องหาพรรคขนาดกลาง มาเข้าร่วมอีก ซึ่งดูจากสถานการณ์โดยรวมแล้วยังเป็น "โจทย์หิน" ... ขณะที่ฝ่ายพลังประชารัฐ ดูจะมีภาษีดีกว่าในเรื่องการสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกสมัย เมื่อตั้งนายกฯได้แล้ว ปัญหารัฐบาลเสียงปริ่มน้ำในสภา ก็น่าจะเตรียมทางแก้ไว้แล้ว ...
ดังนั้นในช่วงการโหวตนายกฯ จึงมีการพูดถึงเรื่อง"งูเห่าการเมือง" กันมาก ซึ่งงูเห่าที่ว่านี้ พิเคราะห์แล้วอาจจะมาจากหลายแหล่ง อย่างเช่น “งูเห่าฝากเลี้ยง”ในพรรคการเมืองใหญ่ หรือส.ส.หน้าใหม่ ที่อยากหนุน"ลุงตู่"ให้สานงานต่อ นอกจากนี้ อาจมี ส.ส.ของพรรคเล็กบางพรรค โดยเฉพาะ "พรรคเฮียมิ่้ง" ที่มี ส.ส.6 ที่นั่ง แม้ตัวเฮียมิ่ง จะไม่ไป แต่ลูกทีมในส่วนที่เหลืออาจตัดสินใจไปอีกทางได้ ขอให้จับตาดูให้ดี
**“อุ๊งอิ๊ง”เปิดWar “รวย-จน”“ทุกข์-สุข”เงินหรือใจ หลังโดนแซะ “ทุกข์ของคุณ คือทุกข์ที่รักษาได้ เพราะคุณมีเงินเหลือเฟือ…อยากให้เห็นอีกโลกที่เค้าหาเช้ากินค่ำ”คอมเม้นต์ จากโพสต์อวดภาพงานแต่ง ที่บรรยายอย่างเปี่ยมสุข “เติมความสุข เติมแล้วเติมอีก เติมๆๆๆๆๆ”
ควันหลงของงานฉลองพิธีวิวาห์เริ่ดหรูอลังการ ระหว่าง ลูกสาวคนเล็กของทักษิณ ชินวัตร “อุ๊งอิ๊ง”แพทองธาร ชินวัตร กับ เจ้าบ่าว "ปอ" ปิฎก ยังมีเรื่องให้ขาเม้นต์-ขามอย ได้ทำงานกันไม่เลิกรา ... ล่าสุดโพสต์ในไอจีของ อุ๊งอิ๊ง “ ingshin21” เมื่อ 1 วันที่แล้ว ซึ่งเป็นภาพถ่ายคู่กับเจ้าบ่าวด้วยอากัปกิริยาสุขเหลือล้น พร้อมกับแคปชั่นตอกย้ำว่า “เอาความสุขจากวันนั้น มาเติมให้วันนี้ เติมมันตั้งแต่เมื่อวาน เติมๆๆๆๆ”
แรกๆ ก็มี FC และ ไม่FC ทั้งหลาย มาแสดงความยินดีตามธรรมเนียม ส่วนใหญ่ก็ว่า “สวย-เริ่ด ที่สุดก็คนนี้” แต่มีคนๆหนึ่ง ที่โพสต์ตวามเห็นต่างออกไป ว่า “คุณมีพร้อม.. แม้ว่าห่างกัน แต่คุณสามารถไปหาพ่อคุณได้ทุกวัน..เพราะฉะนั้นทุกข์ของคุณคือ ทุกข์ที่รักษาได้ เพราะคุณมีเงินเหลือเฟือ…ไม่ได้ต่อต้านนะคะ แต่อยากให้เห็นอีกโลกที่เค้าหาเช้ากินค่ำ”...
"อุ๊งอิ๊ง" ก็ได้ตอบว่า... "เวลาคนที่เค้าเอ่ยถึง “ความสุข”หรือ “ความทุกข์”คุณไม่รู้หรอกว่ามันเกิดจากอะไร “เงิน”หรือ “ใจ”ไม่ได้ต่อต้านเช่นกันค่ะ แต่ ไม่ควรด่วนสรุป ถ้ายังไม่ได้รู้อะไรเรื่องเค้าเลยค่ะ" ... ทีนี้ละครับท่านผู้ชม อุ๊งอิ๊ง เลือดแม้วเข้มข้นไม่ทำให้คนไม่เอาทักษิณผิดหวัง ตามคำเชื้อเชิญที่เธอเคยพูดตอนดราม่าพี่โอ๊ค ต้องเดินขึ้นศาลในคดีกรุงไทย เมื่อปีที่แล้วที่ว่า“ลูกทักษิณ”ไม่เคยได้รับอะไรเหมือนคนอื่นเค้าหรอก “ลูกทักษิณ”ได้รับอะไร แรงกว่าคนอื่น เสมอ”...
เปิดสงครามแบบนี้ ความเห็นก็กระหน่ำกันเข้ามารัวๆ ว่าด้วยความรวย ความสุข ความทุกข์ และความจน ไปจนถึงเรื่องของเงิน และใจ ... คอมเม้นท์มากมายอ่านกันไม่หวาดไม่ไหวมีทั้งให้กำลังใจอุ๊งอิ๊ง “อย่าได้แคร์” “คอมเม้นต์มามากๆ พี่ก็บล็อกไปเลยค่าพวกระราน”.. เรื่องมันไม่จบแค่ไอจีนะสิ พอมีโซเซียลเขาเอามาขยายประเด็นพาดในทำนอง “ทุกข์แค่ไหนแต่ก็ยังรวย” เหมือนเติมเชื้อไฟให้เรื่องนี้รุนแรงขึ้น ... ทีนี้ว่าไปถึงที่มาความร่ำรวยของตระกูลชินวัตร ตั้งแต่เริ่มผูกขาดสัมปทานโทรคมนาคม และรวยขึ้นๆ จากการทุจริตเชิงนโยบายอันเป็นเหตุให้ทักษิณถูกฟ้องร้องมีคดีจนหนีกระเซอะกระเซิงไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ 10 กว่าปีแล้ว..
10 กว่าปีที่ทักษิณอยู่ต่างประเทศโดยที่ไม่รู้แน่ชัดว่าทำธุรกิจอะไร แต่ความรวยของเขาก็ยังถูกจัดในอันดับเศรษฐีเมืองไทย อย่างงานแต่งที่เวอร์วังหรูหราก็น่าจะ สะท้อนความร่ำรวยของคนตระกูลนี้ได้ แค่นาฬิกาที่ทักษิณใส่ในคืนนั้นเรือนหนี่งก็ 113 ล้าน มันไม่ใช่เรื่องอิจฉา หรือ ไม่อิจฉาอุ๊งอิ๊ง อย่างที่ FC พยายามจะบิดให้เป็นเรื่องรวย หรือจน แซะของคนโรคจิต ริษยาความสุขงานแต่งคนรวย ... หากเป็น สวรรค์อยู่ในอกนรกนั้นอยู่ในใจ ใครทำไรย่อมรู้อยู่แก่ใจ ... มัน เป็นเช่นนี้เอง.
**“บิ๊กกบ”นั่งหัวโต๊ะเชือด"แม้ว" เอง!! ลบชื่อออกจากศิษย์เก่าดีเด่นพร้อมเรียกคืนรางวัลเกียรติยศจักรดาว โรงเรียนเตรียมทหาร เหตุผลชัด ประพฤติตนเสื่อมเสีย เสียหายต่อสังคมต่อสถาบัน"**
เปรี้ยงๆดังเสียงฟ้าฟาด ขณะที่ทักษิณ ชินวัตร หลงใหลได้ปลื้มกับฝ่ายสืบทอดอำนาจตัวเองที่ประดิษฐ์บิดเบือนถ้อยคำซะสวยหรูว่าเป็น"ฝ่ายประชาธิปไตย" ชิงตั้งรัฐบาลรวมพรรคเครือข่ายเพื่อไทยวานนี้ ... อีกฟากก็มีรายงานข่าวจากกองบัญชาการกองทัพไทยว่า คณะกรรมการศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมทหาร ที่มี “บิ๊กกบ” พลเอกพรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน การประชุมคณะ กรรมการฯ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2562 โดยที่ประชุมมีมติ ให้ถอดชื่อ”ทักษิณ ชินวัตร”ออกจาก ศิษย์เก่าดีเด่น รร.เตรียมทหารรุ่นที่ 10 และ ให้เรียกคืน"รางวัลเกียรติยศจักรดาว"
ทั้งนี้ในการพิจารณาศิษย์เก่าดีเด่นเพื่อรับรางวัล ระบุไว้ชัดว่า ต้องเป็นผู้มีความประพฤติดี มีคุณธรรม ทั้งในหน้าที่การงานและความประพฤติส่วนตัว ตลอดจนต้องไม่มีประวัติเสื่อมเสีย ในทางเสียหายในสังคม ทั้งเป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และเสียสละอุทิศตน เพื่องานในหน้าที่ราชการหรืองานสังคมจนเป็นที่ประจักษ์แก่บุคคลทั่วไป ... หากผู้ที่ได้รับรางวัล มีความประพฤติตนเสื่อมเสีย เสียหายต่อสังคม ต่อสถาบัน ด้วยการแสดงออก ถึงความจงรักภักดี และประเทศชาติ ทำให้ขัดต่อระเบียบฯ ... ดูตามนี้ ทักษิณ มีคุณสมบัติครบเลย...
คณะกรรมฯจึงลงมติแบบเอกฉันท์ ด้วยเหตุผลตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอเรื่องการถอดถอน พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร ออกจากยศตำรวจ ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 และถูกถอดยศเมื่อ 5 กันยายน 2558 ...ขณะที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษา เมื่อ 21 ตุลาคม 2551 ว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2542 โดยพิจารณาให้ลงโทษจำคุก 2 ปี ... “นายทักษิณ ชินวัตร”จึงไม่เหลืออะไรให้โรงเรียนเตรียมทหารต้องจดจำ
รูป
- อุ๊งอิ๊ง กับ ปอ
-ทักษิณ ชินวัตร - พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี
-พรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าว ไม่รีบร้อนประกาศตั้งรัฐบาล